ตอนที่ 614: ผนึก

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 614: ผนึก

 

การให้ความสําคัญต่ออวชีเชี่ยนของเทียนหยุน ทําให้ในใจไป๋อวี้เหลียนรู้สึกว่าต้องใส่ใจต่อการฝึกฝนของเธอให้มากขึ้น ตราบเท่าที่มีอี้เทียนหยุนอยู่ โอกาสของอวีซีเชียนก็แต่เพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็ไม่มีทางย่าแย่อย่างแน่นอน

 

อี้เทียนหยุนก็แค่มอบโอกาสให้กับเธอเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผนกวิญญาณร้ายหรือไม่ ยังไงก็สามารถช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้กับเธอได้ ในโลกแห่งการฝึกตนนี้ โอกาสถือเป็นเรื่องที่สําคัญที่สุด หากว่าไม่มั่นใจ ก็จําเป็นต้องศึกษาให้มาก

 

การเอาแต่ฝึกอยู่ในห้อง มันไม่ได้มีความหมายอะไรแม้แต่น้อย จําเป็นต้องออกไปสัมผัสโลกภายนอก ไม่อย่างนั้น ก็ยากที่จะเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น

 

แต่อี้เทียนหยุนไม่ได้อยู่ในจําพวกนั้น เพราะมีระบบเพิ่มเลเวลแสนบ้าคลั่งอยู่ ไม่เพียงแต่จะทําให้เขาเพิ่มระดับได้อย่างผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังไม่มีขีดจํากัดใดใดเลยแม้แต่น้อย ตราบเท่าที่มีสัตว์อสูรให้เขาสังหารเพียงพอ วันพรุ่งนี้เขาก็สามารถเข้าสู่ระดับราชาศักดิ์สิทธิ์ได้!

 

เรื่องเขตแดนที่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถได้รับมาในสายตาคนอื่น สําหรับเขาแล้วก็เป็นเพียงเรื่องง่ายๆเท่านั้น

 

แต่ว่าเขาไม่สามารถสังหารคนบริสุทธิ์ได้ หากว่าสังหารคนบริสุทธิ์ เขาก็จะถูกลงโทษ ก่อนหน้านี้ระบบก็ได้ มีการเตือนเขาไว้ก่อนแล้ว แต่ต่อให้จะไม่ถูกลงโทษ เขาก็จะไม่สังหารคนบริสุทธิ์ ในเส้นทางของเขา เขาจะไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าสู่เส้นทางที่ชั่วร้ายอย่างแน่นอน

 

“ฝ่าบาท เป็นที่นี่แหละเพคะ…”

 

ไป๋อวี้เหลียนนําเขามาถึงยังตีนเขาหยกขาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนเขาลูกนี้ ในฐานะที่เป็นตําหนักของเหล่าแกนหลัก ไป๋อวี้เหลียนก็พํานักอยู่ในตําหนักนี้ กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นก็พํานักอยู่ในตําหนักนี้เช่นกัน

 

และก็เป็นธรรมดาที่เหล่าศิษย์จะไม่สามารถเข้ามาใกล้ที่นี่ได้ นอกเสียจากว่าจะถูกเรียกมาเท่านั้น

 

“ที่นี่มีพลังหยินเข้มข้นที่สุดจริงๆ ทั้งพลังหยินรอบๆ ยังค่อยๆมารวมกันที่นี่ด้วย เหมาะกับการฝึกกายาหยินของเจ้าพอดี” เทียนหยุนหรี่ตาจับจ้องไปรอบๆ และก็พบว่าที่นี่เต็มไปด้วยมหาค่ายกลมากมาย “เป็นค่ายกลที่ดี อย่างน้อยก็เป็นค่ายกลระดับปรมาจารย์ ดูเหมือนว่าขุมกําลังภายในของวังไปเหลียนเจ้าจะไม่ธรรมดาจริงๆ แต่เพราะเวลาที่ผ่าน จึงทําให้ตกต่ําลง”

 

“ใช่ เป็นเพราะเหล่าศิษย์ที่ไม่ได้เรื่องอย่างพวกเรา…” ไอวี่เหลี่ยนรู้สึกอับอายอย่างมาก ขุมอํานาจภายในของวังไป๋เหลียนนั้นดี แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้อยู่ในช่วงตกต่ํา

 

นานมาแล้ว วังไปเหลียนก็ถือว่าเป็นสํานักที่รุ่งโรจน์อย่างมาก กระทั่งว่าเทียบได้ขุมอ่านาจระดับอาณาจักรเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าไม่ได้เปลี่ยนชื่อก็เท่านั้น และก็เพราะเวลาที่เลยผ่าน จึงทําให้ตกต่ําลงในที่สุด

 

