เพลงป๊อป, เฮฟวีเมทัล, พังก์ และแจ๊สค่อยๆถูกแสดงโชว์ออกมาเรื่อยๆ มันกลายเป็นเทศกาลดนตรีที่เย่ฉางเข้าร่วมเต้นรำด้วยตัวเอง แม้แต่ซูหยี่ยี่, Frozen Cloud หรือใครก็ตามที่มีประสบการณ์ในการเต้น หรือนักแสดงละครเพลง อาจเป็นได้เพียงแค่นักเต้นสำรองของเย่ฉางเท่านั้น ซูหยี่ยี่รู้ดีว่าการแสดงของเย่ฉางราวกับการร่ายรำสังหาร การขึ้นไปที่นั่นมีแต่จะทำลายการแสดงของเขาลงเท่านั้น สำหรับ FrozenCloud เธอไม่กล้าที่จะขึ้นไป เพราะเธอรู้ดีว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขาในแง่ของทักษะการเต้นรำ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหัวหน้าทีมคือนักเต้นชั้นนำของประเทศจีนไปแล้ว ซึ่งแตกต่างจากการฟ้อนรำของตระกูลกงซุนของเธอ หัวหน้าทีมเต้นรำออกมาด้วยหัวใจของเขา

อูนาดีดกีตาร์ไฟฟ้าอย่างช้าๆ และ FrozenCloud ก็ตีเครื่องดนตรีของเธอไปพร้อมๆกัน ท่วงทำนองของเพลงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นร่าเริงและผ่อนคลาย เย่ฉางดูเงียบงัน เขาสวมหมวกทรงสูงและเล่นกับไม้เท้า เขาเดินไปรอบๆเวทีและโต้ตอบกับผู้ชม

ชุดทักซิโด้ของเย่ฉางและลุงแพนตี้มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ทั้งคู่สวมหมวกทรงสูง หนึ่งในนั้นกำลังเปล่งรัศมีของสุภาพบุรุษผู้ดี ขณะที่อีกคนหนึ่งให้ความรู้สึกของสุภาพบุรุษที่สบายๆ เมื่อการแสดงเริ่มต้นขึ้น ราวกับว่าผู้ชมกำลังดูท่านเคานต์แห่งมอนติ คริสกับแดร๊กคูล่าผมขาวแสดงหนังเรื่องเดียวกัน เด็กผู้หญิงหลายคนกรีดร้องออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาใช้ไม้เท้าในการแสดงต่อสู้กัน เงาของพวกเขาทั้งสองผสมกลมกลืนกัน และส่งหมวกทรงสูงลอยขึ้นไปบนอากาศ แต่ละคนก้าวถอยหลังก้าวใหญ่ พร้อมกับจับปลายไม้เท้าของพวกเขา และสวมหมวกที่ตกลงมาพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองแสดงรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา(เคานต์แห่งมอนติ คริสเป็นตัวเอกในหนังเรื่อง The Count of Monte Cristo หรือ ดวลรัก…ดับแค้น)

งานแสดงการกุศลได้สิ้นสุดลงแล้ว นักแสดงทุกคนยืนเรียงกันเป็นแถวและโค้งคำนับต่อผู้ชม แม้ว่าชุดของพวกเขาอาจมีสไตล์ที่แตกต่างกัน แต่มันก็ให้ความรู้สึกว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน

“มันจบแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย นี่เป็นการแสดงที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา แค่สงสัยว่าทำไมเราต้องทำตัวลับๆล่อๆด้วยในการที่จะมาดูการแสดง?” FrozenBlood จับไปที่หมวกทรงแบนราบของตัวเอง

“ถ้าเขารู้ว่าฉันมาที่นี่ด้วยความเต็มใจ เขาจะลากฉันไปที่เวทีเพื่อเอาฉันไปแกล้งให้สนุก” ThornyRose กดไปที่หมวกของเธอ

เมื่อเย่ฉางถอดหมวกแล้ว เขาก็ก้มโค้งคำนับให้กับผู้ชม และสแกนผู้ชมที่อยู่ด้านหน้าเขา จากนั้นเขาก็พบ ThornyRose และ FrozenBlood เขาต้องการที่จะหยอกล้อ ThornyRose แต่เขาไม่มีเวลามากนัก ดังนั้นเขาจึงกล่าวลาผู้ชมแล้วกลับไปที่หลังเวที เขาดึงที่มัดผมออก และเปลี่ยนชุดของเขา

