ตอนที่ 1807 -1809

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1807  บิดกลับฟ้าดิน (5)
  “ยานี้……”ประมุขวิหารเงาจันทราเสียงสั่นเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ
  ไม่จำเป็นต้องให้ประมุขวิหารเงาจันทราพูดส่วนที่เหลือแค่สีหน้าของเขาก็เพียงพอให้ทุกคนเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับเขาได้แล้ว
  ใบหน้าซีดขาวของประมุขวิหารเงาจันทราในตอนแรกเริ่มมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมาเขาไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นเขาเป็นคนขี้โรคอ่อนแออีกต่อไป แต่เป็นคนที่ไม่แตกต่างไปจากคนปกติเลย
  “ฉางฮวน!เจ้าคือสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง!” ประมุขวิหารเงาจันทรารู้สึกชัดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขาอย่างที่ไม่อาจจะชัดเจนไปมากกว่านี้ได้แล้ว ความรู้สึกสบายไปทั่วทั้งตัวเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้รู้สึกมานาน ตั้งแต่เริ่มไม่สบาย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกสบายเท่าตอนนี้เลย ความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกมานานนี้ทำให้เขาตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ
  จวินอู๋เสียก้มหน้าลงและพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า“สามารถช่วยเหลือท่านประมุขได้ เป็นเกียรติของศิษย์แล้ว”
  “ฮ่าๆๆ!เด็กดี ขอบใจที่เจ้าใส่ใจ” ประมุขวิหารเงาจันทราอารมณ์ดีมากจนไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มบนใบหน้าได้เลย
  ผู้อาวุโสทั้งหลายลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกคนที่เป็นมิตรกับผู้อาวุโสอิ่งก็ส่งสายตาแสดงความยินดีไปให้เขา
  พลังของจวินอู๋เสียก็ทำให้ประมุขชื่นชมมากอยู่แล้วตอนนี้ยาที่มอบให้ประมุขก็แสดงผลได้อย่างอัศจรรย์ เช่นนี้แล้ว ดูเหมือนว่าในบรรดาศิษย์รุ่นใหม่ของวิหารเงาจันทรา คงไม่มีใครก้าวข้ามสถานะของจวินอู๋เสียได้
  ผู้อาวุโสอิ่งยิ้มอย่างนุ่มนวลไม่มีท่าทางหยิ่งผยองเลยแม้แต่น้อย
  ในทางกลับกันใบหน้าของผู้อาวุโสเยว่กลับมืดดำราวก้นหม้อ เขากัดฟันอย่างแรงจนฟันแทบจะหัก
  ทุบตีเขาให้ตายเขาก็ไม่มีวันคาดคิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้
  จากขยะที่ไม่มีใครสนใจจู่ๆก็พุ่งพรวดขึ้นไปส่องแสงเจิดจรัสที่ด้านบน ไม่เพียงเหนือกว่าเยว่อี้ด้านพลังวิญญาณเท่านั้น แต่ยังมอบยาที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดให้แก่ประมุขวิหารเงาจันทราอีกด้วย การพลิกผันขนาดนี้ทำให้ผู้อาวุโสเยว่ถึงกับกระอักเลือด!
