บทที่ 1715 - ชนะแบบเรียบง่าย

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่1715 – ชนะแบบเรียบง่าย
  ชายชรารูปร่างผอมเพียวค่อยๆลอยตัวขึ้นกลางอากาศพร้อมกับปล่อยกลิ่นอายแห่งความเย็นที่น่าขนลุกมันเป็นกลิ่นอายความเย็นยะเยือกสีมืดมนที่เริ่มแผ่ขยายออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน
  ชายชราคนนี้คือลูกหลานของงูกลืนมังกรในตำนานแม้ลูกหลานจะไม่ได้ทรงพลังเฉกเช่นบรรพบุรุษ แต่ร่างกายของพวกเขาก็ยังมีสายเลือดราชางูไหลเวียนอยู่
  ถ้าหากเขาไม่มีความสามารถเขาก็คงไม่กล้าแสดงความหยิ่งยโสเช่นนี้ออกมาชิงสุ่ยเองก็มั่นใจในตัวเองเหมือนกันไม่ต่างจากหยวนหยุน ศาสตราวุธประจำกายของหยวนหยุนคือหอกอสรพิษที่มีความยาวมากกว่าสองจั้งและมีความกว้างเท่ากับข้อมือคน มันมีสีเขียวเข้มและมีปลายที่แหลมคม
  กลิ่นที่ปลดปล่อยออกมาแม้จะเป็นกลิ่นที่ไม่น่าพิศมัยและเป็นกลิ่นที่สามารถรับรู้ได้โดยการสัมผัสไม่จำเป็นต้องสูดดม มันเป็นกลิ่นที่เข้าสู่ร่างกายคนได้โดยตรงคล้ายกลิ่นเหม็นเน่าของซากสัตว์
  ชิงสุ่ยขมวดคิ้วเขารู้ว่าหอกอสรพิษจะต้องไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ส่งกลิ่นอายที่ทรงพลังและกลิ่นเหม็นฉุนแบบนี้ออกมา
  ร่ายรำโกรธาอสรพิษสีเงิน!!
  ชายชราพุ่งเป็นเส้นตรงเข้าจู่โจมชิงสุ่ยขณะที่มือของเขาก็เริ่มสะบัดหอกอสรพิษสร้างงูเกล็ดสีเงินตัวเล็กจำนวนมากที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
  แม้ว่าพวกมันจะตัวเล็กแต่ด้วยจำนวนและกลิ่นอายเจตนาสังหารชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกมันจะใช้กำลังหมาหมู่เข้าสังหารศัตรู
  หนึ่งหอกสิ้นอาณาจักร!!!
  ง้าวทองทะลวงศัตรูของชิงสุ่ยระเบิดพลังพุ่งตรงออกไปที่ชายชราเหมือนกับดาวตก
  มันทุกครั้งที่ง้าวทองทะลวงศัตรูพาดผ่านฝูงงูตัวเล็กๆพวกมันจะแตกสลายหายไปและถูกสร้างขึ้นใหม่แทนที่ด้วยฝูงงูตัวเล็กๆกลุ่มใหม่
  หยวนหยุนจ้องมองง้าวทองทะลวงศัตรูด้วยสายตาที่เคร่งครึมการโจมตีครั้งแรกคือสิ่งที่สำคัญมาก มันคือปราการทดสอบพลังของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นเขาจึงไม่คิดหลบ เพื่อให้ศัตรูได้ตระหนักถึงความสามารถของเขา
  ตูมมม!!
