บทที่ 250
แผลแค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอก
สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเครียดขึ้น เธอไม่คิดว่าเขาจะมาตามล่าเธอเร็วขนาดนี้!!!
“หลินหนาน พาคนอื่นหนีไปก่อน เสี่ยวไป๋จะไปกับเขาด้วย!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชากับคนที่เหลือที่อยู่ข้างหลังเธอ
“มู่เทียน พวกเราไม่ไปไหนทั้งนั้น!” พวกเขาจะทิ้งเพื่อนไปแบบนี้ไม่ได้!
สีหน้าของมู่หรงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “รีบหนีไป อยู่ที่นี่พวกนายก็ช่วยอะไรไม่ได้ อีกฝ่ายอยู่ระดับสูงสุดของสีฟ้านะ!” เมื่อกี้เธอไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด หลักๆก็เพื่อที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย และเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายก็คงจะใช้พลังแค่ครึ่งเดียวด้วยเหมือนกัน
หลินหนานที่ระดับสูงสุดในทีมแต่ก็อยู่เพียงระดับสีเขียวเท่านั้น เมื่อเธอสู้ไปสักพัก เธอก็อาจจะไม่สามารถที่จะดูแลคนมากมายได้
“ระดับสูงสุดของสีฟ้างั้นเหรอ!” สีหน้าของหลินหนานเปลี่ยนไป “ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็ยิ่งไปไหนไม่ได้เลย…” ในสายตาของพวกเขา อย่างมากมู่เทียนก็อยู่ในระดับชั้นต้นของระดับสีฟ้า แล้วจะไปสู้กับระดับสูงสุดของระดับสีฟ้าได้ยังไง
“ไม่ต้องพยายามที่จะหนีไปไหนเลย เดี๋ยวข้าจะจัดการทั้งหมดเอง!” ชายแก่ลอยขึ้นไปในอาการและโจมตีไปที่ หลินหนาน
“ตาแก่ ข้าต่างหากที่เป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า” มู่หรงเสวี่ยรีบเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าหลินหนานทันที
ชายแก่เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยอยู่ในระดับสีเหลืองเท่านั้นแล้วจึงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า ฮ่า!! แค่ระดับสีเหลืองยังกล้าเข้ามาขวางอีก ในเมื่อเจ้าอยากที่จะตาย ข้าก็จะช่วยสงเคราะห์ให้เอง!” เขาทำท่าพายุหมาป่า ลมรอบๆตัวเขาดูน่ากลัวพอๆกับเสียงร้องโหยหวนของหมาป่าเลย พายุได้รวมตัวเป็นมวลพลังที่น่าสะพรึงกลัวในทันทีและต้นไม้รอบๆตัวเขาต่างก็ส่งเสียงกรอบแกรบ
สายตาของมู่หรงเย็นชา พลังแห่งจิตวิญญาณทั่วทั้งร่างกายกำลังรวมตัวกันเพื่อเป็นท่าที่สองของตำรานกฟินิกซ์ “ฟินิกซ์สยายปีก!”
เมื่อดวงตาของนกฟินิกซ์เป็นสีแดง ก็ดูเหมือนว่าดวงตาของนกฟินิกซ์จะทรงอำนาจมากกว่าของหมาป่า
เสี่ยวไป๋ที่อยู่ในอ้อมแขนของหลินหนานอ้าปากหาวแล้วจึงพูดออกมา “ไปกันเถอะ ตาแก่นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก…” แล้วมันก็เอนตัวลงและอยากที่นอนโดยไม่กังวลอะไรเลย
ชายแก่ก็แค่อยู่ในระดับสูงสุดของระดับสีฟ้าแต่ มู่หรงเสวี่ยขึ้นไปถึงระดับต้นของระดับสีม่วงแล้ว นี่มันก็เหมือนฟ้ากับเหว แค่ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณอย่างเดียว มู่หรงเสวี่ยก็จัดการเขาได้แล้ว
“มู่เทียนฝึกตนอยู่ในระดับไหนกัน?” เพราะระดับการฝึกตนของมู่เทียนในตอนนี้ยังอยู่ในระดับสีเหลืองซึ่งยังแสดงแบบนี้ให้โลกภายนอกเห็นอยู่ จึงไม่มีทางที่จะรู้ระดับการฝึกตนที่แท้จริงของเขาได้เลย แต่หลินหนานมั่นใจมากว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ในระดับสีเหลืองแน่นอน
“ก็แค่ระดับต้นของระดับสีม่วงเอง…” เสี่ยวไป๋พลิกตัวอยู่ในอ้อมแขนของหลินหนานและพูดออกมาอย่างเฉยเมย
“ระดับสีม่วงงั้นเหรอ!” หลินหนาน จ้าวฉีและคนอื่นๆที่เหลือต่างก็ร้องอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน!”