  เขานึกว่าจะสามารถผลักดันเรื่องที่จวินอู๋เสียแหกคุกออกมาและส่งนางลงสู่นรกขุมที่18 ได้ คิดไม่ถึงว่าโอสถหิมะละลายแค่เม็ดเดียวจะเป็นอาวุธที่แหลมคมที่สุดในการทำลายแผนทั้งหมดของเขา
  ด้วยโอสถหิมะละลายนั่นจวินอู๋เสียไม่เพียงหลุดพ้นจากเรื่องที่นางแหกคุกออกมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนเท่านั้น แต่ยังทำให้ประมุขวิหารเงาจันทรารู้สึกว่าจวินอู๋เสียจงรักภักดีอย่างที่สุด และที่ฝ่าฝืนคำสั่งก็เพราะอยากมอบยานี้ให้เท่านั้น
  เรื่องดีๆทั้งหมดล้วนเข้าทางจวินอู๋เสียคำพูดที่ผู้อาวุโสเยว่เตรียมไว้เล่นงานก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง การต้องยอมกล้ำกลืนฝืนทนนี้ทำให้เขาอัดอั้นตันใจจนแทบทนไม่ไหว
  “ขอแสดงความยินดีกับท่านประมุข!”ผู้อาวุโสอิ่งประสานมือก้มตัวลงเล็กน้อย และพูดว่า “ท่านประมุขสุขภาพแข็งแรงคือโชควาสนาของวิหารเงาจันทราเรา”
  “ขอแสดงความยินดีกับท่านประมุข”ผู้อาวุโสทั้งหมดประสานเสียงกันอย่างรวดเร็ว
  ประมุขวิหารเงาจันทราอารมณ์ดีมากรอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนใบหน้า
  “วันนี้ต้องขอบใจความใส่ใจของฉางฮวน”พูดแล้วประมุขวิหารเงาจันทราก็หันมองฉางฮวนด้วยรอยยิ้ม “ฉางฮวน เจ้าเข้าวิหารเงาจันทรามาตั้งแต่เด็ก อยู่กับวิหารมานานแล้ว หลายปีมานี้ได้อยู่ข้างกายผู้อาวุโสอิ่งและเรียนรู้สิ่งต่างๆมาไม่น้อย วันหน้าเจ้าต้องเริ่มเรียนรู้เรื่องต่างๆในวิหารให้มากขึ้น ข้าคาดหวังการเติบโตของเจ้าอยู่นะ”
  ประมุขวิหารเงาจันทราพูดไปตามอารมณ์แต่ตราบใดที่ไม่ใช่คนโง่ ย่อมฟังออกว่าเขาตั้งใจที่จะวางจวินอู๋เสียไว้ในตำแหน่งสำคัญ
  จากเรียนกับผู้อาวุโสอิ่งเป็นเรียนเรื่องในวิหารเห็นได้ชัดว่านี่คือการเปิดเส้นทางอันกว้างใหญ่ในวิหารเงาจันทราให้กับจวินอู๋เสีย การทะยานสู่ความรุ่งโรจน์ในวันหน้าก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
  “ศิษย์น้อมรับคำสั่ง”จวินอู๋เสียตอบอย่างถ่อมตัว
ตอนที่ 1808  บิดกลับฟ้าดิน (6)
  ประมุขวิหารเงาจันทรากล่าวยกย่องจวินอู๋เสียด้วยตัวเองผู้อาวุโสทุกคนในวิหารล้วนได้ยินอย่างชัดเจน ทุกคนรู้ว่าตั้งแต่นี้ไปจวินอู๋เสียจะเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกจับตามองมากที่สุดในวิหารเงาจันทรา หลายคนแอบอิจฉาในความโชคดีของผู้อาวุโสอิ่ง พวกเขาเคยคิดว่าผู้อาวุโสอิ่งต้องตัดสินใจผิดพลาดอย่างร้ายแรงตอนที่รับเศษขยะไร้ประโยชน์นี้มาดูแล แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ผู้อาวุโสอิ่งคือคนที่ฉลาดที่สุดในหมู่พวกเขาอย่างแท้จริง สามารถมองเห็นศักยภาพของจวินอู๋เสียได้เพียงมองแวบเดียว และคอยชี้แนะสั่งสอนเด็กนั่นอย่างอดทน จนกระทั่งเริ่มแสดงความสามารถออกมาในตอนนี้ และการเปิดเผยความสามารถครั้งแรกนั้นก็ได้แซงหน้าผู้เยาว์ทุกคนในวิหารเงาจันทราในชั่วพริบตา!
