ในใจของพวกเขา หรานอ๋องเป็นคนดีมากผู้หนึ่ง
แต่ว่าทำไม……..พายุฝนที่เกิดขึ้นหลังจากฮ่องเต้ขอพร ถึงได้เทลงไปบนตำหนักของหรานอ๋องกัน?
ขณะที่หรานอ๋องยังตื่นตะลึงไม่ทันหาย จีเฉวียนก็เอ่ยพระโอษฐ์ออกมาว่า ” เรานึกได้แล้ว ตอนนั้นเงินบรรเทาทุกข์ที่ส่งมา เป็นหัวหน้าองครักษ์เงาส่งมอบให้ท่านกับมือ ตอนนี้พวกเราอยู่ตอนหน้าเทพธิดา เราอยากจะรู้ว่า เงินบรรเทาทุกข์ทั้งหมดนั้นเสด็จอานำไปใช้ในทางใด? “
พระสุรเสียงของฮ่องเต้เปี่ยมไปด้วยพลัง ประชาชนที่อยู่รอบอารามต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เงินบรรเทาทุกข์หรือ? ไม่ใช่ว่าถูกตู๋กูเจวี๋ยที่มาบรรเทาภัยหอบหนีไปแล้วหรือ?
ทำไมฝ่าบาทถึงได้มารับสั่งถามเอากับหรานอ๋องกัน?
พวกเขาล้วนรู้กันทั่ว พอเกิดน้ำท่วม หรานอ๋องก็เอาเสบียงอาหารที่สะสมไว้มาแจกชาวบ้านที่ประสบภัยจนหมด แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังได้ดื่มแต่โจ๊กใสเท่านั้น
แต่ฮ่องเต้ตรัสออกมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นพระองค์เองที่สนับสนุนการกระทำของตู๋กูเจวี๋ยมิใช่หรือ นี่คิดจะหันกลับมาแว้งกัดหรานอ๋องหรือไร?
พอจีหรานถูกถามเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าก็ไม่น่าดูยิ่งไปกว่าเดิม เขายกชายแขนเสื้อขึ้นมากระแอมไอหลายครั้ง ” ฝ่าบาท พระองค์ทรงสงสัยกระหม่อมหรือ? “
” ตั้งแต่แรกแล้วเรื่องการบรรเทาอุทกภัยในลี่โจวล้วนเป็นคุณชายรองตู๋กูเป็นผู้สั่งการ กระหม่อมเป็นเพียงบุตรที่มิได้รับความเหลียวแลของราชวงศ์เท่านั้น ทุกเรื่องล้วนอยู่ภายใต้การตัดสินใจของคุณชายรอง เงินบรรเทาทุกข์ทั้งหมดนั้นย่อมเป็นเขาที่ดูแล ” จีหรานกราบทูลราวกับจะปฏิญานตน ” ตลอดหลายวันมานี้ สิ่งที่กระหม่อมทำลงไปล้วนอยู่ในสายพระเนตร กระหม่อมเองก็เป็นคนในราชวงค์ต้าโจว หรือฝ่าบาททรงเห็นว่ากระหม่อมนำชีวิตของพลเมืองต้าโจวมาเป็นเรื่องเล่นหรือ? “
จีหรานมีโทสะขึ้นมา ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอยู่ตลอด เมื่อต้องมองดูตำหนักหรานอ๋องถูกพายุฝนกระหน่ำใส่อย่างไม่มีหยุด ในใจของเขาก็ร้อนรุ่มไปหมดแล้ว
” ฝ่าบาทพะยะค่ะ ความผิดพลาดทั้งหลายล้วนเป็นคุณชายรองตู๋กูเป็นผู้ก่อขึ้นมาทั้งนั้น ไยตอนนี้พระองค์ถึงได้ทรงตรัสโทษท่านอ๋องของพวกกระหม่อมด้วย? ” เหล่าลูกน้องของจีหรานต่างแสดงความไม่พอใจออกมา
” หุบปาก ยามที่ฝ่าบาทตรัส ไหนเลยจะมีที่ให้ข้ารับใช้อย่างเจ้ากล่าวสอดกัน! ” ทันใดนั้นผู้ติดตามข้างพระวรกายก็แสดงความเกรี้ยวกราดออกมา เขาเพียงสะบัดเท้าออกไปแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ลูกน้องของหรานอ๋องต้องคุกเข่าลงไปกับพื้นได้อย่างสบายๆ
จีเฉวียนมิได้เคลื่อนไหว เพียงตรัสต่อไปว่า ” เราเพียงแต่ถามดูเท่านั้น เสด็จอาไม่จำเป็นจะต้องโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่ ตู๋กูเจวี๋ยหายสาบสูญไปตั้งนานแล้ว เราไม่อาจถามเขา ย่อมต้องถามท่านดู”
จีหรานเห็นสายพระเนตรที่เย็นเฉียบเป็นน้ำแข็งของฮ่องเต้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่สงบ เขากุมข้อมือเอาไว้ คิดจะกระตุ้นอสรพิษจำแลงออกมาก่อนเวลาที่วางแผนไว้
พอเขาขยับตัว ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านต่างก็ร้องระงมออกมาว่า ” ดูนั้นสิ ที่ตำหนักหรานอ๋องนั้นเกิดอะไรขึ้นกัน? “