เสี่ยวไป๋ตกใจเพราะเสียงที่ดังแล้วเจ้าตัวอ้วนก็บ่นพึมพำออกมา “มีอะไรให้ต้องตกใจขนาดนั้นเนี่ย”
นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจจริงๆ โอเคไหม!? เขาอายุเท่าไรกันเนี่ย? มีคนแบบนี้อยู่จริงๆได้ยังไงกัน?
หลินหนานและคนอื่นๆก็ยังไม่ไปไหน ไร้สาระน่า!! ตอนนี้ คนยิ่งมากก็ยิ่งดี โอเคไหม?!!
แน่นอนว่าหลังจากนั้นสักพัก เขาก็เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยยืนอยู่ตรงนั้น แม้แต่เสื้อผ้าของเธอก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามเลย ชายแก่กลับดูทรมานมากกว่าอีก เขาเห็นว่าเสื้อผ้าของเขาฉีกขาดหลายครั้งและเนื้อตัวก็เต็มไปด้วยเลือด ในตอนนี้เขากึ่งๆนอนกองอยู่กับพื้น
“ถุย!” ชายแก่กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
มู่หรงก้าวเดินตรงเข้าไปหาเขา ดาบเฟิงหมิงในมือของเธอลากไปกับพื้น ทำให้เกิดเสียงน่ากลัว
ชายแก่ถอยหลังไปด้วยความกลัว “แกมันปีศาจอะไรกันเนี่ย?!! ไม่มีทางที่แกจะฝึกตนอยู่ในระดับเหลือง…”
ปากของมู่หรงเสวี่ยยิ้มแสยะ “ข้าไม่ได้บอกซะหน่อยว่าข้าเป็นระดับเหลือง.”
“อย่า ขอร้องเถอะ ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าก็ถูกคนอื่นสั่งมาเหมือนกัน!” ชายแก่ไม่มีทางเลือกนอกจากร้องขอความเมตตา เมื่อต้องเผชิญกับความตายตรงหน้า เขาก็ไม่เหลือความกล้าอีกแล้ว
“ปล่อยเจ้าไปงั้นเหรอ?!! เป็นไปไม่ได้หรอก” ถ้าไม่ใช่เพราะเธอฝึกตนจนอยู่ระดับที่สูงกว่า ป่านนี้พวกเธอก็คงจะตายไปแล้วแล้วเขาก็คงไม่ปล่อยพวกเธอไปด้วยเหมือนกัน
ชายแก่รู้สึกเสียใจ ถ้าเขารู้ว่าในกลุ่มเด็กหนุ่มพวกนี้จะมีคนที่ฝึกตนจนถึงระดับสูงปนอยู่ด้วย เขาก็คงไม่รับงานมาฆ่าพวกเขาแบบนี้หรอก
“ข้ามีเงินนะ ข้ามีเงินคริสตัล ข้ายกให้หมดเลย ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ…” ชายแก่หยิบแหวนเก็บของออกมาและส่งให้ มู่หรงเสวี่ย
“ถึงฆ่าเจ้า ทั้งหมดนี่ก็เป็นของข้าอยู่ดี!” มู่หรงพูดอย่างเย็นชา
ในสายตาของชายแก่แวบประกายคมเข้มขึนมาแล้ว แสงออร่าของเขาก็เปล่งขึ้นมาทันที
“ไม่ดีแล้ว เขาอยากที่จะระเบิดตัวเองแล้ว มู่เทียนรีบหนีเร็ว…” หลินหนานร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว!
แม้แต่ระดับสีม่วงก็ทนรับการระเบิดตัวเองของผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดของระดับสีฟ้าไม่ได้หรอก
“ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นก็ไปลงนรกพร้อมกับข้าไปเลย!” ชายแก่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วก็รีบพุ่งตรงไปข้างหน้า กอดขาของ มู่หรงเสวี่ยไว้แน่น
สายตาของมู่หรงเสวี่ยเย็นชาเล็กน้อยแล้วดาบเฟิงฮัวในมือของเธอก็ฟันลงไปที่มือของชายแก่อย่างไร้ความปรานี
อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไป ลำแสงแวบออกมาจากร่างของชายแก่ทันทีแล้วแสงก็ระเบิดออก
“ไม่นะ!!! ไม่” หลินหนานและคนอื่นๆต่างก็รีบวิ่งมาในตำแหน่งของมู่หรง ดวงตาของเสี่ยวไป๋เบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมพร้อมทั้งเริ่มแดงระเรื่อด้วย
หลังจากการระเบิดครั้งใหญ่ สิ่งที่เหลือมีเพียงหลุมขนาดใหญ่แต่กลับไม่มีร่างใดเหลืออยู่เลย
กลายเป็นเถ้าถ่านงั้นเหรอ?!!