  “เอาล่ะเมื่อวานนี้ทุกคนเหนื่อยกันมากแล้ว พวกเจ้าทุกคนควรไปพักผ่อนบ้าง” ประมุขวิหารเงาจันทรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
  ทุกคนจึงเริ่มทยอยกันออกไป
  จวินอู๋เสียเดินออกจากห้องนอนพร้อมกับผู้อาวุโสอิ่งและเจอเข้ากับผู้อาวุโสเยว่ที่มีสีหน้ามืดมนที่ด้านนอก
  “หึ”มุมปากผู้อาวุโสเยว่กระตุกขณะจ้องมองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างๆผู้อาวุโสอิ่ง ความโกรธในใจเขาแทบทำให้เขากระอักเลือดออกมา
  เจ้าเด็กนี่จะดวงแข็งอะไรขนาดนี้!
  วางยาก็แล้วแต่ก็ยังปลอดภัยสบายดี
  นักฆ่าก็ส่งไปแล้วแต่ก็หลบรอดมาได้อย่างฉลาด
  ครั้งนี้เห็นชัดๆว่าถึงที่ตายได้เลยแต่สุดท้ายก็พลิกกระดานกลับมาและได้ผลประโยชน์ไปอย่างมหาศาล
  นับตั้งแต่ผู้อาวุโสเยว่มาที่วิหารเงาจันทราเขาไม่เคยพบสิ่งใดที่ทำให้รู้สึกอยากกระอักเลือดมากขนาดนี้ ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขารู้สึกว่ายากจะจัดการได้
  สิ่งที่ทำให้แย่ลงไปอีกก็คือจวินอู๋เสียไม่ได้มีเพียงผู้อาวุโสอิ่งคอยปกป้องเท่านั้นแต่ตอนนี้นางได้ทำให้ประมุขวิหารเงาจันทราเกิดความประทับใจในตัวนางขึ้นมาใหม่ อยากจะกำจัดจวินอู๋เสียตอนนี้มันยากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
  “ผู้อาวุโสเยว่ไม่สบายหรือ?ต้องการให้ศิษย์ปรุงยาให้ท่านไหม?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองผู้อาวุโสเยว่ที่โกรธจัด และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สนใจเลยว่าจะทำให้ผู้อาวุโสเยว่โกรธจนตายไปเลยไหม
  เลือดของผู้อาวุโสเยว่พุ่งขึ้นมาที่ลำคอของเขาแล้วเขากัดฟันจ้องจวินอู๋เสีย
  “ฉางฮวนในเมื่อท่านประมุขให้ความสำคัญกับเจ้า วันหน้าก็ต้องหมั่นฝึกฝนให้ดี อย่าทำให้ท่านประมุขผิดหวัง” เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเด็กคนนี้มากจนอยากจะฉีกเป็นชิ้นๆ แต่ผู้อาวุโสเยว่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากพูดคำที่ขัดต่อความรู้สึกของตน
  “ขอบคุณผู้อาวุโสเยว่ที่ตักเตือนศิษย์จะไม่ทำให้ท่านประมุขที่เอ็นดูข้าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน” จวินอู๋เสียพูดอย่างไม่กลัวเลย
  ผู้อาวุโสเยว่มองจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาตอนที่เขาใกล้จะตายด้วยความโกรธที่มีต่อจวินอู๋เสีย ผู้อาวุโสเยว่ก็สะบัดแขนเสื้อและรีบไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
  ผู้อาวุโสอิ่งมองภาพด้านหลังของผู้อาวุโสเยว่ที่จากไปอย่างอัดอั้นตันใจรอยยิ้มเย็นๆก็ผุดขึ้นที่มุมปากของเขา
  “เกรงว่าชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโดนศิษย์วัยรุ่นต้อนซะจนมุมแบบนี้”
