อักขระชนวนสวรรค์

ตู้ม**!**

เสาปีศาจฟาดลงมาพร้อมกับรังสีชั่วร้ายมหาศาลขณะที่เงาใหญ่โตและคลื่นหลิงเชี่ยวกรากทะยานลงมาจากท้องฟ้า ปกคลุมมังกรลาวาสีแดงไว้ตัวหนึ่ง

การโจมตีแรกของมู่เฉินเร้าคลื่นหลิงในร่างกายจนถึงขีดสุด เนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนอันตรายอันเย็นเยือกที่กำจายออกมาจากค่ายกลเก้าทบมังกรเพลิง พลังที่บรรจุอยู่ในค่ายกลเหนือจินตนาการนัก หากเขาออมมือเอาไว้ ก็รังแต่จะสร้างความอับอายให้ตัวเอง

ขณะที่เงาใหญ่ปกคลุมลงมา มังกรลาวายักษ์ก็ไม่มีท่าว่าจะหลบหลีก แต่กลับปะทุด้วยแววดูถูกในดวงตา จากนั้นมังกรก็อ้าปากยิงแสงสีแดงออกมา ก่อร่างเป็นโล่เกล็ดมังกรสีแดงขนาดร้อยจั้งเหนือร่างมัน

โล่เกล็ดมังกรเปล่งประกายแสงเจิดจ้า แม้จะไม่หนา แต่ก็กระจายระลอกคลื่นที่ไม่อาจทำลายได้ขณะลอยตัวอยู่เงียบๆ ปล่อยให้เสาปีศาจกระแทกลงมา

เคร้ง!

เสียงโลหะคมชัดดังก้องกังวานเมื่อพลังสองสายชนกัน ชั่วอึดใจนั้นพายุคลื่นหลิงน่าตกใจก็กวาดอาละวาดออกมา

สีหน้ามู่เฉินอดเปลี่ยนไปไม่ได้กับการปะทะฉับพลันนี้ เพราะเขารู้สึกได้ถึงพลังสะท้อนกลับที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจแผ่มาจากโล่เกล็ดมังกร ถึงขนาดเกือบจะซัดเสาปีศาจให้กระเด็นออกไปเลยทีเดียว

เพียงมังกรตัวเดียวก็ยากมากที่จะจัดการ ถ้าทั้งเก้าตัวโจมตีพร้อมกันละก็ เขาคงตกที่นั่งลำบากแน่

โฮก!

เมื่อความคิดนี้วาบขึ้นในใจของมู่เฉิน เสียงมังกรคำรามจำนวนมากก็ดังขึ้น มู่เฉินยกสายตาขึ้นก็หดเกร็งทันที ในทะเลลาวาสีแดง มังกรทั้งเก้าจ้องเขม็งมองมา เกล็ดบนร่างใหญ่โตตั้งชันขึ้นซึ่งอัดแน่นด้วยความต้องการโจมตีที่น่าขนพองสยองเกล้า

ปัง!

ร่างใหญ่โตทั้งเก้าสั่นเทิ้มทันที แสงสีแดงสาดออกมาขณะที่เกล็ดพุ่งออกมาจากทุกทิศทาง ราวกับพายุซัดกระหน่ำใส่มู่เฉิน

เกล็ดมังกรทุกเกล็ดเปล่งประกายคมกริบพุ่งผ่านท้องฟ้าจนเกิดรอยจางขึ้น ปริมาณมหาศาลเช่นนี้ที่มารวมกัน แม้แต่มู่เฉินก็ใบหน้าอดกระตุกไม่ได้

ฮา

เขาสูดหายใจลึกสุดปอด แสงสีทองวูบไหวในส่วนลึกของม่านตาสีดำ จากนั้นร่างสีทองกำยำก็ปรากฏขึ้นครอบร่างกายเขาไว้ ดูจากระยะไกลเหมือนกับพระพุทธรูปทองคำที่ไม่มีสิ่งใดบนโลกสามารถโยกคลอนได้

ปัง! ปัง! ปัง!