หากคิดจะไม่ตกต่ํานั้นเป็นไปได้ยากมาก นอกจากว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญนั่งบัญชาการ แต่ว่าต่อให้ผู้เชี่ยวชาญจะสุดยอดขนาดไหน สุดท้ายแล้วก็ชีวิตอยู่อย่างจํากัด สุดท้ายก็กลายเป็นฝุ่น ทั้งอนาคตที่เหลือไว้กับพวกเธอเพียงเท่านั้น

 

“อืม งั้นก็เริ่มขุดจากตรงนี้เลย เจ้าไปสั่งห้ามศิษย์ อย่าให้ใครเข้ามาใกล้ที่นี่เด็ดขาด” เทียนหยุนพูดขึ้น “จากนั้นก็ค่อยตามข้ามา กระบวนนี้คงไม่นานนัก”

 

“หม่อมฉันได้สั่งการเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว ต่อให้ที่นี่จะมีเสียงอะไร ก็ห้ามใครมาเข้าใกล้เด็ดขาด” ไป๋อวี้เหลียนพูด

 

เธอได้จัดการเรื่องราวของที่นี่ไว้เป็นพิเศษแล้ว ห้ามใครเข้ามาทําอะไรที่นตามใจ สําหรับที่นี่นั้น มีเพียงแต่ประมุขวิ่งเท่านั้นที่ร่วงรู้ ดังนั้นจึงไม่มีใครเข้ามาใกล้อย่างแน่นอน

 

“ก็ด” เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็เรียกกระบี่เทพเทียนหมิงออกมา เมื่ออุปกรณ์ระดับเทวะปรากฏขึ้น แรงกดดันอันน่าสะพรึงของมันก็ถูกปลดปล่อยออกมารอบๆเล็กน้อย ทําให้ในใจของพวกเธอรู้สึกหนาวเยือก รู้สึกเย็นวาบที่ลําคอ เหมือนว่าคอจะหลุดออกจากบ่าได้ทุกเมื่อ

 

“นะ นี่คืออุปกรณ์ระดับเทวะ?” นัยน์ตาคู่งามของพวกเธอเบิกกว้าง แรงกดดันที่น่าสะพรึงนี้ไม่ใช่อี้เทียนหยุน เป็นคนปลดปล่อยออกมา แต่เป็นพลังของตัวกระบี่เองที่ปล่อยออกมา แต่ก็สร้างแรงกดดันให้พวกเธอได้มหาศาลแล้ว

 

“ใช่” อี้เทียนหยุนตอบอย่างง่ายๆ

 

พวกเธอพากันสูดหายใจเฮือก ต่อหน้าอุปกรณ์ระดับเทวะ อุปกรณ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้แค่ขยะ! แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว การที่อี้เทียนหยุนมีอุปกรณ์ระดับเทวะ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด

 

แต่ฉากที่ตามหลังมาก็ทําให้พวกเธอเกือบกระอักเลือดออกมา อี้เทียนหยุนกลับเอาอาวุธนี้ปักลงที่พื้นอย่างบ้าคลั่ง ทําราวกับมันเป็นพลั่ว ขุดสร้างเป็นทางอย่างรวดเร็ว

 

“อุปกรณ์ระดับเทวะถูกเอามาขุดดินแทนพลัว…”

 

ทําเอาพวกเธอพลันพูดไม่ออกในทันใด วิธีนี้คงมีแต่อี้เทียนหุยนคนเดียวที่กล้าทํา หากเปลี่ยนเป็นพวกเธอ คงไม่กล้าทําอย่างนี้อย่างแน่นอน

 

ที่อี้เทียนหยุนทําอย่างนี้ก็ไม่ใช่อะไร เพราะการขุดดินด้วยอุปกรณ์ระดับเทวะมันทําได้ง่ายมาก เพียงแค่ปักลงไป ต่อให้เป็นหินที่แข็งแค่ไหน แต่ภายใต้อุปกรณ์ระดับเทวะนี้ ก็เปรียบดั่งเนยเหลวที่สามารถแทงทะลุลงไปได้อย่างง่ายดาย

 

ที่เขาต้องการก็คือความเร็ว ไม่ต้องการให้เกิดการติดขัด แบบนี้จะได้ไม่เสียเวลา อะไรที่ใช้ได้ก็ใช้ไป!

 

ภายใต้ความเร็วที่น่าทึ่ง ดินก็ถูกขุดเป็นทางอย่างรวดเร็ว สามารถขุดได้ลึกหลายชุนในทุกๆวินาที ค่อนข้างเร็วอย่างมาก แต่ว่านี้ยังไม่ใช่ขีดจํากัด เพราะความเร็วในการขุดของเขายิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ สามารถขุดได้หลายชั้นโดยใช้เวลาไม่ถึงวินาที เร็วจนไป๋อวี้เหลียนกับพวกที่อยู่ด้านหลังตามไม่ทัน

 

ส่วนดินที่ถูกขุดออกมาก็ถูกเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของของเขา ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องกังวลเรื่องปัญหาของดินที่ขุดออกมา

 

หลังจากขุดมาได้ประมาณเวลาธูปไหม้หมดดอก ความเร็วของอี้เทียนหยุนก็ช้าลง ไป๋อวี้เหลียนกับพวกที่ตามหลังมาก็ได้แต่สงสัย หรือว่าจะถึงแล้ว?