ภายใต้ลมพายุฝนกระหน่ำลงมา ตำหนักหรานอ๋องทั้งหลังถูกฝนชะจนพังทลายลง บนพื้นใต้ตำหนักหรานอ๋อง ก็มีน้ำผุดเพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อยๆ พอรวมเข้ากับพายุฝนที่ตกลงมา จึงกลายเป็นแม้น้ำน้อยๆ สายหนึ่ง
สายน้ำเพิ่มพูนขึ้นมา แทบจะทำให้ในตัวเมืองลี่โจวล่มลงไปแล้ว
และในขณะเดียวกันนั้นเอง งูยักษ์สีน้ำตาลเทาตัวหนึ่งก็สะบัดตัวขึ้นมาจากในนั้น มันผงาดร่างขึ้นสูง ดวงตาสีเขียวแวววาวคู่นั้นจดจ้องไปยังผู้คน ปลายหางขนาดใหญ่ก็ฟาดกระหน่ำไปทั่วทั้งสี่ทิศ ทำลายสิ่งก่อสร้างลงไปทีละหลังๆ
มันอ้าปากกว้างร้องคำรามออกมา ส่งเสียงคำรามดังกึกก้องประหนึ่งระฆังยักษ์ ทันใดนั้น น้ำในแม่น้ำก็เกิดคลื่นซัด ไหลหลากราวกับจะล้นทะลักออกมา
ในใจของผู้คนทั้งหลายต่างก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อนว่าจะมีงูยักษ์ออกมาจากในตำหนักหรานอ๋อง
ทุกครั้งที่มันร้องคำราม ระดับน้ำในแม่น้ำ้ก็จะสูงขึ้นมาหนึ่งฉื่อ (ประมาณ 10นิ้ว) ทั่วทั้งร่างของมันมีแต่กลิ่นเหม็นคาวสุดทนทาน ต่อให้อยู่ห่างไกลออกไปก็ยังคงได้กลิ่น
ในมุมอับ คนชุดดำและอันหร่วนต่างก็ตกตะลึงจนแทบจะกระโดดออกมา แผนการหลุดจากการควบคุมไปแล้ว
จีหรานมองดูอสรพิษจำแลงที่กำลังคลุ้มคลั่ง ก็ขมวดคิ้วแนบแน่น
ไม่รอให้จีเฉวียนตรัสอันใดออกมา เขาก็ชิงตะโกนฟ้องเสียงดังขึ้นก่อน ” ฝ่าบาท พระองค์เป็นถึงโอรสสวรรค์ เสด็จมาขอพรแท้ๆ ทำไมอยู่ๆ ถึงได้เรียกเอาตัวประหลาดเช่นนี้ออกมากัน? ตำหนักของกระหม่อมสงบสุขร่มเย็นตลอดมา ทำไมพอพระองค์เสด็จมาประทับเพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ ก็เกิดตัวประหลาดโผล่ออกมา? “
เสียงของจีหรานดังก้อง ราวกับเกรงว่าฝูงชนจะไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
พอได้ยินคำพูดของเขา ฝูงชนที่มิได้รู้ความจริงก็พากันหันไปมองดูฮ่องเต้ด้วยความสงสัย
หรือฮ่องเต้จะทรงเป็นต้นเหตุให้เทพธิดาส่งหายนะลงมา?
เมื่อกลายเป็นเช่นนี้ คนชุดดำก็จำต้องเปลี่ยนแปลงแผนการ เขาหันไปมองดูอันหร่วนแวบหนึ่ง กล่าวว่า ” รีบลงมือ “
อันหร่วนมือหนึ่งถือตุ๊กตาไม้เอาไว้ อีกมือหนึ่งก็หยิบเอาเข็มดำหนาๆ ออกมา ปักลงไปบนอกของตุ๊กตาไม้โดยมิได้ลังเล
ทันทีที่เข็มดำแทงลงไป ก็ปรากฏเลือดสีดำไหลออกมา
อันหร่วนบริกรรมคาถาอยู่ในปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ภายในอาราม ฮ่องเต้ที่เมื่อครู่ประทับยืนตรงดังพู่กัน ทันใดนั้นก็กดพระอุระของพระองค์เอาไว้
บนร่างของพระองค์ ปรากฏไอสีดำกำจายออกมา
บนพระพักตร์ที่งดงาม เกิดเป็นน้ำแข็งบางๆ ขึ้นชั้นหนึ่ง
” ฮ๊ากกก ปีศาจจจ! ” จีหรานร้องเสียงดังออกมาในทันที จากนั้นก็ถอยหนีออกไปจนห่าง
ฝูงชนล้วนอยู่ด้านนอก ต่างก็มองเห็นได้ไม่ชัดเท่าไร เพียงได้ยินแค่ว่าหรานอ๋องตะโกนโหวกเหวกเสียงดังว่า ‘ฮ่องเต้ทรงกลายเป็นปีศาจแล้ว ฮ่องเต้กลายเป็นปีศาจจจจ……’
เขาตะโกนพลางวิ่งออกมาด้านนอก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อสรพิษจำแลงที่ห่างออกไปไม่ไกลได้ยินเสียงร้องของเขา ก็ม้วนตัวเคลื่อนมาทางอารามเทพธิดา
” ดูสิ งูยักษ์นั้นเป็นปีศาจที่ฮ่องเต้ทรงเลี้ยงเอาไว้! ” จีหรานร้องเสียงดังออกมา ดึงความสนใจของทุกคนไปยังจีเฉวียน
จิตใจของประชาชนตกอยู่ในความหวาดกลัว แต่เมื่อพวกเขามองตามไป ฮ่องเต้ที่ประทับยืนอยู่ห่างไกล นอกจากจะมีไอเย็นออกมาจากพระองค์แล้ว ก็มิได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนี่?