เกล็ดสีแดงเข้มพุ่งเข้าหาร่างสีทองไม่จบสิ้น แต่เมื่อพวกมันอยู่ห่างออกไปจั้งกว่า ก็ระเบิดออกภายใต้แสงสีทองที่ลุกโชติช่วง เมื่อพลังที่เหลือซัดใส่ร่างเทพสุริยะก็ไม่ได้แสดงภัยคุกคามมากมายนัก

“ร่างเทห์สวรรค์ของเจ้านี่ดูพิเศษไม่น้อย” เมื่อเหล่านักรบกงเวทสวรรค์เห็นภาพนี้ ริ้วความประหลาดใจก็พล่านในดวงตา พวกเขารู้สึกได้ว่าร่างเทพสุริยะนี้ไม่ธรรมดา

“พลังของค่ายกลเก้าทบมังกรเพลิงเพิ่งจะเริ่มต้น ของจริงกำลังจะมาแล้ว” ปิงซินกอดอกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง นางรู้ว่ามู่เฉินไม่ได้โง่ ในเมื่อเขากล้าที่จะฝ่าค่ายกล ก็ต้องมีไพ่ตายอยู่กับตัว ดังนั้นนางจึงไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลกที่มู่เฉินสามารถต้านทานการโจมตีกระบวนแรกได้อย่างง่ายดาย

แต่เช่นเดียวกัน ค่ายกลเก้าทบมังกรเพลิงก็ไม่ได้มีพลังเพียงเท่านี้

ทุกสายตาพุ่งตรงไปที่ทะเลลาวาที่กำลังม้วนตัว ซึ่งร่างสีทองกำลังยืนนิ่งแผ่แรงกดดันน่าตกใจออกมา

โฮก!

เสียงมังกรคำรามลึกต่ำดังออกพร้อมกับแรงกดดันอันแข็งแกร่ง เมื่อมังกรทั้งเก้าขดตัวลง แสงสีแดงก็แล่นแปลบปลาบบนร่างกาย เกล็ดที่ปล่อยออกไปก่อนหน้างอกขึ้นมาใหม่ แสงสีแดงพล่านในดวงตาขณะที่พวกมันอ้าปากน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

ฟิ้ว!

ทะเลลาวาพลุ่งพล่านทันทีในเวลานี้ เสาลาวาขนาดใหญ่พุ่งขึ้นสู่ฟ้า แสงสีแดงลุกโชนจากเสาลาวาขณะพุ่งผ่านผิวทะเลไป จากนั้นก็ก่อตัวเป็นอักขระโบราณเก้าชิ้นลุกโชนด้วยเปลวเพลิง โดยมีลาวาไหลปกคลุม

ทันทีที่อักขระทั้งเก้าปรากฏขึ้น อุณหภูมิโดยรอบก็พุ่งขึ้นสูง แม้แต่มิติยังเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน มองไกลๆ ดูราวกับกลุ่มเพลิงขนาดใหญ่กำลังลุกไหม้บนท้องฟ้า

“นี่คือเก้ามังกรอักขระชนวนสวรรค์” ดวงตาของปิงซินและคนที่เหลือหดเกร็ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง พวกเขาไม่ได้แปลกประหลาดกับการโจมตีชุดใหญ่ของค่ายกลเก้าทบมังกรเพลิง ตอนที่พวกเขาเข้าไปในค่ายกล มีแต่เทพเซียนที่รู้ว่าพวกเขาล้มเหลวกี่ครั้งกับกระบวนท่านี้

ตู้ม!

เมื่ออักขระทั้งเก้าปรากฏขึ้น แสงแพรวพราวก็ปกคลุมท้องฟ้า ก่อร่างเป็นลำแสงเก้าสายที่พวยพุ่งด้วยเปลวเพลิง ลำแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับอุกกาบาต หมุนรอบมู่เฉินในระยะพันจั้ง ขณะที่ลำแสงสีแดงทั้งเก้าโคจรพื้นที่ที่มู่เฉินอยู่ มิติบริเวณนี้ก็เริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ พร้อมกับอุณหภูมิสูงน่ากลัวราวกับต้องการจะเผาไหม้ทั่วทั้งบริเวณ

สายตาของมู่เฉินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดลงหลายส่วน เขารู้สึกได้ถึงอุณหภูมิน่ากลัวที่กวาดมาหา กระทั่งร่างข่ายฟ้าทองคำที่ผนวกเข้ากับผิวร่างเทพสุริยะยังหม่นแสงลง

“ข้าปล่อยให้อักขระพวกนี้หมุนต่อไปไม่ได้แล้ว” มู่เฉินขมวดคิ้ว อุณหภูมิที่ปลดปล่อยออกมาจากการหมุนตัวของอักขระทวีความน่ากลัวมากขึ้น ถ้านี่ยังดำเนินต่อไป แม้แต่ร่างเทพสุริยะก็ไม่อาจทนได้

ค่ายกลเก้าทบมังกรเพลิงไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ง่ายจริงๆ