ชั่วขณะหนึ่ง หลินหนานรู้สึกเสียใจอย่างมาก
เขาจับมือเสี่ยวไป๋และปล่อยมันลง เสี่ยวไป๋เลื่อนลงมา เข่าของมันอ่อนยวบและอดไม่ได้ที่จะทรุดลงไปกับพื้น
ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ด้วยกันแค่เพียงวันเดียว แต่มู่เทียนก็เหมือนกับน้องชายของเขา
สำหรับบางคนได้อยู่ด้วยกันแค่เพียงนาทีเดียวก็เพียงพอแล้วในชีวิตนี้ แต่บางคนที่รู้จักกันมาทั้งชีวิตแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ได้เลย
พวกเขาและมู่เทียนเป็นคนกลุ่มแรก
“ไม่นะ” หลินหนานเงยหน้ามองฟ้าและร้องคำราม!
จ้าวฉี, จู้หมิงและหวู่เสี่ยวเหมยเองก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา พวกเขาไม่อยากที่จะเชื่อเรื่องนี้ เพื่อนที่เพิ่งจะทำบาร์บีคิวให้พวกเขาเมื่อกี้อยู่ดีๆก็หายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา
เสี่ยวไป๋ไม่ได้เศร้า ไม่ใช่ว่ามันไร้หัวใจแต่มันกับ มู่หรงเสวี่ยเชื่อมกันไว้ด้วยชีวิต ถ้ามู่หรงเสวี่ยตายจริงๆ มันก็คงยังยืนอยู่แบบนี้ไม่ได้
“จะร้องอะไรกันเนี่ย ร้องแล้วจะได้อะไร!!!! พวกนายนี่หน้าไม่อายจริงๆเลย” เสี่ยวไป๋มองไปที่พวกเขาด้วยสายตาดูถูกและไม่ยอมรับว่าเมื่อกี้ตาของมันก็แดงระเรื่อด้วยเหมือนกัน
หลินหนานมองไปที่เลี่ยวไป๋อย่างไม่อยากจะเชื่อ พร้อมด้วยสายตาไม่พอใจ “เจ้า มู่เทียนดีกับเจ้ามากนะ เจ้านี่มันเหลือเชื่อจริงๆ…” เขาพูด น้ำเสียงสะอื้นจนพูดต่อไม่ได้
หวู่เสี่ยวเหมยมองไปที่มันด้วยสายตาขุ่นเคือง
“เขายังไม่ตาย พวกเจ้าจะมาร้องไห้ทำไมกัน?! รีบไปหาสิ…” ถึงแม้เขาจะยังไม่ตาย แต่ก็น่าจะได้รับบาดเจ็บ การระเบิดตัวเองของคนที่อยู่ระดับสูงสุดในระดับสีฟ้าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ตอนนี้มันรับรู้ถึงกลิ่นของเธอไม่ได้เลย ซึ่งน่าจะกำลังสลบอยู่
“สิ่งที่เจ้าบอกเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?!!”
เขายังไม่ตายจริงๆเหรอ?”