ซูหยี่ยี่รีบไปดูวีดิโอบันทึกการแสดงและรู้สึกประหลาดใจ การแสดงสดนั้นให้ความบันเทิงมากกว่าตอนซ้อมเสียอีก เสียงเบสของลุงฟรอสเลอร์และเสียงร้องเฮฟวีเมทัลเข้ากันได้ดีเป็นอย่างมาก เสียงเพลงแจ๊สของลุงแพนตี้ และเสียงกลองก็ราวกับได้นำพาสิ่งมีชีวิตหลุดออกไปจากโลกนี้ การเต้นของอาจารย์ของเธอนั้นสมบูรณ์แบบมาก จนไม่มีใครกล้าขึ้นไปเต้นคู่กับเขา เพราะกลัวว่าจะทำลายความสมบูรณ์แบบนั้นลงไป การสนับสนุนของนานะ และ FrozenCloud นั้นก็ยอดเยี่ยเช่นกัน เมื่อมองดูตัวเอง เธอคิดว่านี่เป็นการแสดงที่ดีที่สุดที่เธอเคยทำมา แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นตัวหลักของการแสดงก็ตาม

ในฐานะที่เป็นแฟนเดนตายของเย่ฉาง และเป็นนักข่าวในเขตตะวันออก ชานตงตงก็ถือผ้าพันคอที่เขียนไว้ว่า “เย่ฉาง หนึ่งเดียวที่รักของฉัน” เธอบุกไปที่หลังเวที และเริ่มการสัมภาษณ์ เย่ฉางเห็นชานตงตง และส่งสัญญาณให้กับซูหยี่ยี่ “เธอเป็นนักข่าวและผู้สนับสนุนของฉัน”

แม้ว่าซูหยี่ยี่ยังคงเฝ้าดูการสัมภาษณ์จากระยะไกล แต่เธอก็เริ่มหลั่งเหงื่อราวกับกระสุนปืนออกมา ‘คุณต้องตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?’ อูนาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นหัวหน้าคนที่สามของสโมสรข่าวภาคตะวันออก”

“ขอบคุณท่านนายพล” ชานตงตงยิ้มออกมาและคิดในใจ ‘ข้อมูลเกี่ยวกับสามตำนานแห่งเขตตะวันออก ได้ยืนอยู่ต่อหน้าของฉันแล้ว!’ เธอรีบขึ้นไปยืนอยู่ต่อหน้าลงฟรอสเลอร์ ผู้ที่ซึ่งยังคงรู้สึกหดหู่เกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของเขา “ลุงฟรอสเลอร์คะ คุณพอใจกับการแสดงของคุณในครั้งนี้หรือไม่? ทุกคนที่อยู่ข้างนอกพูดถึงการแสดงครั้งนี้เป็นจำนวนมาก หลังจากดูการแสดงสด หัวหน้าบรรณาธิการของ Rice Nation Weekly – หม่าเซี่ยหลาง ก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า คุณเป็นเสียงต้นแบบของชาวร็อค เขาชื่นชมคุณมากๆ และหวังให้ความปรารถนาอันล้ำค่าของคุณประสบผลสำเร็จ”

“โลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว! โลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว!” ลุงฟรอสเลอร์มองเข้าไปในกระจกแล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นเขาก็นึกถึงครั้งแรกที่โชว์ช้างน้อยอวดผู้คน ตอนนั้นจะมีแต่เสียงกรีดด้วยความหวาดกลัว แต่ในตอนนี้ มันกลับกลายเป็นเสียงแห่งความปิติยินดีแทน น้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาของเขา

“โอ้ ลุงฟรอสเลอร์คงเป็นห่วงพวกเด็กกำพร้ามากจนถึงกลับร้องไห้ออกมา! นี่มันน่าประทับใจจริงๆ” ชานตงตงแสดงความเคารพ ขณะที่เธอเห็นน้ำตาไหลพร่าลงมาจากดวงตาของลุงฟรอสเลอร์

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย ความปรารถนาอันล้ำค่าหมายถึงอะไร?” อูนาถามออกมา

“ไม่รู้สิ อาจเป็นเรื่องอีโรติกบางอย่างล่ะมั้ง?” ชานตงตงปิดกล้องหนึ่งวินาที แล้วเริ่มต้นใหม่