หรือว่าหรานอ๋องจะวิปลาสไปแล้ว ถึงได้พูดออกมาว่าฮ่องเต้เป็นปีศาจ?
ในมุมมืด อันหร่วนเองก็ตกตะลึงไป ” นี่ไม่ถูกต้อง พอฝังเข็มลงไป เขาควรจะกลายเป็นปีศาจสิ ทำไมถึงได้มีแค่ไอดำออกมากัน? “
คาถาสาปแช่งของนางศักดิ์สิทธิ์ได้ผลเสมอมา ทั้งๆ ที่ตุ๊กตาไม้นี่ถูกซ่อนเอาไว้ในตำหนักบรรทมของจีเฉวียนมาตลอดเจ็ดสัปดาห์สี่สิบเก้าวัน ซึมซับกลิ่นไอของจีเฉวียนไปมากมายแล้วแท้ๆ อีกทั้งนางยังรู้เวลาตกฟากของจีเฉวียนอย่างแม่นยำ และมีสิ่งของที่เคยติดกายของเขาอีกด้วย ย่อมไม่มีทางที่มันจะล้มเหลวไปได้
จีเฉวียนประทับยืนอยู่ที่เดิม กุมพระอุระเอาไว้ ดวงพระเนตรหงส์ทอประกายเย็นยะเยือกออกมา
สีพระพักตร์ของพระองค์ยังคงนิ่งเฉย ทันทีที่กำพระหัตถ์เข้า เงาดำหลายเงาก็พุ่งเข้าไปสกัดจีหรานที่กำลังจะหนีออกไปเอาไว้
ในขณะเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงแตกดังกึกก้อง โต๊ะบูชาที่อยู่ด้านหน้ารูปปั้นของเทพธิดาแตกร้าวออกมา
ทันใดนั้น ก็เกิดแสงสีทองส่องออกมาจากภายใน เทพธิดาปรากฏองค์ขึ้น เทพธิดาที่มีเส้นผมสีแดงยาวสยายลืมตาขึ้นมาช้าๆ ดวงเนตรทั้งสองที่แดงฉานของนางแวววาวดั่งนัยตาของอสรพิษ พอกวาดมองออกมา ก็สำแดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา ขณะที่กำลังตกตะลึงตุ๊กตาไม้ในมือของอันหร่วนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผงลงไป
เหนือโต๊ะบูชา ดวงเนตรของเทพธิดาทอดมองลงมายังร่างของจีเฉวียน
นางสำแดงความเป็นเทพ กล่าวเรียกพระองค์ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ” ฮ่องเต้แห่งต้าโจว”
จีเฉวียนเงยพระพักตร์ขึ้นมองนาง ในพระทัยบังเกิดความรู้สึกว่าน้ำเสียงในคำพูดนั้นฟังแล้วคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
” เจ้าเดินทางไกลมาพันลี้ เพื่อสวดมนต์ขอพรแทนชาวประชาต้าโจว เราบังเกิดความประทับใจแล้ว ” ด้วยพลังของเทพธิดา ทั่วทุกมุมในเมืองลี่โจวต่างก็สามารถได้ยินเสียงนี้กันทั่ว
ประชาชนต่างก็ไม่นึกไม่ฝัน เทพธิดาสำแดงองค์แล้วจริงๆ!
ทันใดนั้นผู้คนทั้งหมดต่างก็พากันคุกเข่าลงไป แม้แต่กระทั่งงูยักษ์ที่อาละวาดก็หยุดอยู่กับที่ ไม่กล้าก่อเรื่อง
ชือหลีมิได้แตกดับจนสิ้นสูญไปแล้วหรือ?
จีหรานเองก็เองก็ตื่นตะลึงจนตาเบิกโพรง มองดูเทพธิดาผมแดงผู้นั้นด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ต่อให้ฝันเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ชาตินี้จะมีวันที่ได้เจอกับนางอีก
นี่มันเป็น………ฝันร้ายที่แท้จริง!