ตอนที่ 199 นี่มันทำบ้าอันใดกัน?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

โต๊ะบูชาตรงเบื้องหน้าเทพธิดาเลอะเทอะไปด้วยฝุ่น กระถางธูปอันเล็กๆ ที่วางเอาไว้หลายอันก็มีแต่สนิมเขรอะ ยิ่งทำให้เห็นถึงความชำรุดทรุดโทรม 

 

 

จีหรานสั่งให้คนไปเปิดประตูและหน้าต่างในอารามออกให้หมด จะได้ให้ชาวบ้านทั้งหลายที่รายล้อมอยู่ทุกทิศได้เห็นอย่างชัดเจน 

 

 

วันนี้ต้องถือว่าอากาศดีขึ้นมากจริงๆ สายลมพัดโชยเบาๆ บนท้องฟ้าก็สามารถมองเห็นสีฟ้าได้อย่างชัดเจน มีก้อนเมฆลอยอยู่เพียงสองก้อนเท่านั้น แสงอาทิตย์ที่มิได้เห็นมานานสาดส่องลงมา พอสัมผัสกับร่างกายก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นสบายขึ้นกว่าเดิม 

 

 

สภาพอากาศเช่นนี้สำหรับเมืองลี่โจวแล้วนับว่าหากได้ยากอย่างยิ่ง 

 

 

เหล่าประชาชนต่างก็รายล้อมอยู่รอบๆ อาราม พวกเข่าคุกเข่าลงบนพื้น ในใจก็ปรากฏความหวังขึ้นมาใยหนึ่ง หากว่าโอรสสวรรค์สามารถโน้มนำเทพธิดาแห่งสายน้ำให้กลับมาพิทักษ์เมืองลี่โจวอีกครั้งได้ละก็ นั้นก็ถือว่าเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง 

 

 

พวกเขาต่างก็จดจ้องมองดูโดยมิกล้ากระพริบตา ด้วยเกรงว่าจะพลาดสิ่งใดไป 

 

 

ท่ามกลางฝูงชน มีเงาคนชุดดำสองคนแอบอยู่ในมุมหนึ่ง 

 

 

บุรุษชุดดำที่มีผ้าคลุมผมในมือถือแส้เหล็กเอาไว้ ตลอดร่างมีกลิ่นอายของความตามกำจายออกมา ” อันกูกู อีกเพียงไม่นาน ก็ต้องขอดูฝีมือของท่านสักหน่อยแล้ว “ 

 

 

อันหร่วนเองก็สวมชุดสีดำ ยืนอยู่ข้างกายบุรุษผู้นั้น ในมือของนางมีตุ๊กตาคนที่ทำจากไม้ตัวเล็กๆ บนตุ๊กตาไม้มียันต์ที่ใช้โลหิตเขียนขึ้นมาอยู่แผ่นหนึ่ง 

 

 

บนอกของตุ๊กตาไม้ แกะเป็นวันเวลาตกฝากของคนผู้หนึ่ง 

 

 

นางกำตุ๊กตาเอาไว้แน่น พยักหน้า ค่อยกล่าวออกมาไม่กี่คำ ” วางใจเถอะ “ 

 

 

…………………………………….. 

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ฮ่องเต้ประทับยืนอยู่ต่อหน้ารูปปั้นเทพธิดา สั่งให้องครักษ์ที่อยู่ข้างพระองค์ทำความสะอาดโต๊ะบูชาจนหมดจดเรียบร้อย จากนั้นก็นำผลไม้สดขึ้นมาถวาย 

 

 

พอผลไม้สดสีแดงสดใสถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะบูชา ก็ยิ่งดึงดูดสายตามากเป็นพิเศษ 

 

 

จีหรานยื่นธูปถวายด้วยความเคารพนบนอบ กราบทูลเบาๆ ว่า ” ฝ่าบาท เทพธิดาแห่งสายน้ำผู้นี้อารักขาแม่น้ำลี่เหอมานานนับพันปี วันนี้พระองค์เสด็จมาขอพรด้วยพระองค์เอง ย่อมต้องสามารถทำให้นางซาบซึ้งใจได้แน่พะยะค่ะ “ 