  สถานะและตำแหน่งของผู้อาวุโสเยว่ในวิหารเงาจันทรามั่นคงไม่สั่นคลอนหากเขาอยากจัดการใครสักคน ก็ไม่มีใครสามารถหลบหนีจากเขาได้ กระทั่งผู้อาวุโสอิ่งก็เคยตกเป็นเหยื่อแผนการของผู้อาวุโสเยว่จนถูกหลอกให้เข้าสู่วิหารเงาจันทรา ถ้าไม่ใช่เพราะประมุขวิหารเงาจันทรายังคงโลภอยากได้สมบัติที่ไม่เปิดเผยของตระกูลจ้าน ผู้อาวุโสเยว่อาจจะลงมือกับเขาไปแล้ว
  แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสเยว่จอมเจ้าเล่ห์ได้เสียท่าต่อจวินอู๋เสียทำให้ผู้อาวุโสอิ่งมีความสุขอย่างที่สุด
  “ข้าชอบคนแบบเขาเป็นพิเศษคนประเภทที่อยากให้ข้าตาย แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะข้าได้” มุมปากของจวินอู๋เสียยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
  นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นวันข้างหน้ายังมีอีกมาก หวังว่าร่างกายของผู้อาวุโสเยว่จะสามารถทนได้ ไม่โกรธจัดจนตายไปซะก่อน
  “เจ้าหนูเจ้านี่มันอวดดีจริงๆ” ผู้อาวุโสอิ่งมองจวินอู๋เสียที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมแล้วหัวเราะเสียงดัง “แต่ข้าชอบความอวดดีของเจ้า”
ตอนที่ 1809  บิดกลับฟ้าดิน (7)
  จวินอู๋เสียเลิกคิ้วแล้วทั้งสองก็กลับไปที่ห้องของผู้อาวุโสอิ่ง
  หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆแล้ว ผู้อาวุโสอิ่งก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เขานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับมองจวินอู๋เสียอย่างครุ่นคิด
  “โอสถหิมะละลายนั่นคืออะไรกันแน่?”ความจริงแล้ว ตอนที่เขาพาจวินอู๋เสียไปที่ห้องนอนของประมุขวิหารเงาจันทรา ผู้อาวุโสอิ่งไม่รู้เลยว่าจวินอู๋เสียตั้งใจจะทำอะไร แค่พานางไปที่นั่นตามที่นางร้องขอเท่านั้น
  สิ่งที่เรียกว่าโอสถหิมะละลายผู้อาวุโสอิ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเป็นของที่ตระกูลจ้านครอบครอง
  “เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันแล้วยังกล้าไว้ใจข้าอีกหรือ?” จวินอู๋เสียนั่งลงบนเก้าอี้ และไขว่ห้างมองผู้อาวุโสอิ่งอย่างสงบนิ่ง
  ทุกอย่างที่นางทำในห้องนอนของประมุขวิหารเงาจันทราไม่เคยคุยกับผู้อาวุโสอิ่งมาก่อนนางตั้งใจจะแบกรับมันเองทั้งหมด คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสอิ่งจะออกหน้ารับรองนางในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุด
  เขาไม่ได้แสดงความกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเขาเลย
  “ทำไมจะไม่ไว้ใจ?เจ้ายังกล้าเดิมพันด้วยชีวิต ข้าก็ต้องไม่กลัวที่จะเดิมพันไปกับเจ้าอยู่แล้ว” ผู้อาวุโสอิ่งพูดพร้อมหัวเราะ
  จวินอู๋เสียพูดว่า“โอสถหิมะละลายเป็นแค่ยาแก้พิษชนิดหนึ่งเท่านั้น”
