เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 578
หยางเฟิงหรี่ตาลงมอง พร้อมกับพูดกับตัวเอง: “ดูเหมือนว่าข้าจะมีศัตรูอยู่ไม่น้อยเลย!”

แม้ว่าเย่ชิวและเหอเซิ่งหงจะสวมหน้ากากอยู่

แต่หลายปีที่ผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชน ทำให้หยางเฟิงสำเร็จวิชาตาทิพย์ที่สามารถจำคนที่เคยเจอแล้วได้!

เพียงแค่มองเข้าไปในดวงตาของทั้งสองคน

หยางเฟิงก็รู้ได้ว่าพวกเขาเป็นใคร

การที่เหอเซิ่งหงอยู่กับกุ่ยเหมินนั้น หยางเฟิงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร

เพราะในตอนที่อยู่เมืองกาสิโน ผู้คุมกฎสิบเป็นคนช่วยเขาไว้!

แต่ว่าเย่ชิวก็เข้าร่วมกุ่ยเหมินด้วย?

นี่เป็นเรื่องเกินความคาดหมายของหยางเฟิง

ตอนแรกเย่ชิวถูกหยางเฟิงหักขาทั้งสองข้าง และโยนทิ้วไว้ให้เป็นขอทานบนสะพานลอย

เดิมทีคิดว่าปล่อยไปตามเวรตามกรรม!

แต่คาดไม่ถึงว่า

เย่ชิวไม่เพียงแต่ขาทั้งสองข้างหายเป็นปกติ มิหนำซ้ำยังเข้าร่วมกุ่ยเหมินอีก!

ทันใดนั้น

หยางเฟิงนึกได้อะไรบางอย่าง

ตอนนั้น ที่อยู่ในคฤหาสน์ของเย่เทียน

เขาเหมือนได้กลิ่นที่คุ้นเคย

ณ ตอนนั้น เขาก็เกิดความสงสัย

แต่เย่เทียนปฏิเสธอย่างแข็งขัน

ตอนนี้ดูเหมือนว่า

ไอ้แก่เย่เทียนคนนี้ แม้ว่าจะเกษียณแล้ว แต่ความเป็นโจรในตัวเขาก็ยังไม่ตายอยู่ดี!

การจากไปของผู้คุมกฎสิบ

ทำให้ในใจหยางเฟิงรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก

เดิมทีเขาต้องการใช้คำพูดท้าทาย ให้ผู้คุมกฎสิบทนไม่ไหวและลงมือกับเขา เช่นนั้น เขาก็จะสามารถสังหารผู้คุมกฎสิบต่อหน้าคนนับหมื่นอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาได้

แต่คาดไม่ถึงว่า คนผู้นี้เฉลียวฉลาด เก็บงำซ่อนเร้น น่ากลัวยิ่งนัก

พอคิดถึงตรงนี้

หยางเฟิงก็คิดตัดสินใจอยู่ในใจ

จะต้องหาโอกาสกำจัดผู้คุมกฎสิบให้ได้

มิฉะนั้น ในภายภาคหน้า จะมีปัญหาไม่รู้จบ!

เพราะจริงๆ แล้ว

หมาที่ไม่เห่าถึงจะกัดคนได้เจ็บที่สุด!

ในขณะที่หยางเฟิงกำลังครุ่นคิดอยู่

ฝูงชนต่างก็มองไปที่หยางเฟิงด้วยความประหลาดใจ

หยางเฟิงทำให้กุ่ยเหมินอับอายขนาดนี้

แต่ผู้คนของกุ่ยเหมิน กลับหนีกลับไปอย่างหดหู่ทั้งๆ อย่างนี้?

พระเจ้า!

หยางเฟิงคนนี้ เป็นปีศาจร้ายที่หลุดออกมาจากไหนกัน!

ทันใดนั้น เห็นเพียงหยางเฟิงส่ายหัวอย่างเซ็งๆ แล้วพูดว่า “น่าเบื่อ! น่าเบื่อจริงๆ มีแต่พวกอ่อนๆ!