 

 

พอธูปสีเขียวถูกจุด ควันสีเขียวจางๆ ก็ล่องลองขึ้นมา ทั่วทั้งพระวรกายของจีเฉวียนราวกับว่ามีควันบางๆ ล้อมอยู่ชั้นหนึ่ง ทรงประคองธูปเอาไว้ในพระหัตถ์ ตั้งพระทัยสวดมนต์ขอพรต่อเทพธิดา 

 

 

หลังจากนั้นก็ปักธูปลงไปในกระถางธูปแต่ละกระถาง 

 

 

จีหรานคอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง ในหัวใจของเขากำลังยิ้มอย่างเย็นชา ดวงจิตของชือหลีดับสูญไปนานหลายปีแล้ว ต่อให้ตอนนี้นางจะได้รับควันจากธูปบูชาก็ไม่มีทางจะกลับมามีชีวิตได้อีก 

 

 

ดูท่าทางของฮ่องเต้ที่ทรงตั้งอกตั้งใจเสียขนาดนั้น ราวกับว่าในพระทัยพระองค์ใส่ใจราษฏรจริงๆ 

 

 

แต่ว่าฮ่องเต้ที่มีพระปรีชาความสามารถจริง ย่อมไม่ฝากความหวังเอาไว้กับเทพยดาอย่างแน่นอน 

 

 

จากนั้นฮ่องเต้ก็ทรงทำพิธีสวดมนต์ขอพรอย่างยืดยาวอีกครั้งหนึ่ง 

 

 

ประชาชนทั้งหลายต่างก็จดจ้องมองดูพระองค์ นับตั้งแต่เริ่มพิธีจนถึงตอนนี้ไม่ได้เห็นพระองค์คุกเข่าลงเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่เป็นพิธีขอพรแท้ๆ แต่กลับเอาแต่ถือยศว่าเป็นฮ่องเต้ไม่ละวาง หากไม่คุกเข่าลงไปแล้วจะสามารถทำให้เทพธิดาหวั่นไหวใจได้อย่างไรกัน? 

 

 

ขณะที่พวกเขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ ท้องฟ้าที่เดิมแจ่มใสอยู่ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่รู้ว่ามีลมพัดแรงขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ท้องฟ้าสีฟ้าถูกปิดบังไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

” เปรี้ยง! ปร้าง! ” เพียงครู่เดียว ก็เริ่มได้ยินเสียงฟ้าผ่า ท้องฟ้ามีแต่ความมืดครึ้มไปหมด สายลมก็พัดโหมกระหน่ำ 

 

 

พายุใหญ่บอกมาก็มา ทำท่าจะตกกระหน่ำให้ชุ่มโชก 

 

 

ชาวบ้านต่างตระหนกตกใจกับขึ้นมา แยกย้ายกันหาที่หลบฝนอย่างรวดเร็ว 

 

 

ฮ่องเต้องค์นี้ขอพงขอพรอะไรกัน? 

 

 

ทำไมถึงไปเรียกพายุฝนมาเสียได้! เขื่อนในแม่น้ำลี่เหอพึ่งจะแตกไป ทั่วทั้งเมืองลี่โจวจมอยู่ใต้น้ำไปแล้ว เมื่อเห็นว่าพายุฝนใหญ่กำลังมาในใจของผู้คนต่างก็หวาดผวา เกรงว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำลี่เหอจะเพิ่มพูนขึ้นอีก จนทำให้เมืองลี่โจวต้องจมบาดาลอีกรอบ 

 

 

นี่จะต้องเป็นเพราะว่าในพระทัยฮ่องเต้ไม่มีศรัทธา ทำให้เทพทั้งหลายพิโรธ ถึงได้ส่งพายุฝนใหญ่ลงมา! 