 

พวกเธอไม่รู้จริงๆ ว่าผนกวิญญาณร้ายนั้นอยู่ที่ไหน ดังนั้นต่อให้พวกเธออยากจะขุด ก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มขุดจากตรงไหนอยู่ดี นอกจากว่าจะแผ่สัมผัสวิญญาณออกไปสํารวจรอบๆให้ทั่ว จากนั้นก็ค่อยๆขุดลงไปที่ละน้อย

 

อี้เทียนหยุนที่มีดวงตาประเมินอยู่ จึงได้ทําการจํากัดเป้าหมายไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเป้าหมายอยู่ที่ไหนเขาจึงรู้ดี ทําให้เขาขุดลงมาได้อย่างรวดเร็ว

 

“ใกล้แล้ว” เทียนหยุนเอ่ยเดือนคําหนึ่ง จากนั้นก็ขุดไปข้างหน้าต่อ “ฉีบ” เหมือนกับแทงใส่ช่องว่าง หลังจากที่ขุดเอาดินตรงหน้าออก สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือทางเข้าถ่าแห่งหนึ่ง

 

เทียนหยุนเดินนําเข้าไป พวกไป๋อวี้เหลียนก็ตามไปติดๆ หลังจากเดินผ่านทางเข้าถ้ํานี้แล้ว ที่ปรากฏต่อสายตาพวกเธอกลับเป็นห้องลับแห่งหนึ่งที่อย่างไม่คาดคิด! รอบๆต่างก็ปไว้ด้วยหินลมปราณเหล็ก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอุปกรณ์ระดับเทวะ ก็ถูกทําให้แตกออกได้อย่างง่ายดายอยู่ดี

 

“เป็นพลังหยางที่แข็งแกร่งมาก….”

 

เพิ่งจะมาถึง อี้เทียนหยุนก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่กําลังแผดเผาอยู่รอบๆ พร้อมกับกําลังรุกล้ําเข้ามาในร่างของเขา เหมือนกับมีเปลวไฟกําลังลุกไหม้อยู่ตรงหน้าไม่หยุด

 

แต่ความจริงแล้วรอบๆ ไม่ได้มีเปลวไฟที่กําลังลุกไหม้แต่อย่างใด เห็นเพียงหินยักษ์ก้อนหนึ่งเท่านั้น! และบนนั้นก็เต็มไปด้วยอาคมผนึกนับไม่ถ้วน พร้อมกับโซ่ที่มัดมันไว้อย่างแน่นหนา

 

และบนโซ่พวกนี้ก็เต็มไปด้วยค่ายกลขนาดเล็กนับไม่ถ้วนถูกกํากับไว้ ส่วนจะมีจํานวนเท่าไหร่นั้น ไม่อาจนับได้

 

“หินนี่คือสิ่งที่ใช้ผนกวิญญาณร้ายอย่างงั้นเหรอ?” ไป๋อวี้เหลียนกับพวกมองไปยังหินยักษ์ตรงหน้าด้วยความตกใจ มันดูราวกับภูเขาลูกเล็กๆที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเธอ

 

แม้ว่าที่นี่จะไม่มีเปลวไฟลุกแม้แต่น้อย แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีดทึบแต่อย่างใด เพราะจากหินยักษ์ก่อนนี้ ได้มีพลังหยางปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทําให้บรรยากาศเสมือนอัดแน่นไปด้วยเปลวเพลิง ช่วยให้ที่นี่สว่างไสว สามารถมองเห็นพื้นที่รอบๆ ได้อย่างชัดเจน

 

พร้อมกันนั้นก็ทําให้พวกเธอรู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก เนื่องเพราะพวกเธอมีกายหยิน เมื่อต้องอยู่ในสภาพที่มีพลังหยางอยู่อย่างหนาแน่น การที่จะรู้สึกไม่สบายตัวจึงเป็นเรื่องธรรมดา

 

เมื่อมองขึ้นไป ก็พบที่ด้านบนของหินก้อนนี้มีพลังหยินไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ทําการสะกดหินก้อนนี้เอาไว้ ทําให้พลังหยางที่ปล่อยออกมาอ่อนแอลงขึ้นใหญ่

แต่ก็ดูเหมือนว่าพลังหยางจะเหนือกว่าหน่อย ไม่อย่างนั้น ที่นี่คงไม่เต็มไปด้วยพลังหยาง แต่จะเต็มไปด้วยพลังหยินแทน

 

“จริงด้วย ผนึกนี้เริ่มอ่อนลงหน่อยแล้ว…..” เทียนหยุนหรี่ตามอง ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร สิ่งที่ต้องทําคือการตรวจสอบให้ละเอียด