มู่เฉินเม้มปากแน่นขณะยืนอยู่บนหัวของร่างเทพสุริยะ จากนั้นก็เหยียดมือทั้งคู่ออกไป เมื่อพลิกมือ เพลิงสีม่วงกับสายฟ้าไร้ตัวตนก็ปรากฏบนมือแต่ละข้าง

“หืม นี่มันคลื่นหลิงที่มีองค์ประกอบแตกต่างกันสองชนิด” ทันทีที่มู่เฉินเผยสิ่งนี้ ก็ทำให้พวกปิงซินอุทานออกมา ด้วยสายตาพวกเขาบอกได้ว่าคลื่นหลิงที่อยู่บนฝ่ามือของมู่เฉินหลอมรวมด้วยพลังงานทรงพลังไม่น้อย

ตู้ม!

อักขระลาวาทั้งเก้าสั่นไหว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอุกกาบาตเก้าดวงข้ามผ่านขอบฟ้ามาหามู่เฉิน

คลื่นความร้อนโถมซัด อุณหภูมิร้อนเดือดทำให้แสงสีทองรอบร่างเทพสุริยะหดกลับไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนแววตาของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นคมกริบ อักขระลาวาทั้งเก้าทรงพลังมาก หากถูกซัดเข้าพร้อมกัน แม้แต่ร่างเทพสุริยะก็รับไม่ไหว

ดังนั้นเขาต้องหาทางตัดกำลังก่อน

มู่เฉินกระทืบเท้าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ซัดฝ่ามือที่สามารถเคลื่อนภูเขาม้วนทะเลออกไป คลื่นหลิงสองสาย หนึ่งพล่านเพลิงสีม่วงหนึ่งแฝงเสียงสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ ตอนนี้มู่เฉินยังไม่สามารถรวมคลื่นหลิงทั้งสองอย่างสมบูรณ์ แต่ต่อให้พลังเหล่านี้แยกกัน ก็เหนือกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามธรรมดาหลายขุมแล้ว

สองเสียงอื้ออึงที่บรรจุด้วยคลื่นหลิงทั้งหมดของมู่เฉินกวาดออกปะทะกับอักขระสองชิ้นที่ดูราวกับอุกกาบาต

ตู้ม!

ท้องฟ้าเหมือนจะสั่นสะเทือนในขณะนี้ คลื่นเชี่ยวกรากยกตัวขึ้นในทะเลลาวาแล้วบ่าลงมาทุกทิศทาง

จอมยุทธ์จำนวนมากต่างหรี่ตาลงมองจุดปะทะ เมื่อลาวาล้นทะลัก อุกกาบาตทั้งสองที่เกิดจากอักขระชนวนสวรรค์ก็ระเบิดออก

“เขาสามารถทำลายอักขระชนวนสวรรค์ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสามงั้นเหรอ?” จอมยุทธ์บางคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ อักขระชนวนสวรรค์ชิ้นหนึ่งก็สามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามจนปัญญา เมื่อทั้งเก้าชิ้นพุ่งออกมา แม้จะทุ่มพลังทั้งหมดก็ไม่อาจทำลายพวกมันได้ แต่ใครจะคิดว่ามู่เฉินจะทำลายไปได้ถึงสองชิ้น?!

“คลื่นหลิงของเขาได้รวมกับพลังงานธรรมชาติน่ากลัว” หั่วเม่ยเอ๋อกะพริบตา นางรู้เหตุผลว่าทำไมคลื่นหลิงของมู่เฉินจึงทรงพลังนักเพียงแค่มองแวบเดียว

“แต่กลัวว่าการทำลายอักขระชนวนสวรรค์สองชิ้นก็ยังไม่พอน่ะสิ”

ภายในค่ายกลมู่เฉินก็เหมือนจะรู้ว่าคนอื่นคิดอะไรอยู่ในใจ เขามองลาวาที่บ่าลงมาจากท้องฟ้า มือวาดกระบวนท่าทันที จากนั้นความผันผวนแปลกประหลาดก็กระเพื่อมออกมา

สายตาของจิ่วโยว หั่วเม่ยเอ๋อและเหล่าผู้บัญชาการเปลี่ยนไป เห็นชัดว่าแต่ละคนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

“นั่นมัน?” ปิงซินกับคนอื่นอุทานออกมาขณะที่เห็นมิติเหนือร่างมู่เฉินบิดเบี้ยวรุนแรง ดอกบัวดำสามดอกปรากฏขึ้นจากที่ไหนไม่ทราบ ความแปรปรวนที่เกิดขึ้นของพวกมันแตกต่างจากการโจมตีจากคลื่นหลิงโดยทั่วไป

“นั่นคือค่ายกล!”