เชี้ยเอ๊ย!

เมื่อได้ยินเช่นนั้น

มุมปากของทุกคนต่างก็กระตุกเอง

อยากเฟิงคนนี้มันโคตรปากหมาจริงๆ!

หากเป็นคนที่หัวใจไม่ค่อยแข็งแรง

ต้องโดนทำให้โกรธซะจนหัวใจวายเป็นแน่!

“พวกเจ้ายังมีใครกล้าสู้กับข้าอีกมั้ย”

หยางเฟิงเอามือไขว้หลังแล้วยืนยืดตัวตรงอยู่กับที่!

เย่อหยิ่งไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

เงียบฉี่……

มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นไม่หยุด

ยโสโอหังเกินไปแล้ว!

ผู้คนที่อยู่ตรงนี้ที่กล้ามาร่วมแย่งชิงชิ้นส่วนภาพมกุฎมังกร ล้วนแต่เป็นผู้ที่แข็งแกร่งสุดยอดและเย่อหยิ่งสุดๆ อยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยเจอคนที่สามารถเย่อหยิ่งโอหังได้ถึงขนาดนี้มาก่อน!

“ไม่มีใครแล้วใช่มั้ย?”

หยางเฟิงหัวเราะเบา ๆ

หัวเราะด้วยความเหยียดหยาม!

ในขณะเดียวกัน

บึ้ม!

โดยทันที.

หยางเฟิงก้าวขาไปข้างหน้า

ก้าวนี้เหยียบลงไป ทั้งเขาจินเฟิงก็สั่นสะเทือนราวกับภูเขาหิมะที่กำลังจะถล่ม และก่อเกิดพายุหิมะขึ้นมาทันใด

พลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมา ราวกับคลื่นมหึมาโหมกระหน่ำใส่ทุกคน!

ตูม!

ตูม!

ตูม!

ในพริบตา

หยางเฟิงก็ได้ก้าวเท้าออกไปหลายก้าวแล้ว เงาร่างที่ใหญ๋โต ส่องสะท้อนเข้ามาในสายตาของทุกคน

“มีอยู่ประโยคหนึ่ง แม้ข้าจะรู้ว่า พูดไปทุกคนจะโกรธ แต่ก็ยังต้องพูดอยู่ดี!”

“ขออภัยที่ข้าน้อยต้องพูดตามตรง ทุกท่านที่อยู่ที่นี้ ในสายตาของข้านั้น ล้วนเป็นขยะ!”

บึ้ม!

เพียงประโยคเดียว

ราวกับจู่ๆ ฟ้าผ่าใส่หัวของทุกคนในวันที่อากาศแจ่มใส!

พริบตาเดียว

ใบหน้าของทุกคนก็กลายเป็นสีแดง

หยางเฟิง ไอ้สารเลวนี้ นี่มันเหมือนกับใช้มือกดทุกคนลงไปถูกับพื้น!

เขาไม่กลัวฝูงชนโกรธแค้นหรือไง?

จางเทียนซานและไป๋หลิงหลงที่อยู่ด้านข้าง

ต่างก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว

ใบหน้าของพวกเขาขาวซีดราวกับกระดาษ เหมือนไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง!

เพราะกลัวว่าคนหลายหมื่นจะรวมตัวลงมือพร้อมกันอย่างกะทันหัน

พวกเขาไม่คาดคิดว่า

หยางเฟิงจะบ้าขนาดนี้

บ้าซะจนไม่เห็นใครอยู่ในสายตา!

บ้าระห่ำซะจนหยิ่งผยอง!

ต้องรู้ก่อนว่า

นักบู๊เหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือของสำนักพรรคใหญ่ต่างๆ

แต่ละคนก็มีฝีมือที่แข็งแกร่ง

ในหมู่พวกนั้น มียอดฝีมือที่อยู่ระดับแดนปรมาจารย์อยู่นับพันคน

ส่วนผู้แข็งแกร่งที่ถึงระดับแดนปรมาจารย์ใหญ่ ก็น่าจะมีถึงหนึ่งร้อยคน