  “เจ้ารู้แล้วหรือว่าประมุขโดนพิษอะไร?”ผู้อาวุโสอิ่งมองจวินอู๋เสียอย่างตกใจ
  จวินอู๋เสียส่ายหน้า“ไม่รู้หรอก แต่ยานั่นมีฤทธิ์บรรเทาพิษได้ทุกชนิด แม้ว่าจะไม่สามารถขจัดพิษได้หมด แต่ก็ได้ผลในระดับหนึ่ง”
  และสิ่งที่นางต้องการก็แค่ผลเล็กน้อยนั่นเท่านั้น
  “เจ้านี่ใจกล้าจริงๆ”ผู้อาวุโสอิ่งยอมจวินอู๋เสียแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าประมุขวิหารเงาจันทราโดนพิษอะไร นางยังกล้าเดิมพันเช่นนี้ เป็นการเล่นที่น่าหวาดเสียวเหลือเกิน
  จวินอู๋เสียยักไหล่และไม่พูดอะไร
  ความจริงแล้วที่นางกล้าเสี่ยงเดิมพันเช่นนี้เป็นเพราะความมั่นใจในทักษะด้านการแพทย์ของตัวเองล้วนๆ
  “แต่เจ้าบอกว่าอยากทำลายวิหารเงาจันทราไม่ใช่หรือ?แล้วทำไมถึงไปแก้พิษให้ประมุขล่ะ? นั่นมันตรงข้ามกับแผนของเจ้าไม่ใช่หรือ?” ผู้อาวุโสอิ่งรู้สึกสงสัย ตามหลักเหตุผลแล้ว ถ้าอยากทำลายวิหารเงาจันทรา วิธีที่เร็วที่สุดคือปล่อยให้ประมุขตายไปซะ เมื่อมังกรไร้หัว วิหารเงาจันทราก็จะเกิดความวุ่นวายโกลาหล เป็นช่วงเวลาที่ทำลายได้ง่ายที่สุด
  จวินอู๋เสียตอบว่า“ข้าอยากบังคับให้คนที่วางยาแสดงตัวออกมา”
  ถ้าประมุขตายมันอาจจะทำให้วิหารเงาจันทราเกิดความโกลาหลได้ แต่เมื่อมีผู้อาวุโสรักษาการณ์อยู่จำนวนมาก ความวุ่นวายก็คงอยู่ได้ไม่นาน ยิ่งกว่านั้น ประมุขวิหารเงาจันทรายังมีทายาทอยู่หนึ่งคน แม้ว่าจะยังเล็กมากก็ตาม แต่ด้วยการสนับสนุนจากเหล่าผู้อาวุโสจำนวนมาก เขาก็สามารถดำรงตำแหน่งประมุขได้ชั่วคราว และด้วยการชี้แนะฝึกสอนสักช่วงหนึ่ง เขาก็จะกลายเป็นประมุขคนใหม่ และทำให้วิหารเงาจันทราที่ระส่ำระสายเกิดความสงบมั่นคงได้
  และนั่นไม่ใช่ผลลัพธ์ที่จวินอู๋เสียต้องการ
  “คนที่วางยาหรือ?”ผู้อาวุโสอิ่งเลิกคิ้ว
  “คนๆนั้นสามารถลงมือได้ภายใต้การป้องกันที่แน่นหนารอบตัวประมุขเพราะงั้นจึงไม่ต้องสงสัยในความสามารถของคนผู้นั้นเลย ในเมื่อเรามีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการทำลายวิหารเงาจันทรา วิธีที่เร็วที่สุดคือการดึงตัวคนผู้นั้นให้ร่วมมือกับเรา” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างใจเย็น นางคิดแผนการที่สมบูรณ์แบบเอาไว้แล้ว ส่วนเรื่องจะดำเนินการต่อไปยังไงนั้น นางจะต้องบังคับคนผู้นั้นให้แสดงตัวออกมา
  ผู้อาวุโสอิ่งมองจวินอู๋เสียอย่างเหมือนจะเข้าใจแต่แท้จริงไม่เข้าใจจู่ๆก็รู้สึกว่าผู้เยาว์ตรงหน้าซับซ้อนกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้มาก เขาผ่านอะไรมาเยอะแล้ว แต่ก็ยังมองความคิดของเด็กคนนี้ไม่ออก ช่างน่ากลัวจริงๆ!
  “วางใจเถอะเรื่องโอสถหิมะละลายจะกระจายไปทั่ววิหารอย่างรวดเร็ว คนผู้นั้นจะทนได้ไม่นานหรอก” จวินอู๋เสียเอามือเท้าคางและกล่าวอย่างมั่นใจ