ในที่สุดก็มีคนอุทานออกมา แถวแสงซับซ้อนและคลื่นหลิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบนี้เป็นของค่ายกลอย่างไม่ต้องสงสัย

“เจ้านั่นเป็นหลิงเจิ้นซือด้วยงั้นหรือ?” ปิงซินกับคนที่เหลืออ้าปากค้าง ไพ่ตายที่มู่เฉินซ่อนไว้ช่างเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปไกล เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นมู่เฉินใช้ค่ายกลมาก่อน

ค่ายกลดอกบัวสีดำทั้งสามนี่ก็คือค่ายกลบัวยมทูต ด้วยพลังปัจจุบันและความเชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล ทำให้ค่ายกลบัวยมทูตที่มู่เฉินสร้างขึ้นทรงพลังยิ่งกว่าในอดีต

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ดอกบัวสีดำสามดอกระเบิดเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำสามสายปะทะกับอักขระชนวนสวรรค์อีกสามชิ้น ขณะที่คลื่นหลิงเกี้ยวกราด อักขระชนวนสวรรค์สามชิ้นก็ระเบิดออก

แต่ยังมีอักขระชนวนสวรรค์เหลือสี่ชิ้นที่พุ่งผ่านการโจมตีหลายกระบวนท่ามาได้ อึดใจก็ปรากฏตรงหน้ามู่เฉินประมาณหนึ่งร้อยจั้ง ทันใดนั้นมิติบริเวณนั้นก็บิดเบี้ยวรุนแรงราวกับว่าถูกแผดเผา

ตอนนี้สายเกินไปที่จะสกัดพวกมันแล้ว

คนจำนวนมากจ้องมู่เฉินเขม็ง ตอนนี้เขาจะทำอะไรได้อีก?

ฮา

ภายใต้สายตาผู้คน มู่เฉินก็พ่นลมหายใจออกมา จากนั้นนิ้วมือประสานเข้าด้วยกันช้าๆ ขณะเดียวกันร่างเทพสุริยะก็ประสานมือเข้าด้วยกัน ไอคมกริบพล่านขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของมู่เฉิน

ในเมื่อหลบไม่ได้ ก็เผชิญหน้ากันตรงๆ ไปเลย!

ร่างเทพสุริยะของข้า ไม่ได้อ่อนอย่างที่พวกเจ้าคิด!

แสงสีทองโชติช่วงปะทุออกจากหว่างคิ้วของร่างเทพสุริยะ ราวกับดวงอาทิตย์ร้อนแรงลุกโชน สุดท้ายแสงที่ดูราวกับทำจากทองคำก็ปกคลุมไปทั่วร่างเทพสุริยะ

อักขระชนวนสวรรค์ทั้งสี่ราวกับอุกกาบาตกระแทกลงบนร่างเทพสุริยะขนาดใหญ่

ตึง! ตึง!

มิติโยกคลอน รอยร้าวขนาดใหญ่กระจายราวกับใยแมงมุมขณะที่แสงสีแดงกวาดไปทั่วบริเวณนี้

คนนับไม่ถ้วนจ้องมองตรงไปที่นั่น

“อักขระชนวนสวรรค์ห้าชิ้นสามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ได้รับบาดเจ็บหนักเลยนะ!” เหล่านักรบกงเวทสวรรค์ บางคนพูดออกมาด้วยเสียงต่ำพร้อมกับส่ายหน้าในใจ ฝีมือของมู่เฉินนับว่าดีไม่น้อย แต่จะต้านทานอักขระชนวนสวรรค์ได้ง่ายๆ อย่างไรกัน?

“เดี๋ยวก่อน!”

ทว่าขณะที่พวกเขาเอ่ยออกมา ดวงตาของบางคนก็หดเกร็ง

ทุกคนเบนสายตาตรงไปยังจุดที่ลาวาไหลบ่าลงมา ตรงนั้นร่างใหญ่สีทองที่มีดวงตะวันเจิดจ้าหลังศีรษะก้าวเท้าออกมา แสงกระจายไปทุกทิศทางดูราวกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ไม่สามารถทำลายได้ ความน่าทึ่งที่เกิดขึ้นทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากต้องแอบสูดอากาศสุดปอด

นั่นเพราะร่างสีทองไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย!