ตอนที่ 464 กินซะ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 464

กินซะ

“ฮือ…..”เสียงร้องไห้ของผิงกั่วดังขึ้นมาตามที่ทุกคนคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด นั่นเพราะหลังจากอยู่กับผิงกั่วมาหลายวัน จูล่งก็ได้เวลากลับเสียที เพียงแต่จูล่งไม่ได้กลับไปเฉยๆ มันยังต้องบอกผิงกั่วอีกด้วยว่าตัวมันนั้นต้องย้ายไปที่เขตอสูรผาไร้ก้นที่อยู่ทางสุดแผ่นดินตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมันแทบจะอยู่ห่างจากเขตอสูรผลึกฟ้าเกือบทั้งทวีป ทำให้ผิงกั่วรู้ทันทีว่าไป๋จูล่งไม่อาจจะมาหานางได้บ่อยๆ

“ผิงกั่ว ถ้าเจ้าฝึกฝนพลังวิญญาณได้แล้วเจ้าก็สามารถไปหาล่งเอ๋อได้นะ”จิ้งจอกเหมันต์พูดพลางยิ้มน้อยๆ เด็กสองคนนี้อยู่ด้วยกันมาหลายวัน อาจจะเพราะความไม่ประสีประสาของทั้งคู่เหมือนกันมากก็ได้ทำให้นางเห็นว่าทั้งสองเหมือนพี่น้องกันมากจนทำให้จิ้งจอกเหมันต์อดเอ็นดูผิงกั่วไปด้วยไม่ได้

“งั้นข้าจะพยายามฝึกวิชาที่พี่จูล่งสอนให้”ผิงกั่วตอบพลางเช็ดน้ำตาน้อยๆ นางไม่อยากแยกจากจูล่งหรอก แต่นางก็ไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจขนาดจะบังคับให้จูล่งอยู่ที่นี่ตลอดไป นางจึงได้แต่ยอมรับข้อตกลงและพยายามฝึกฝนในส่วนของตนเองเท่านั้น

“เด็กดี”จิ้งจอกเหมันต์ยิ้มพลางลูบหัวผิงกั่วเบาๆ เด็กคนนี้น่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อยสมแล้วที่กุมหัวใจราชินีน้ำแข็งได้ทั้งๆที่ไม่มีพลังดึงดูดเหล่าอสูร

“ไปกันเถอะ เจ้าออกมานานเกินไปเดี๋ยวจูเอ๋อจะเป็นห่วงเอา”จิ้งจอกเหมันต์ผละออกจากผิงกั่วและปล่อยให้จูล่งล่ำลาผิงกั่วให้เรียบร้อย ส่วนตนเองก็บอกลาราชินีน้ำแข็งแล้วพากันออกมาก่อนที่ผิงกั่วจะร้องไห้หนักไปกว่านี้

.

.

“ผิงกั่วนี่น่ารักจริงๆ พอเติบใหญ่ขึ้นแล้วจะกลายเป็นสาวงามหรือเปล่านะ”จิ้งจอกเหมันต์พูดพลางลูบหัวไป๋จูล่งอย่างเอ็นดู เห็นนางติดไป๋จูล่งขนาดนั้น ถ้านางโตแล้วตามไป๋จูล่งมาจริงๆตอนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นแค่พี่น้องอย่างตอนนี้ก็ได้กระมัง

“ขอรับ นางน่ารักมากจริงๆ”ไป๋จูล่งตอบพลางยิ้มออกมา น่าเสียดายใจสายตาของจูล่งผิงกั่วยังเป็นเพียงน้องสาวผู้แสนน่ารักคนหนึ่งเท่านั้น แม้จะมองเห็นอนาคต แต่ไป๋จูล่งก็ไม่เคยคิดสงสัยเลยว่าผิงกั่วพอโตแล้วจะหน้าตาเป็นเช่นไร

“เจ้านี่นะ”จิ้งจอกเหมันต์ส่ายหน้ากับท่าทีของจูล่ง เจ้าหนูนี่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับความรักเลย เกรงว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปจะทำให้สาวๆน้ำตาตกโดยไม่รู้ตัวเป็นแน่ หน้าตาของมันก็หล่อเหลาเสียแบบนี้ ไม่ทราบว่าช่วงเวลาที่เริ่มออกเดินทางนี้ไปเผลอทำสาวๆที่ไหนใจหวั่นไหวมาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

“มีอะไรหรือขอรับ”ไป๋จูล่งถามพลางหันกลับมามองน้าจิ้งจอกด้วยใบหน้าใสซื่อ ทำเอาน้าจิ้งจอกได้แต่ยิ้มบางๆแล้วส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่มีอะไรหรอก จริงสิเราไปหาแวะเมืองข้าหน้าดีหรือเปล่า”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ ก่อนหน้านี้ที่นางบอกผิงกั่วว่าต้องรีบกลับก็แค่ข้ออ้างเท่านั้น จริงๆแล้วพวกนางไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้นหรอก

แม้จะบินออกมาจากเขตอสูรผลึกฟ้าได้ไม่นาน แต่ด้วยความเร็วของตงฟางและมังกรอัสนีทองคำทำให้พวกไป๋จูล่งมาเกือบจะถึงหมู่บ้านเกิดของจูล่งเสียแล้ว ทำให้น้าจิ้งจอกเลือกเมืองแห่งหนึ่งซึ่งนางเคยมาเที่ยวเล่นสมัยเลี้ยงดูจูล่งอยู่ที่หมู่บ้านเป็นสถานที่แวะพักผ่อนในครั้งนี้

.

.

“ล่งเอ๋อ เจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะ”จิ้งจอกเหมันต์พูดหลังจากร่อนลงมาที่ด้านนอกของเมือง ในแถบนี้อสูรยังไม่เป็นที่ยอมรับเสียเท่าไหร่ แถมมังกรอัสนีทองคำยังเด่นสะดุดตาเสียมากพวกนางก็เลยต้องออกมานอกเมืองก่อนค่อยเข้าไปอีกที

“เจ้าจะห่วงอะไรจูล่งนัก ไม่มีใครทำอะไรมันได้หรอก”มังกรอัสนีทองคำถามขณะมองไป๋จูล่งที่เดินนำพวกตนเข้าไปในเมืองอย่างร่าเริง

“ข้าเป็นน้าของล่งเอ๋อนี่นา ข้าก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาสิ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางมองไปทางมังกรอัสนีทองคำด้วยท่าทีไม่พอใจนัก นางจะโอ๋หลานตัวเองแล้วจะทำไม

“เจ้าเป็นน้าของมันก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือ ตัวมันแข็งแกร่งขนาดนั้นต่อให้คนทั้งเมืองหันคมเขี้ยวเข้าใส่ก็ไม่เป็นอะไรหรอก”มังกรอัสนีทองคำยังคงไม่เห็นด้วย หากมันเป็นน้าของจูล่งก็คงไม่เป็นห่วงขนาดนี้ คนที่สมควรห่วงคือพวกในเมืองที่คิดจะหาเรื่องจูล่งต่างหาก

“แสดงว่าเจ้าไม่เคยรักใครสินะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางมองไปทางมังกรอัสนีทองคำ ไม่ใช่ว่านางจะไม่เคยเห็นคนหรืออสูรที่เป็นแบบมังกรอัสนีทองคำหรอกนะ มันเป็นผู้ยิ่งใหญ่ตั้งแต่เกิด อาจจะไม่เคยมีคนใกล้ชิดหรือคนที่ต้องเป็นห่วง มันอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกที่นางมีให้จูล่งก็เป็นได้

“แล้วเรื่องนั้นเกี่ยวอะไรกัน”มังกรอัสนีทองคำถามพลางเดินผ่านประตูเมืองเข้าไปช้าๆ เมืองนี้จิ้งจอกเหมันต์เคยมาเที่ยวเล่นนานๆครั้งทำให้นางสามารถพาพวกจูล่งเข้าเมืองได้อย่างง่ายดาย

“แน่นอน มันเกี่ยวอยู่แล้ว”จิ้งจอกเหมันต์ยิ้มพลางเหล่มองมังกรอัสนีทองคำด้วยท่าทีเหมือนคนเหนือกว่า

“หากเจ้ารักใครสักคน เจ้าจะเข้าใจเองว่าทำไมข้าถึงเป็นห่วงจูล่งนัก”จิ้งจอกเหมันต์หัวเราะด้วยท่าทีเหมือนคนเจนโลกกำลังหยอกล้อคนอ่อนต่อโลกไม่มีผิด อย่างน้อยเรื่องนี้ก็ทำให้นางรู้สึกชนะมังกรอัสนีทองคำได้บ้าง เพราะนางไม่มีทางเอาชนะเรื่องพลังกับมันได้หรอก เจ้าบ้านี้คืออสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 เชียวนะ แม้จะไม่แข็งแกร่งเท่านายหญิงหรือจูล่งก็ตาม

“ต่อให้คนๆนั้นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงงั้นหรือ”มังกรอัสนีทองคำไม่ได้มีท่าทีอะไรกับใบหน้าเหมือนพึ่งเอาชนะตนได้ของจิ้งจอกเหมันต์เลย มันเพียงกำลังสนใจเรื่องที่นางพูดเท่านั้น

“ใช่ ต่อให้แข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางยิ้มออกมา เจ้านี่ก็มีมุมที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน ท่าทางราชาผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ค่อยได้สัมผัสอารมณ์แบบคนหรืออสูรทั่วไปเท่าไหร่ มิน่าถึงเข้ากับจูล่งได้

“อาจารย์ นี่ไงอันที่ข้าเล่าให้ท่านฟัง”จูล่งว่าพลางนำอาหารที่มันซื้อมาจากข้างทางมาส่งให้มังกรอัสนีทองคำ ตัวมันนั้นเป็นอสูรระดับบรรพกาลมาตั้งแต่เกิด ไม่เคยสัมผัสความอยากอาหารมาก่อน ตลอดชีวิตมันนั้นกินอาหารแค่เล็กน้อยตามความต้องการของร่างกายเท่านั้น มันเลยไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์ถึงชอบนำอาหารมาขายในเมืองนักในเมื่อการกินแต่ละครั้งของมันใช้เวลานับสิบปีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าในช่วงอายุของมันกินอาหารนับครั้งได้เลยทีเดียว

“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”จูล่งถามพลางจ้องมองมังกรอัสนีทองคำด้วยท่าทีคาดหวัง แม้จูล่งเองก็ไม่ต้องกินอาหารเพื่อดำรงชีวิตเช่นกัน แต่เพราะเหม่ยหลินผู้เป็นมารดาทำอาหารให้มันกินตลอด จูล่งเลยเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาอยู่บ้าง ยิ่งพอมาเจออาหารในโลกภายนอกแล้วได้กินอะไรแปลกๆตั้งมากมายทำเอามันตื่นเต้นไม่น้อยจนเก็บเอาไปเล่าให้มังกรอัสนีทองคำฟังเลยทีเดียว

“……….”มังกรอัสนีทองคำถือซาลาเปาเอาไว้ในมือพลางจดจ้องอยู่ครู่ใหญ่ ปกติเวลาร่างกายมันต้องการอาหาร มันก็จะไปเขตอสูรสักแห่งแล้วกินอสูรที่ตัวใหญ่ที่สุดที่หาพบ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับอาหารในรอบสิบหรือร้อยปี แต่เจ้านี้มันอะไร ลูกเท่าฝ่ามือมนุษย์เท่านั้น มิน่าเล่ามนุษย์ถึงได้กินกันบ่อยๆ เพราะอาหารของพวกมันชิ้นเล็กเท่านี้นี่เอง

“เจ้าลองกินดูสิ อาหารของมนุษย์ก็ไม่เลวหรอกนะ”จิ้งจอกเหมันต์เห็นมังกรอัสนีทองคำเอาแต่จดจ้องอยู่กับซาลาเปาตรงหน้าโดยไม่ทราบจะทำเช่นไรจึงเอ่ยปากบอกให้มันกินเสียที แต่มังกรอัสนีทองคำกลับยังไม่มีท่าทีจะกินเสียที

“ข้าบอกว่ากินเข้าไปซะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางยื่นมือไปหยิกที่แผ่นหลังของมังกรอัสนีทองคำทีหนึ่ง ทำให้มังกรอัสนีทองคำหันมามองทางด้านจิ้งจอกเหมันต์ราวกับจำถามว่าเจ้าจะทำอะไร แน่นอนว่ามันย่อมได้รับสายตากดดันจากนางเหมือนจะบอกว่ารีบๆกินซะหลานของนางกำลังรอคำตอบอยู่ไม่เห็นหรืออย่างไร

“ก็ได้…”มังกรอัสนีทองคำว่าพลางเอาซาลาเปาเข้าปากด้วยท่าทีไม่ค่อยจะเต็มใจนัก แน่นอนว่าคนที่ลุ้นที่สุดคงหนีไม่พ้นไป๋จูล่งนั่นเอง

“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ ดีกว่าเนื้ออสูรใช่หรือไม่”จูล่งถามพลางยิ้มกว้าง แม้จูล่งจะไม่เคยกินเนื้ออสูรเพราะมีมารดาทำอาหารให้ตั้งแต่เกิด แต่พวกท่านน้าก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเนื้ออสูรนั้นไม่อร่อยเอาเสียเลย

“จริงของเจ้า”มังกรอัสนีทองคำตอบพลางพยักหน้าช้าๆ แม้จะเป็นเพียงซาลาเปาธรรมดาที่หาซื้อได้ข้างทาง แต่ก็ย่อมอร่อยกว่าการกินอสูรเป็นๆทั้งตัวอย่างไม่ต้องสงสัย มังกรอัสนีทองคำได้แต่ยอมรับอยู่เงียบๆว่ามันดีกว่ากันจริงๆ

“งั้นหรือขอรับ งั้นข้าจะหาอย่างอื่นมาให้อาจารย์กินอีกนะ”จูล่งว่าพลางผละตัวเดินเข้าไปในตลาดอย่างรวดเร็ว ทำให้จิ้งจอกเหมันต์ที่มองอยู่ด้านหลังส่ายหน้าช้าๆ ท่าทางจูล่งจะอยากนำเสนออาหารของมนุษย์มาก มันถึงกับรีบเดินไปที่ร้านขายขนมที่อยู่ห่างออกไปด้วยท่าทีกระตือรือร้นไม่ใช่น้อย มันชี้ขนมหวานที่อยู่ในถาดสำหรับวางขายจนครบทุกถาดเหมือนจะเอามาแนะนำให้มังกรอัสนีทองคำให้ครบเสียอย่างนั้น แต่นอกจากการเลือกซื้อขนมของหลานแล้วจิ้งจอกเหมันต์ยังสังเกตอะไรบางอย่างที่นอกเหนือจากนั้นด้วยท่าทีสนใจ

โดยสิ่งที่จิ้งจอกเหมันต์กำลังให้ความสนใจอยู่นั้นคือตัวเจ้าของร้านขายขนมที่กำลังค่อยๆหยิบขนมมาห่อด้วยท่าทีแปลกๆ เพียงแต่ไม่ใช่ท่าทีที่เลวร้ายอะไรนักเพราะเจ้าของร้านที่เป็นเด็กสาวอายุราวๆ 20 ปีกำลังหยิบขนมมาห่อด้วยท่าทีที่เชื่องช้ากว่าปกติมาก เหมือนนางจะจงใจหยิบขนมช้าๆเพื่อให้จูล่งอยู่ที่หน้าร้านของตนนานๆ

“…..”จิ้งจอกเหมันต์ยิ้มพลางมองเจ้าของร้านด้วยท่าทีเหมือนจะรู้ทัน นางพยายามหาเรื่องคุยกับจูล่งด้วยท่าทีเขินอายแถมยังหน้าแดงระเรื่ออีกต่างหาก ท่าทางของนางชัดเจนมากจนคนอื่นๆก็คงมองออกว่านางกำลังทอดสะพานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่น่าเสียดายที่จูล่งหาได้รู้ความในที่นางกำลังพยายามสื่อมาให้แม้แต่น้อย จนกระทั่งนางห่อขนมเสร็จจูล่งก็เพียงพูดคุยกับนางและขอบคุณนางด้วยท่าทีร่าเริงเท่านั้น

“โถ่เอ้ย…”จิ้งจอกเหมันต์ถอนหายใจออกมาพลางเอามือมาทาบแก้มตัวเองเอาไว้ ช่างน่าสงสารแม่สาวคนขายขนมจริงๆ แต่แค่คำขอบคุณของจูล่งก็ทำเอานางหน้าแดงทำตัวไม่ถูกแล้ว

“…..”ตรงกันข้ามกับจิ้งจอกเหมันต์ มังกรอัสนีทองคำที่ยืนอยู่ข้างๆกลับประหลาดใจกับท่าทีลุ้นระทึกของจิ้งจอกเหมันต์เสียมากกว่า บอกตามตรงว่ามันไม่ชินกับท่าทีแบบนี้ของนางเลย

“มองอะไร”จิ้งจอกเหมันต์เห็นมังกรอัสนีทองคำมองมาทางตนด้วยท่าทีเหมือนกำลังมองตัวประหลาด นางก็จัดแจงค้อนขวับใส่มันเข้าไปวงใหญ่

“เปล่านี่….”มังกรอัสนีทองคำตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ อะไรกันทำไมแค่มองมันถึงต้องโดนโกรธด้วย