  แรงปะทะก่อให้เกิดพลังพวยพุ่งใส่ทั้งสองฝ่ายแต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
  การโจมตีแบบง่ายๆทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้ถึงระดับพลังกันและกันชิงสุ่ยค่อยๆลอยตัวสูงขึ้น ในการแลกเปลี่ยนวรยุทธของเหล่าคนผู้แข็งแกร่ง ย่อมต้องมีช่องว่าง ซึ่งช่องว่างนั้นอาจจะเป็นทักษะหรือแค่วิชาผิดแปลกที่สามารถกอบกู้สถานการณ์ยามฉุกเฉินได้
  สีหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความน่ากลัวเขาไม่คาดคิดเลยว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะสามารถรับมือกับพลังของเขา มันจึงยากที่เขาจะยอมรับ ไอลีนโนเวล
  ชายชราไม่แน่ใจว่าการปะทะกันครั้งแรกที่เกิดขึ้นเขารับมันได้ด้วยความบังเอิญหรือด้วยพลังที่แท้จริงแต่ที่เขารู้สึกได้คือชายหนุ่มผู้นี้เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาแน่
  ในตอนแรกเขาวางแผนที่จะจัดการชิงสุ่ยให้จบภายในพริบตาแต่ดูเหมือนเขาจะไปจากที่นี่ง่ายๆไม่ได้อีกแล้ว
  กรงเล็บมังกรทองทลาย!!
  ชิงสุ่ยเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งอย่างช้าๆเขาปล่อยความแข็งแกร่งออกมาด้วยท่าทางสบายๆ แต่คลื่นและความแข็งแรงที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นกลับเต็มไปด้วยความรุนแรงและรวดเร็ว พวกมันเหมือนลูกคลื่นขนาดยักษ์ที่ควรปรากฏอยู่ในน้ำทะเลแต่กลับปรากฏอยู่บนท้องฟ้าแทน novel-lucky
  การโจมตีของหยวนหยุนเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงและไม่ได้แข็งแกร่งเท่าชิงสุ่ยเลยแต่การโจมตีของเขานั้นอาศัยการกลมกลืนของพลังธรรมชาติ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้เร็วมากพอที่จะป้องกัน เขาจึงถูกความเจ็บปวดอัดกระแทกเข้าอย่างจัง
  หยวนหยุนกัดฟันพยายามแสดงสีหน้าทั่วไปแม้เขาจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งสุดในตระกูลหยวน แต่เขาก็มีสถานะอันสูงส่งค้ำคอ ถ้าหากเขาต้องพ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือเด็กหนุ่มอย่างชิงสุ่ย มันคงเหมือนการทำลายชื่อเสียงของตัวเองและยังทำให้หน้าตาของตระกูลหยวนต้องหม่นหมอง
  ชายชราพยายามแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้ขณะปะทะกับชิงสุ่ยเขารับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเขาไม่อาจรับมันไว้อีกต่อไป ร่างของเขาถูกอัดกระแทกกระเด็นก่อนจะทรุดลงกับพื้น
  ชิงสุ่ยที่เห็นอาการบาดเจ็บเขาหยุดมือและไม่จำเป็นต้องทำอะไรต่อ เขาไม่ได้คิดสังหารชายชราคนนี้เช่นกัน และไม่ต้องการสร้างความร้าวฉานกับตระกูลหยวน
  ”ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเชิญไปซะเถอะข้าหวังว่าท่านจะตามหาผู้ที่ใส่ร้ายฆ่าเจอโดยเร็ววัน”ชิงสุ่ยหยุดและกล่าวอย่างใจเย็น
  หยวนหยุนรู้สึกเจ็บปวดจากภายในหากเขารู้ว่าเรื่องจะจบเช่นนี้เขาก็คงไม่ทำ แต่นี่คือความเป็นมนุษย์ เพียงแค่เขาที่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่ากลับต้องจบลงด้วยความพ่ายแพ้ สถานการณ์จึงแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
  หยวนหยุนพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรอีกและพาคนของตระกูลจากไปเหล่าลูกสมุนผู้คอยติดตามรู้สึกถึงแรงกดดันจากคนรอบข้าง มันเหมือนกับพวกเขาทำลายใบหน้าของตระกูลตัวเองต่อหน้าสาธารณะ แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามหลังหยวนหยุน
  ชิงสุ่ยถอนหายใจเขารู้ว่าเรื่องของตระกูลหยวนคงไม่จบลงง่ายๆ แต่เขาก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะต้องทำ
  ”อย่าได้กังวลเลยพวกเราไม่เคยหวาดกลัวผู้ใด”ขณะที่เขาคิดเรื่องต่างๆ ชิงห่านอี่ก็เดินขึ้นมาข้างๆและกล่าวกับชิงสุ่ย
  ชิงสุ่ยจ้องมองสุภาพสตรีที่มีใบหน้างดงามเหลือพรรณนาเธอจ้องมองชิงสุ่ยที่กำลังดูคนกลุ่มนั้นจะไป ชิงสุ่ยจึงยิ้มและสายหน้า “ข้าก็แค่กังวลเรื่องของพวกเจ้า”
  ”เจ้าอย่าได้กังวลเรื่องของพวกเราเลยเจี้ยนเก้อและข้าใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานาน แน่นอนว่าสิ่งต่างๆยังคงตั้งอยู่บนกฏของโลกใบนี้ และระเบียบธรรมชาติก็เต็มไปด้วยความลึกลับ ชีวิตมนุษย์ย่อมมีเกิดและดับสูญ”ชิงห่านอี่ยิ้ม
  ชิงสุ่ยเข้าใจถึงสิ่งที่เธอพูดก่อนเขาจะมาที่นี่ เธอเองก็ใช้ชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้มาตลอด ซึ่งไม่เหมือนกับเจี้ยนเก้อ ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยก็ยังคิดถึงเรื่องของถ้ำวารีจันทรา
  ”ถ้าหากข้าไม่มาเจ้าจะป้องกันวิกฤติที่เกิดครับถ้ำวารีจันทราได้อย่างไร?”ชิงสุ่ยอยากรู้คำตอบของคำถามนี้มาก
  ”นึกว่าข้าจะถูกบังคับอย่างไรข้าก็จะไม่ยอมถูกยกให้เป็นของผู้ใดเด็ดขาด”
  ”แล้วถ้าหากเจ้าต่อต้านพวกเขาไม่ได้ล่ะ”ชิงสุ่ยคิดและถาม  ”ข้าก็จะสู้”
  ”แล้วถ้าเจ้าสู้ไม่ได้ล่ะ”
  ”ข้าก็จะฆ่าตัวตาย”
  ”แล้วถ้าพวกมันข่มขู่จะทำร้ายอาจารย์ของเจ้าและคนสำคัญของเจ้าละ”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
  ”ข้าไม่เคยกลัวตายข้าจะทำทุกอย่างอย่างสุดกำลังเพื่อช่วยเหลือทุกคน และถ้าหากข้าหนีไปได้ ข้าจะกลับมาและให้พวกมันต้องชดใช้คืนแก่ข้าร้อยเท่าพันเท่า”ชิงห่านอี่พูดอย่างมั่นใจ
  ชิงสุ่ยยิ้มเล็กน้อย
  ”เจ้ายิ้มทำไมกัน?เจ้าคิดว่าข้าไม่เห็นความสำคัญของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?”ชิงห่านอี่ถามเชิงหยอกล้อขณะมองดูก้อนเมฆที่อยู่แสนไกล
  ”ไม่เลยข้าคิดว่ามันดีต่างหาก คำตอบของเจ้าทำให้ข้าพึงพอใจ”ชิงสุ่ยรู้เรื่องภูมิหลังของชิงห่านอี่ ทุกคนย่อมมีมาตรวัดความดีความงามของตัวเอง ฉะนั้นจึงมีบางสิ่งที่ติดตัวเราจนไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้
  ”ถ้าหากว่าเจ้าบังคับให้ข้าต้องแต่งงานกับเขา ข้าเองก็ไม่รู้ว่าข้าควรทำอย่างไร แต่ข้าก็พร้อมที่จะทำ อย่างน้อยก็ช่วยรักษาสิ่งสำคัญที่เหลืออยู่ให้กับเจ้าได้” ชิงห่านอี่กล่าวขณะที่เธอยังคงมองดูเส้นขอบฟ้าโดยไม่หันหน้าไปไหน
  ชิงสุ่ยตกตะลึงในคำพูดที่เขาได้ยินเขาจ้องมองสาวงามที่ยืนเคียงข้างของเขา และรับรู้ถึงความโดดเดี่ยวที่ตราตรึงอยู่ในใจเธอ