“รีบค้นหาเร็ว…”
พวกเขารับลุกขี้นทันที ไม่มีใครคิดว่าเรื่องที่เสี่ยวไป๋พูดเป็นคำโกหก แล้วพวกเขาก็ไม่อยากจะสงสัยในคำพูดของมันด้วย
เสี่ยวไป๋เองก็ใช้ข้อดีของการมีขาสั้นเพื่อเร่งความเร็วในการค้นหาไปรอบๆ
“เจอแล้ว อยู่ทางนี้!” เสียงตกใจของหลินหนานดังออกมา
คนที่เหลือรวมทั้งเสี่ยวไป่ด้วยรีบวิ่งไปที่จุดนั้น
ในตอนนี้ ตามตัวมู่หรงเสวี่ยมีรอยถลอกเต็มไปหมดและเสื้อผ้าของเธอก็ฉีกขาดหลายจุด
หลินหนานอุ้มเธอขึ้นมาอย่างเบามือและนิ้วที่สั่นรัวของเขาก็ค่อยๆวางลงไปที่จมูกเธอ หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เขาแค่สลบไปเท่านั้น
หลินหนานอยากที่จะหาว่าอวัยวะภายในของมู่เทียนได้รับบาดเจ็บด้วยหรือเปล่า แต่เขาก็พบว่าพลังจิตของเขาตรวจจับไม่ได้แถมยังถูกผลักออกมาอีก
“น่าสงสัย…” หลินหนานพูด
“มีอะไรเหรอ?” คนอื่นๆถามด้วยความกังวล
“ให้ข้าลองบ้าง…” หวูเสี่ยวเหมยเดินมาข้างๆมู่หรงเสวี่ยและค่อยๆใช้พลังแห่งจิตวิญญาณของเธอเพื่อตรวจสอบ
หลังจากนั้นสักพัก หลินหนานก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “เป็นไงบ้าง?”
หวู่เสี่ยวเหมยส่ายหน้า
สีหน้าของคนที่เหลือรวมทั้งเจ้าลูกบอลสีขาวเปลี่ยนไปทันที
“เจ้าหมายความว่ามัน…สาหัสงั้นเหรอ?” หลินหนานถามอย่างระวัง
“เปล่าหรอก ข้าแค่ตรวจไม่ได้…” นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจออะไรแบบนี้
ความจริงแล้วมู่หรงเสวี่ยไม่น่าที่จะต้านทานการระเบิดตัวเองที่ทรงพลังขนาดนั้นได้
อย่างไรก็ตาม แสงของการระเบิดใหญ่มากจนพวกเขามองไม่เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ ไปหาที่ซ่อนก่อน ไม่งั้นถ้ามีคนอีกกลุ่มมาอีก มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่…” เสี่ยวไป๋พูดออกมาด้วยเสียงที่นุ่มนวล ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่องทักษะทางการแพทย์ แต่มันก็เชื่อมโยงชีวิตอยู่กับมู่หรงเสวี่ย ในตอนนี้มันไม่รู้สึกถึงอันตรายถึงชีวิตกับชีวิตของมู่หรงเสวี่ย งั้นนี่ก็ไม่น่าที่จะสาหัสอะไรมาก
“ใช่ พวกเราต้องไปจากที่นี่ก่อน…” หลินหนานค่อยๆอุ้มมู่เทียนขึ้นมาอย่างระวังและก็พบว่ามู่เทียนตัวเบากว่าที่เขาคิดไว้มาก เขาเบาอย่างกับนุ่นเลยทีเดียวและตัวเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งกระด้างเหมือนตัวของผู้ชายแบบพวกเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้คิดมากอะไรเรื่องนี้ เขาคิดเพียงแค่ว่ามู่เทียนคงจะถูกเลี้ยงมาดีกว่าที่เขาคิด
“เอายารักษาบาดแผลให้มู่เทียนกันก่อนเถอะ!” หวูเสี่ยวเหมยหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋ามิติลับ หยิบยาออกมา เปิดปากมู่เทียนและใส่ยาเข้าไปในปากเธอ ยาละลายทันทีที่เข้าไปในปากจึงไม่ต้องกังวลเรื่องที่เธอจะไม่กลืน
“ไปกันเถอะ ที่นี่มันเสียงดังเกินไป เดาว่าคงจะมีคนไม่น้อยที่ได้ยินเสียงการระเบิด…” หลินหนานพูดสีหน้าเครียด
จ้าวฉีเองก็รีบอุ้มเสี่ยวไป๋ขึ้นมาจากพื้น พวกเขาต่างก็รีบวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม ตลอดเส้นทางพยายามหนีอย่างหัวซุกหัวซุน โดยไม่กล้าที่จะหยุดพัก
ในตอนนี้พวกเขายังมู่เทียนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ด้วยและคงไม่เหมาะที่จะสู้อีกรอบ
ไม่รู้ว่าพวกเขาเดินกันมาไกลแค่ไหน หวู่เสี่ยวเหมยแทบจะเดินต่อไม่ไหวแล้วและคนอื่นๆก็ค่อยเดินกันช้าลงด้วยเหมือนกัน
“ข้างหน้าเรามีถ้ำอยู่ ไปหลบที่นั่นกันก่อนเถอะ” จ้าวฉีเจอถ้ำที่ซ่อนได้อยู่ห่างไม่ไกล รอบถ้ำมีทั้งสาหร่ายและกิ่งไม้เต็มไปหมด ถ้าไม่มองดีๆก็แทบจะไม่เห็นเลย
“โอเค ไปที่นั่นกันเถอะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรักษามู่เทียนก่อน…” หลินหนานพยักหน้า ถึงแม้จะตรวจจับอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในของมู่เทียนไม่ได้ แต่ตามร่างกายเขาก็ยังมีบาดแผลที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา
“เจ้ารอที่นี่ก่อน ข้าจะไปดูสถานการณ์ก่อน…” จู้หมิงพูด
หลินหนานอุ้มมู่เทียนได้และรอดูสถานการณ์
จู้หมิงค่อยๆดึงสาหร่ายออกจากทางเข้าถ้ำอย่างระวังและเดินเข้าไป หลังจากนั้นสักพัก เขาก็เห็นจู้หมิงโบกมือให้พวกเขา และทั้งหมดก็เดินตรงไปที่ทางถ้ำ
ข้างในถ้ำไม่ได้ใหญ่อะไรมาก น่าจะกว้างประมาณ 10 เมตร โชคดีที่พื้นแห้ง
จู้หมิงเจอพื้นที่ค่อนข้างสะอาดหน่อย เขากวาดหินออกและเอาใบไม้ที่เจอข้างนอกมาปูพื้น แล้วเขาก็เจอราวแขวนยาวจากกระเป๋ามิติลับ หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับหลินหนาน “วางมู่เทียนได้เลย…”
หลินหนานค่อยๆวางมู่เทียนลงและเห็นว่าสีหน้าของเขาซีดมาก
หวู่เสี่ยวเหมยหยิบผ้าสะอาดและน้ำออกมา แล้วเช็ดไปที่หน้าของเธอและแผลระเบิดตามร่างกาย
“เอายารักษาแผลออกมาก่อน…” หลินหนานเห็นเธอเช็ดแผลเสร็จแล้วจึงพูดออกมา
แล้วเขาก็เดินไปนั่งข้างๆมู่เทียนและยื่นมือออกไปเพื่อถอดเสื้อผ้าของมู่เทียนแต่เสี่ยวไป๋จับมือไว้ทัน
ที่ด้านหลังมือของหลินหนาน มีรอยแผลอยู่หลายแผลและเลือดก็เริ่มที่จะไหลอกมาจากแผลแล้ว เสี่ยวไป๋จับมือเขาอย่างแรงและไร้ความปรานี
มันเห็นว่าเขายืนอยู่ข้างๆมู่หรง จ้องไปที่หลินหนานอย่างดุร้าย “เจ้าต้องการจะทำอะไร?!!”
หลินหนานเอามือปิดแผลที่มือไว้และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าแหละที่จะทำอะไร?! ไม่เห็นหรือไงว่ามู่เทียนบาดเจ็บ! ข้าก็จะใส่ยาให้เขาไง
เขาไม่รู้ว่าเจ้าลูกบอลสีขาวนี่เป็นสัตว์ประเภทไหนกัน บอกได้แค่ว่ามันเป็นอสูรแห่งจิตวิญญาณแต่เขาก็ไม่เคยเจอสัตว์อะไรแบบนี้เหมือนกัน พูดง่ายๆคืออสูรแห่งจิตวิญญาณที่พูดภาษาคนได้จะต้องมีระดับการฝึกตนที่แข็งแกร่งมากๆ แต่เจ้าลูกบอลสีขาวนี่ดูอ่อนด้อยมากๆ
เสี่ยวไป๋ยืนขึ้นตรงหน้ามู่หรงเสวี่ย อ้าแขนออกและกั้นทุกคนเอาไว้ “อย่าใช้ยา!”
นอกจากหลินหนานแล้ว คนอื่นๆต่างก็พูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกาจ มู่เทียนบาดเจ็บอยู่นะ เลือดก็ยังไหลอยู่เลย เจ้าอยากให้เขาตายหรือไง?!!” ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าลูกบอลสีขาวนี่เป็นสัตว์เลี้ยงของมู่เทียนนะ เขาก็คงจะโยนมันออกไปโดยไม่ลังเลแล้ว
“แผลแค่นี้ไม่ตายหรอกน่า! ขอพูดอีกทีนะ พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยา” เสี่ยวไป๋พูด
อีกอย่างมู่หรงเสวี่ยเป็นผู้หญิง ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้ เธอฟื้นขึ้นมาจะต้องโมโหมากแน่ๆ