อูนา และ FrozenCloud กำลังพักผ่อนอยู่ที่หลังเวทีต่างมองหน้ากัน ในขณะที่ SpyingBlade และฟางชิได้แต่เอามือก่ายหน้าผาก สำหรับลุงฟรอสเลอร์เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไหร่นัก และยังนึกถึงวันเก่าๆที่แสนหวานของเขาอยู่

“ละ… ละ ลุงแพนตี้… คุณ… คุณ…” ชานตงคงพูดติดอ่าง เมื่อเธอพูดกับลุงแพนตี้ ลุงแพนตี้แตะไปที่ไหล่เธอ และพูดออกมา “ภรรยาของฉันเสียชีวิต และฉันไม่มีลูก ดังนั้นฉันจึงมีความสุข และรู้สึกเป็นเกียรติที่ฉันสามารถทำอะไรบางอย่างให้พวกเด็กๆเหล่านี้ได้ นั่นคือทั้งหมดที่ฉันต้องการจะพูด”

“เทพธิดาหยี่ยี่เป็นผู้จัดการแสดงนี้ขึ้นมา คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ?” เธอย้ายไมโครโฟนไปที่ซูหยี่ยี่ แต่ชานตงตงก็ยังคงรู้สึกประทับใจและเศร้าใจกับสิ่งที่ลุงแพนตี้พูดออกมา

“พวกเขาทั้งสามคนเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตน ซึ่งสิ่งนี้มีคุณค่ามากพอที่จะเรียนรู้ ด้วยความสัตย์จริง การแสดงบนเวทีเดียวกันกับพวกเขา ช่างเป็นเรื่องที่น่าตึงเครียดมากจริงๆ อย่างไรก็ตามฉันก็ยังพอที่จะทำตามพวกเขาได้บ้าง ในอนาคต ฉันจะต้องมีความสงบมากขึ้นในการเรียนรู้จากพวกเขาเพื่อพัฒนาตนเอง” ซูหยี่ยี่มีท่าทีถ่อมตน และให้ความเคารพต่อปรมาจารย์ทั้งสาม จนทำให้บรรดาเหล่าแฟนคลับเกิดความประทับใจในตัวเธอเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และความนิยมของเธอก็พุ่งสูงขึ้นอีก

“ตามที่คาดไว้ เทพธิดาหยี่ยี่คุณมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม และคุณก็ยังเป็นคนดีมากอีกด้วย เฮ้อ! แต่ศิลปินหน้าใหม่ทุกวันนี้นี่สิ…” ชานตงตงถอนหายใจ จากนั้นเธอหันไปหาดาวเด่นของการแสดงอย่างเย่ฉาง “ท่านนายพล การแสดงที่เงียบงันของคุณนั้นมหัศจรรย์มาก ราวกับว่าทุกคนได้ย้อนกลับไปสู่ยุคทองของภาพยนตร์เงียบ การกระทำของคุณให้ความรู้สึกที่โดดเดี่ยว แต่ก็ยังมีอารมณ์ขันในเวลาเดียวกัน ฉันขอทราบได้ไหมว่า คุณทำให้การกระทำนี้สมบูรณ์แบบได้อย่างไร?”

เย่ฉางคิดสักครู่แล้วถอนหายใจออกมา เขาหันขึ้นมองไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยความเศร้าโศก และพูดว่า “ฉันคิดว่ามันเป็นพรสวรรค์”

“……”

“ฉันล้อเล่นหน่า! หยอก หยอก ในความคิดของฉัน สิ่งนี้สามารถอธิบายออกมาได้ด้วยคำเพียงคำเดียว – พื้นฐาน” หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เย่ฉางพูดออกมาแล้ว ซูหยี่ยี่ก็จำความหมายที่แท้จริงของพื้นฐานได้ทันที และยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ความรู้พื้นฐานของเขานั้น มันคือการเฆี่ยนตีเธอ!

ในความเห็นของเย่ฉาง พื้นฐานเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำให้สมบูรณ์แบบ มันต้องเข้าใจง่ายและไม่มีความซับซ้อน สิ่งที่ยุ่งยากและหวือหวา จะทำให้การเคลื่อนไหวพื้นฐานมีแต่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นเท่านั้น เขาคิดว่าความแข็งแกร่งจะเกิดขึ้นได้โดยการขัดเกลาพื้นฐานเท่านั้น อาจจะมีวิธีอื่นที่สามารถทำได้เช่นกัน แต่เขามุ่งมั่นไปสู่การฝึกฝนพื้นฐาน และปรับปรุงพื้นฐานของเขาอย่างต่อเนื่อง