 

 

จีหรานมองดูสถานการณ์ภายนอก ในใจก็ตื่นตะลึงขึ้นมาบ้าง คนชุดดำผู้นั้นช่างมีความสามารถจริงๆ ถึงกับเรียกฟ้าเรียกฝนได้เช่นนี้ แต่กลับทำงานรับใช้ผู้อื่น ไม่รู้ว่าเจ้านายที่เขาเรียกหาอยู่นั้นจริงๆ แล้วจะเก่งกาจมากถึงเพียงไหนกัน 

 

 

พอฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์โดยรอบ ก็ทรงตกตะลึงไป สีพระพักตร์เต็มไปด้วยความสับสน ความไม่เข้าใจว่าทรงทำสิ่งใดผิด 

 

 

” ฝ่าบาท ที่ด้านนอกฝนตกลงมาใหญ่แล้ว หรือจะเป็นเพราะว่าเทพธิดาเข้าใจความหมายของพระองค์ผิดไป? ฝ่าบาทมิได้เสด็จมาเพื่อขอฝนสักหน่อย “ 

 

 

จีหรานยืนอยู่ข้างพระองค์ ทำท่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ 

 

 

” เราทำสิ่งใดผิดไปหรือ? ” จีเฉวียนประทับอยู่ที่เดิม ตรัสเบาๆ กับพระองค์เอง 

 

 

” ฝ่าบาทจะทรงทำผิดได้อย่างไร? ” จีหรานส่ายศีรษะ ” อากาศในลี่โจวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บางทีอาจจะเป็นความบังเอิญที่กำลังจะเกิดพายุฝนเท่านั้น ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลพระทัยไปเลยพะยะค่ะ “ 

 

 

แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น แต่จีหรานกลับเดินลึกเข้าไปข้างในอาราม มือข้างหนึ่งก็กุมข้อมือเอาไว้ ตระเตรียมจะเรียกงูออกมา 

 

 

ฮ่องเต้เสด็จมาขอพร ไม่เพียงเรียกพายุฝนใหญ่มา แต่ยังเป็นเหตุให้แม่น้ำลี่เหอหลากล้นอีกรอบ ความผิดรุนแรงเช่นนี้ เพียงพอจะให้คนรุ่นหลังก่นด่าไปอีกร้อยปีแล้ว 

 

 

” เป็นเช่นนั้นหรือ ” จีเฉวียนหรี่พระเนตรลง สายพระเนตรปรากฏความผิดหวังอยู่บ้าง 

 

 

พระองค์มองออกไปยังพายุฝนด้านนอก พายุฝนนี้ตกอย่างแปลกประหลาดนัก เมื่อครู่ตกลงมาอย่างกระจายไปทั่ว แต่ว่าตอนนี้กลับตกลงแต่ในใจกลางของอาราม ที่อื่นล้วนหยุดหมดแล้ว 

 

 

ราวกับว่าด้านบนของอารามมีรูระบาย ให้เทน้ำลงมาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

อารามเทพธิดาเดิมทีก็เก่าผุพังอยู่แล้ว พอโดนเข้าไปเช่นนี้ ก็ทำท่าว่าจะทลายลง 

 

 

แต่ว่ายังไม่ทันจะทลายลงมาจริงๆ ทันใดนั้นก็เห็นว่าพายุฝนเริ่มย้ายที่ออกไป ราวกับว่ามันมีความตั้งใจของตนเอง ถึงกับมุ่งไปยังตำแหน่งที่เป็นตำหนักของหรานอ๋อง 

 

 

ผู้คนทั้งหลายต่างตกตะลึง 

 

 

นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? 

 

 

ผู้คนไม่น้อยติดตามเมฆฝนนั้นไป ก็เห็นว่าฝนยิ่งทียิ่งตกหนักขึ้น ราวกับว่าบนฟ้ามีรู้รั่วอย่างไรอย่างนั้น ฝนทั้งหมดเทไปรวมกันลงบนตำหนักของหรานอ๋อง สาดกระหน่ำลงไปอย่างรุนแรง 

 

 

ในตำหนักของหรานอ๋อง อู๋เจินนั่งขัดสมาธิทำพิธีเรียกฝนอยู่ด้านใน ที่ด้านข้างกายของเขายังมีบุรุษหนุ่มอีกผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดสีเขียวแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่าอ่อนเยาว์กว่าอู๋เจินอยู่มาก ทั้งสองต่างปิดตาแน่น ริมฝีปากท่องคาถาอยู่ตลอด 

 

 

” ศิษย์พี่อู๋ซื่อ ฝนมาแล้ว ” พอพายุฝนกระหน่ำลงมาตรงนี้จริงๆ อู๋เจินถึงได้ลืมตาขึ้นมา ” หน้าที่ที่ฝ่าบาททรงมอบหมายมาให้ พวกเราถือว่าทำสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง “ 

 

 

บุรุษที่ถูกเรียกว่าอู๋ซื่อยังคงปิดตาทั้งสองข้าง ” ในเมืองลี่โจวเกิดปีศาจอาละวาด เจ้าและข้าต่างก็เป็นผู้อาวุโสของอารามเทียนเก๋อกวน เดิมที่ก็ต้องเห็นแก่อาณาประชาราษฏร์เป็นหลักอยู่แล้ว นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเรา ต่อให้ฮ่องเต้มิได้ทรงมีพระบัญชา เจ้าและข้าก็ยังคงต้องมาปราบปีศาจ “ 

 

 

อู๋ซื่อกล่าวอย่างซื่อตรง แม้ว่าดูไปแล้วจะมีอายุเพียงสามสิบห้าสามสิบหกปี แต่ท่าทางกริยากลับเหมือนนักพรตเฒ่าอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

” ใช่แล้วๆๆ ” อู๋เจินได้แต่ท่องคาถาเรียกฝนต่อไป ไม่กล้าว่อกแว่กพูดมากอีก 

 

 

 

 

 

………………………………………………. 

 

 

 

 

 

ภายในอารามเทพธิดา รอบนี้กลับถึงคราวที่จีหรานจะต้องตื่นตะลึงบ้างแล้ว 

 

 

คนชุดดำนั่นทำบ้าอันใดกัน? ทำไมพายุฝนถึงได้ไปเทลงบนตำหนักของเขา? 

 

 

” หรานอ๋อง เจ้าไปทำอะไรเข้า ถึงได้ทำให้เทพธิดาทรงพิโรธ ถึงกับจะจมบ้านของเจ้าให้จงได้? ” คราวนี้ จีเฉวียนทรงไพล่สองพระหัตถ์เอาไว้ด้านหลัง สองเนตรหงส์จดจ้องไปยังเขา สีพระพักตร์ขององค์เหนือหัวมีแต่ความเย็นชา 

 

 

จีหรานถูกจ้องเสียจนทั่วทั้งร่างขนลุกขึ้นมา เขาตัดสินใจถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่ง ” ไม่ จะต้องเกิดข้อผิดพลาดในที่ใดเป็นแน่ “ 

 

 

” ครื่ด คราด เปรี้ยงปร้าง! ” เขาพึ่งจะพูดออกไป ก็ได้ยินเสียงสายฟ้าฟาดดังออกมาจากท้องฟ้า แสงสว่างที่มากับสายฟ้าทำเอาในอารามเทพธิดาสว่างวาบขึ้นมา 

 

 

จีหรานหันออกไปด้านนอกพอดี พอมองออกไป เขาก็ได้เห็นว่ารูปปั้นเทพธิดากำลังแสยะยิ้มให้เขา 

 

 

หัวใจของจีหรานกระตุกขึ้นมาในทันที เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ……ชือหลีตายไปตั้งนานแล้ว นางตายไปตั้งนานมากแล้ว! 

 

 

ต้องมีใครกำลังดำเนินแผนวางอุบายอยู่เป็นแน่? 

 

 

เขาหันไปมองดูโดยรอบ นอกจากจีเฉวียนและคนข้างกายไม่กี่คน ที่ด้านนอกก็มีแต่พวกชาวบ้านที่ไม่ได้รู้ความจริงอะไรเท่านั้น 

 

 

เมื่อครู่ผู้คนต่างก็พากันมองเห็นฮ่องเต้เป็นศัตรู ตอนนี้แต่ละคนต่างก็จดจ้องมาที่หรานอ๋องเป็นตาเดียว