จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 919 : ห้ามไปจากที่นี่!
  ทั้งตระกูลซันและตระกูลเฉินต่างก็พายอดฝีมือมาด้วยมากมายจึงไม่เห็นฉินตงเฉี่วยอยู่ในสายตา และทันทีที่สิ้นเสียงสั่งการของเฉินไห่ซาน ชายชราผิวคล้ำก็พุ่งเข้าใส่ฉินตงเฉี่วยทันที..
  ส่วนเฉินไห่ซานนั้นกระโดดถอยหลังหลบไปพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า“ท่านตู้.. ระวังอย่าให้แม่นางฉินได้รับบาดเจ็บล่ะ!”
  แม้ปากจะร้องตะโกนออกไปเช่นนั้นแต่ในใจกลับคิดที่จะบีบให้ฉินตงเฉี่วยพ่ายแพ้ และจับตัวนางไว้เพื่อไม่ให้ตระกูลฉินออกหน้าช่วยหลิงหยุนได้..
  เวลานี้หลิงหยุนตกเป็นเป้าหมายของเหล่าชาวยุทธแต่ฉินตงเฉี่วยนั้นไม่ใช่! อีกทั้งตระกูลเฉิน และตระกูลซันต่างก็สูญเสียเพราะหลิงหยุนมามากแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้ฉินตงเฉี่วยทำให้สองตระกูลต้องสูญเสียไปมากกว่านี้ได้อีก การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นไปอย่างเอาเป็นเอาตาย..
  ฉินตงเฉี่วยร้องตะโกนตอบกลับไป“เฉินไห่ซาน.. เจ้าหยุดเสแสร้งได้แล้ว หากข้าหวาดกลัวที่เจ้ามีคนมากกว่า ก็คงจะไม่ตามเจ้ามาที่นี่เป็นแน่!”
  ระหว่างที่โต้เถียงกันอยู่นั้นชายชราแซ่ตู้ก็เข้ามาประชิดตัวฉินตงเฉี่วยพอดี และพูดกับฉินตงเฉี่วยด้วยเสียงที่เบาราวกระซิบ
  “แม่นางฉิน..ในเมื่อเจ้าต้องการปกป้องเด็กนั่น ก็ต้องเป็นศัตรูกับข้า!”
  ชายชราแซ่ตู้พูดจบก็ตรงเข้าจู่โจมที่กระบี่เล่มยาวในมือของฉินตงเฉี่วยทันทีและมีจุดประสงค์ที่จะทำให้กระบี่มังกรขาวหลุดจากมือของนาง!
  “คิดจะแย่งชิงกระบี่ของข้างั้นรึเจ้ายังไม่คู่ควร!”
  ฉินตงเฉี่วยยิ้มหยัน..พร้อมกับบิดข้อมือสะบัดกระบี่มังกรขาวพุ่งเข้าหมายตัดแขนของชายชราทันที!
  “แม่นางฉิน..ฝีมือของเจ้าไม่เลวเลยนี่!”
  ชายชราแซ่ตู้เดินลมปราณไปทั่วร่างกำลังภายในของเขาแข็งแกร่งไม่เบาเลยทีเดียว อีกทั้งวรยุทธก็ว่องไวปานม้าศึก แต่เมื่อเห็นฉินตงเฉี่วยตอบโต้กลับอย่างรุนแรงเช่นนั้น จึงได้แต่หัวเราะออกมา..
  มือข้างขวาของชายชราสะบัดเบาๆเพื่อหลบหลีกกระบี่ยาวในมือของฉินตงเฉี่วย ก่อนจะค่อยๆ พลิกกลับหมายใช้ฝ่ามือจับปลายกระบี่ยาวนั้นไว้
  สีหน้าของชายชราแซ่ตู้เต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจว่าจะสามารถแย่งชิงกระบี่มังกรขาวในมือของฉินตงเฉี่วยมาได้และหากสามารถแย่งชิงมาได้แล้ว เขาก็จะยึดกระบี่เล่มนี้เป็นของตนเอง และถึงต้อนนั้นฉินตงเฉี่วยซึ่งไร้กระบี่ในมือ ก็คงไม่เหลือฤทธิ์เดชอะไรอีก!
  แต่แล้วชายชราก็ต้องตกใจและตกตะลึงอย่างที่สุด! เมื่อพบว่าตนเองสามารถคว้ากระบี่คมกริบในมือของฉินตงเฉี่วยไว้ได้ แต่กลับได้ยินเสียงคมกระบี่ตัดเข้าที่ฝ่ามือของตนเองเสียงดังชัวะ.. และตามมาด้วยเลือดสีแดงที่พุ่งกระฉูดออกจากฝ่ามือทันที..
  “ห๊ะ!”
  ชายชราแซ่ตู้สัมผัสได้ถึงปลายกระบี่เย็นที่ฝังลงไปบนเนื้อและพบว่าฝ่ามือของตนเองถูกคมกระบี่ตัดขาดไปครึ่งหนึ่ง ชายชราถึงกับกรีดร้องออกมา และรีบกระโดดถอยหลังกลับไปทันที!
  “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน!”
  ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็พากันตกอกตกใจยอดฝีมือที่เฉินไห่ซานและซันเทียนปานำมาด้วยนั้น ล้วนแล้วแต่อยู่เหนือขั้นเซียงเทียน-3 ทั้งสิ้น อีกทั้งชายชราแซ่ตู้ผู้นี้ก็อยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5 แต่เพียงแค่เริ่มต้นของการต่อสู้เท่านั้น ฉินตงเฉี่วยก็สามารถตัดฝ่ามือของชายชราขาดเสียแล้ว!
  เฉินไห่ซานไม่มีเวลาที่จะครุ่นคิดอะไรอีกเขารีบกระโดดเข้าไปช่วยชายชราแซ่ตู้ไว้ทันที และไดเทำการสกัดจุดบริเวณแขนของชายชราไว้เพื่อห้ามเลือดให้ พร้อมกับร้องถามขึ้นว่า
  “ท่านตู้..นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดท่านจึงบาดเจ็บได้?”
  ชายชราแซ่ตู้มีสีหน้าเจ็บปวดและมีเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าไปหมด เขากัดฟันพร้อมกับตอบไปว่า
  “คุณชายเฉิน..ท่านต้องระมัดระวังให้มาก กระบี่เล่มนั้นคมยิ่งนัก ไม่เช่นนั้นพวกเราอาจต้องพ่ายแพ้ให้แก่นางได้..”
  ชายชราแซ่ตู้ร้องบอกเฉินไห่ซานอย่างเคียดแค้นและดูเหมือนว่าครั้งนี้เฉินไห่ซานจะไม่คิดอ่อนข้อให้กับฉินตงเฉี่วยแน่..
  ‘เหตุใดกระบี่ของนางจึงมีอานุภาพที่น่ากลัวเช่นนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน?!’
  เฉินไห่ซานได้แต่นึกประหลาดใจ..เดิมทีเขาคิดว่ากระบี่ในมือฉินตงเฉี่วยนั้นคงเป็นแค่กระบี่ที่ทำจากเหล็กบาง และคิดว่าชายชราแซ่ตู้คงจะต้องเป็นฝ่ายชนะได้อย่างง่ายดาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าชายชราจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับฉินตงเฉี่วยแทน!
  จากที่ประเมินนั้น..เฉินไห่ซานคาดว่าฉินตงเฉี่วยอย่างมากก็อยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-5 แต่เหตุใดจึงแข็งแกร่งกว่าชายชราแซ่ตู้ซึ่งอยู่เหนือนางขึ้นไปถึงสองระดับได้..
  นั่นเพราะไม่มีใครรู้ว่าที่ฉินตงเฉี่วยทำเช่นนั้นก็เพราะนางฝึกวิชาดาราคุ้มกายนั่นเอง..
  ฉินตงเฉี่วยเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ในการต่อสู้ครั้งแรก..แต่นางกลับไม่ตรงเข้าไปทำร้ายชายชราแซ่ตู้ต่อ ฉินตงเฉี่วยยังคงยืนนิ่อยู่ที่เดิมพร้อมกับยกกระบี่ในมือชี้ไปทางชายชรา แล้วจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  “คนแซ่ตู้..หากเจ้ายังกล้าเหิมเกริมอีก ครั้งนี้ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าทิ้งซะ!”
  ระหว่างที่ชายชราแซ่ตู้กำลังจะกรีดร้องออกมาด้วยความเคียดแค้นเฉินไห่ซานกลับหันไปมองฉินตงเฉี่วย เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “คิดไม่ถึงว่าแม่นางฉินจะมีวรยุทธสูงส่งเพียงนี้ถ้าเช่นนั้นก็อย่าตำหนิว่าข้ารังแกเจ้าก็แล้วกัน!”
  จากนั้นเฉินไห่ซานก็ยกมือขึ้นพร้อมกับร้องสั่งว่า“ห้าพยัคฆ์ตระกูลเผิง ถึงคราวของพวกท่านแล้ว!”
  ยอดฝีมือห้าคนซึ่งเป็นชายร่างใหญ่กระโดดออกมาข้างหน้าพร้อมดาบโลหะและพุ่งเข้าไปล้อมร่างของฉินตงเฉี่วยไว้อย่างรวดเร็ว
  “ฆ่านาง!”
  ครั้งนี้เฉินไห่ซานไม่ปราณีและร้องสั่งห้าพยัคฆ์ตระกูลเผิงให้สังหารฉินตงเฉี่วยทันที!
  ห้าพยัคฆ์ตระกูลเผิงโจมตีฉินตงเฉี่วยด้วยเพลงดาบเดียวกันแต่พุ่งเป้าไปที่ตำแหน่งต่างกันตั้งแต่ศรีษะ ลำตัว และขา ดาบสีเงินพุ่งเข้าใส่ร่างของฉินตงเฉี่วยจากทุกทิศทางพร้อมกันเช่นนี้ เท่ากับเป็นการปิดประตูหนีของนางทันที!
  “เป็นเพลงดาบที่ยอดเยี่ยมมากแต่มันก็ยังไม่เยี่ยมพอ!”
  ฉินตงเฉี่วยยังคงยืนนิ่งระหว่างที่กำลังจ้องมองดาบทั้งห้าเล่มที่จู่โจมเข้ามาพร้อมกันจากนั้นมือขวาของนางก็ยกกระบี่มังกรขาวในมือขึ้นฟาดฟันใส่ดาบทั้งห้าทันที!
  ชัวะ!
  กระบี่มังกรขาวถูกชักออกจากฝักอีกครั้งประกายสีเงินและความอ่อนของกระบี่นั้นทำให้ดูราวกับสายน้ำ
  ฉินตงเฉี่วยรู้ว่าคืนนี้คือการต่อสู้ที่หมายเอาชีวิตของนางนางจึงไม่โง่พอที่จะถือกระบี่ตั้งรับคู่ต่อสู้เพียงอย่างเดียวแน่ และเวลานี้กระบี่มังกรขาวที่อ่อนนุ่ม ก็ดูราวกับมังกรสีเงินที่กำลังร่ายรำอยู่รอบตัวของฉินตงเฉี่วย..
  เวลานี้ฉินตงเฉี่วยอยู่กลางวงล้อมของดาบสี่เล่มที่มุ่งโจมตีศรีษะและกลางลำตัว ส่วนอีกเล่มมุ่งโจมตีช่วงขา..
  ฉินตงเฉี่วยฟาดฟันกระบี่มังกรขาวในมือเข้าใส่ดาบโลหะของห้าพยัคฆ์ตระกูลเผิงที่จู่โจมเข้ามาและทันทีที่ดาบกระทบเข้ากับคมกระบี่ในมือของฉินตงเฉี่วย ดาบทั้งห้าก็ถูกตัดขาดออกจากกันทันที
  “ช่างเป็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
  เฉินไห่ซานและซันเทียนปาถึงกับร้องอุทานออกมาพร้อมกันแววตาของทั้งคู่นั้นเป็นประกายด้วยความโลภ และต้องการจะได้กระบี่เล่มนั้นมาครองครอง..
  ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าดาบของห้าพยัคฆ์ตระกูลเผิงนั้นนับได้ว่าเป็นอาวุธล้ำค่าชนิดหนึ่ง ถึงแม้จะไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าสามารถตัดเหล็กได้ราวกับตัดโคลน แต่ก็สามารถตัดอาวุธชนิดต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่เวลานี้กลับถูกกระบี่อ่อนในมือของฉินตงเฉี่วยตัดขาดในพริบตา..
  มันคือกระบี่อะไรกันเหตุใดจึงได้คมถึงเพียงนี้?
  หลังจากที่ฉินตงเฉี่วยเป็นฝ่ายฟันเข้าไปถึงสองดาบนางก็ไม่คิดที่จะตามเข้าไปซ้ำเติม แต่กลับใช้มังกรพรางร่างพาตนเองออกจากวงล้อมของห้าพยัคฆ์ตระกูลเผิง แล้วจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  “นี่เป็นเพียงแค่การสั่งสอนเท่านั้น!หากให้ข้าพบพวกเจ้าครั้งหน้า ข้าจะตัดแขนของพวกเจ้าทิ้งซะ! เอาล่ะ.. รีบไปได้แล้ว ข้ายังไม่อยากฆ่าคน!”
  ฉินตงเฉี่วยนั้นแตกต่างจากหลิงหยุนเป็นอย่างมากหากเปลี่ยนฉินตงเฉี่วยเป็นหลิงหยุนเวลานี้ อย่าว่าแต่ดาบของห้าพยัคฆ์ตระกูลเผิงจะถูกฟันขาดเลย แม้แต่ร่างของพวกมันทั้งห้าก็คงต้องขาดด้วย!
  หลิงหยุนไม่เคยปราณีต่อศัตรู!
  แต่จู่ๆเฉินไห่ซานก็เงยหน้าขึ้นมองฉินตงเฉี่วยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่นางฉินจะมีกระบี่ที่ล้ำเลิศเช่นนี้!”
  “แม่นางฉิน..ข้าจะบอกอะไรให้ ตระกูลเฉินได้ส่งนินจาหลายสิบคน และแวมไพร์อีกนับร้อยๆ ไปจัดการกับหลิงหยุนบนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงแล้ว!”
  “เจ้าลองคิดดูสิว่า..แวมไพร์ขั้นเค้านต์ และไวส์เคานต์มากกว่าห้าร้อยตน สามารถปิดล้อมพื้นที่ทั้งเทือกเขาเทียนเหยินหลิงได้ เจ้าคิดหรือว่าหลิงหยุนจะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้!”
  “ที่พวกเรามาวันนี้..ก็เพียงเพื่อจะมาบอกกับเจ้าว่า หากเราสามารถจับตัวหลิงหยุนได้แล้ว หวังว่าตระกูลฉินจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก และความสัมพันธ์ของเราสองตระกูลจะยังคงเป็นเช่นเดิม!”
  “และหลังจากนี้พวกเราจะจัดการกับหลิงหยุนเช่นไรก็ขอให้เป็นเรื่องของตระกูลซันกับตระกูลเฉินสองตระกูล และเหล่าชาวยุทธเท่านั้น!”
  “หากแม่นางฉินเชื่อฟังคำพูดของข้าก็ลั่นวาจาออกมา! และหลังจากนี้ตระกูลฉินก็ห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก จากนั้นเจ้าก็ทิ้งกระบี่แล้วเดินลงเขาไปได้เลย..”
  ฉินตงเฉี่วยได้ฟังถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ร่างกายนั้นสั่นเทิ้มไปหมด นางรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างที่สุด!
  แม้ฉินตงเฉี่วยจะรู้ว่าหลิงหยุนนั้นมีศัตรูมากมายแต่ก็คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีคนมากมายถึงเพียงนี้!
  หลิงหยุนกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด!
  ฉินตงเฉี่วยได้แต่นึกกระวนกระวายใจอย่างมากเรื่องครั้งนี้ใหญ่โตเกินกว่าที่นางคาดคิด หลิงหยุนไม่ควรไปที่ยอดเขาเทียนเหมาเฟิงเพียงลำพังเลย..
  ฉินตงเฉี่วยกัดฟันกรอด..นางยกปลายกระบี่ชี้หน้าเฉินไห่ซานพร้อมกับร้องตะโกนออกไป
  “คนแซ่เฉิน..ข้าขอบอกไว้ก่อน หากหลิงหยุนได้รับอันตรายแม้เพียงแค่ปลายเล็บ ตระกูลซันกับตระกูลเฉินต้องไม่ตายดีแน่!”
  “ตอนนี้ข้าจะลงเขา..หากใครกล้าขวางก็ต้องถามกระบี่ในมือข้าดูก่อน!”
  ฉินตงเฉี่วยไม่ต้องการเสียเวลาอีกแม้แต่วินาทีเดียวนางรีบกระโดดลงเขาไปทันที..
  “อย่าให้นางลงเขาไปได้!”
  มีหรือที่เฉินไห่ซ่านจะยอมให้ฉินตงเฉี่วยไปช่วยหลิงหยุนได้!
  สิ้นเสียงสั่งการ..เฉินไห่ซานเองก็กระโดดหมุนกลางอากาศไปยืนขวางหน้าฉินตงเฉี่วยไว้ทันทีเช่นกัน
  ในเวลาเดียวกันนั้นเฉินไห่ซานก็กระโดดม้วนตัวกลางอากาศไปขวางหน้าฉินตงเฉี่วยไว้ทันที
  พร้อมกันนั้นซันเทียนปาก็ร้องตะโกนสั่งคนของตัวเอง“ยอดฝีมือตระกูลซัน.. ตามข้าไปจับตัวฉินตงเฉี่วยไว้!”
  และเวลานี้..ยอดฝีมือราวสิบกว่าคนก็กระโดดเข้ามาล้อมร่างของฉินตงเฉี่วยไว้ และบีบให้นางต้องร่นกลับไปที่ผาพยัคฆ์เช่นเดิม!
  “ใครขวางข้าตาย!”
  ฉินตงเฉี่วยร้องตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกับร่ายรำเพลงกระบี่นวสังหารเข้าใส่ศัตรูทันที
  เวลานี้ห้าพยัคฆ์แห่งตระกูลเผิงนั้นไร้ซึ่งอาวุธจึงนับว่าอ่อนกำลังโจมตีลงไปมาก และสี่ในห้าได้ถูกคมกระบี่ในมือของฉินตงเฉี่วยจนเลือดออก!
  แต่เมื่อเพิ่มเฉินไห่ซานเข้าไปอีกคนการจู่โจมฉินตงเฉี่วยก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น ทั้งหมดต่างก็ใช้วรยุทธของตนเองเข้าโจมตีพร้อมกัน ฉินตงเฉี่วยจึงนับว่าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างอันตรายอย่างมาก และในที่สุดนางก็ถูกฟันเข้าที่แผ่นหลัง แต่โชคดีที่นางสวมชุดผ้าแพรไหมดำจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด..
  “แม่นางฉิน..เจ้าจะไปจากที่นี่ไม่ได้!”
  เฉินไห่ซานซึ่งอยู่ในขั้นเซียงเทียน-6นับว่ามีกำลังภายในที่เหนือกว่าฉินตงเฉี่วย และได้เดินลมปราณป้องกันตัวเองไว้ จึงไม่รู้สึกหวั่นเกรงต่อกระบี่มังกรขาวในมือของนาง
  แต่แล้วเฉินไห่ซานก็ถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียง ‘ผึง’ ดังขึ้นอยู่เหนือศรีษะของตนเอง และตามมาด้วยเสียงร้องตะโกน
  “ใครกล้าพูดว่า..น้าหญิงของข้าจะไปจากที่นี่ไม่ได้!”
จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 920 : ฆ่าไม่เหลือ!
  หลิงหยุนกับเจสเตอร์มุ่งหน้าออกจากเทือกเขาเซียนเหยินหลิงอย่างรวดเร็วและเมื่อเข้าใกล้ผาพยัคฆ์บนเขามังกร หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงคนต่อสู้กัน เขาจึงรีบลุกขึ้นยืน และได้เรียกคันธนูออกมาเตรียมไว้..
  และเมื่อเข้าไปใกล้จนสามารถมองเห็นผาพยัคฆ์อยู่ด้านล่างหลิงหยุนจึงน้าวสายธนูออก และยิงลูกธนูเงินออกไปพร้อมกันสามดอกอย่างไม่รีรอ..
  เวลานี้หลิงหยุนบินอยู่เหนือผาพยัคฆ์เกือบหนึ่งกิโลเมตรใช่ว่าเนตรหยิง-หยางของเขาจะสามารถเพิ่มอานุภาพในการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว แต่เพียงเพราะที่ผาพยัคฆ์บนเขามังกรนั้นต่างจากยอดเขาเทียนเหมาเฟิงในเทือกเขาเซียนเหยินหลิง แม้ว่าจะอยู่ในยามค่ำคืนเช่นเดียวกัน แต่รอบเขามังกรก็มีทั้งอาการบ้านเรือน และไฟถนน จึงพอมีแสงไฟบางเบา แม้ว่าแสงไฟเพียงเท่านี้จะไม่มีผลกับคนธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับหลิงหยุนนั้นนับว่าเป็นแสงที่สว่างมากแล้ว..
  ทันทีที่ลูกธนูทั้งสามดอกของหลิงหยุนถูกยิงออกไปนั้นก็มียอดฝีมือถึงสามคนถูกลูกธนูของหลิงหยุนปักเข้าที่ร่าง และสองในสามได้รับบาดเจ็บสาหัส..
  เมื่อฉินตงเฉี่วยเห็นเช่นนั้น..นางก็ถึงกับโล่งใจขึ้นมาทันที แต่ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก!
  เฉินไห่ซานกับซันเทียนปาได้เห็นเช่นนั้นก็ถึงกับตระหนกตกใจ และรีบแหงนหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าทันที ทั้งคู่เห็นจุดสี่ดำปรากฏอยู่เหนือพื้นดินไปราวสี่ร้อยเมตร และจุดสีดำนั้นก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเมื่ออยู่ในระยะที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งสองคนจึงพบว่ามันคือร่างของมนุษย์มีปีกที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่บนท้องฟ้านั่นเอง!
  และหลิงหยุนก็กำลังยืนอยู่บนแผ่นหลังของมนุษย์มีปีกผู้นั้น!
  แม้ว่าเจสเตอร์จะบินด้วยความเร็วสูงแต่หลิงหยุนกลับสามารถยืนตระหง่านอยู่บนแผ่นหลังของมันได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว ด้วยการยิงธนูเข้าใส่ศัตรูพร้อมกันทีเดียวสามดอก!
  การลงมือสังหารศัตรูอย่างเด็ดขาดและไร้ปราณีเช่นนี้ มีเพียงหลิงหยุนที่ผ่านการสังหารศัตรูจมกองเลือดมาอย่างโชกโชนเท่านั้น จึงจะสามารถทำได้!
  สังหารก็คือสังหาร..ไม่จำเป็นต้องลังเล รีรอ หรือเมตตาปราณี!
  ระหว่างที่เจสเตอร์กำลังบินโฉบลงมาจากท้องฟ้านั้นหลิงหยุนก็อาศัยความได้เปรียบในเชิงยุทธศาสตร์ จัดการยิงลูกธนูเงินอีกสามดอกที่ยังคงมีเลือดของเหล่าแวมไพร์ติดอยู่ ลูกธนูสองดอกพุ่งเข้าใส่เหล่ายอดฝีมือของตระกูลซัน และตระกูลเฉินทันที..
  และลูกธนูสองดอกที่อาบด้วยไอเย็นก็ได้พุ่งทะลุร่างของยอดฝีมือสองคนตายอย่างน่าสยดสยองทันที เรียกได้ว่าไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำไป!
  ส่วนลูกธนูที่เหลืออีกหนึ่งดอกนั้นได้พุ่งเข้าใส่ร่างของเฉินไห่ซาน เขาใช้แรงกำลังทั้งหมดที่มีกระโดดหนีลูกธนูที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้!
  แต่หลังจากที่จัดการยอดฝีมือไปได้ถึงห้าคนแล้วหลิงหยุนก็ไม่สนใจอะไรอีก เวลานี้เจสเตอร์บินอยู่เหนือพื้นดินราวสิบกว่าเมตร เขาจึงจัดการเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา และไล่ฟาดฟันเข้าใส่ร่างของยอดฝีมือที่ทำร้ายฉินตงเฉี่วยทันที!
  กระบี่ยาวเกือบสองเมตรมีไอดำล้อมรอบได้เปลี่ยนมาเป็นม่านมีดที่น่าสยดสยอง และตรงเข้าฟาดฟันอยู่เหนือศรีษะของเฉินไห่ซาน และเหล่ายอดฝีมือที่ยะโสโอหัง..
  “ถอยกอ่น!”
  เฉินไห่ซานรีบเดินลมปราณขึ้นปกป้องศรีษะของตนเองจากลมปราณรอบกระบี่ของหลิงหยุนและเริ่มล่าถอยไป..
  ทันทีที่มาถึงหลิงหยุนก็จู่โจมอย่างดุเดือดรุนแรง และรวดเร็ว ธนูหกดอกที่ยิงมาก่อนหน้าโดยที่ยอดฝีมือด้านล่างไม่ทันได้ตั้งตัว และเวลานี้ก็ยืนบนแผ่นหลังของเจสเตอร์ไล่ฟันคนที่อยู่ด้านล่างไม่ยั้ง..
  ไม่เพียงแค่เฉินไห่ซานที่ต้องล่าถอย..ยอดฝีมือทั้งหมดก็ไม่มีใครสามารถต้านทานหลิงหยุนได้เช่นกัน!
  เวลานี้ยอดฝีมือทุกคนต่างก็พากันหวาดผวาและพากันถอยล่นออกห่างจากร่างของฉินตงเฉี่วยอย่างรวดเร็ว!
  หลิงหยุนกระโดดลงจากแผ่นหลังของเจสเตอร์มายืนอยู่หน้าฉินตงเฉี่วยจากนั้นจึงร้องตะโกนสั่งเจสเตอร์ด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
  “เจสเตอร์..ฆ่าพวกมันให้หมดทุกคน อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
  เมื่อครั้งที่เจสเตอร์อยู่ปักกิ่งเขาเคยประมือกับนินจาที่เทียบเท่าขั้นเซียงเทียน-7 มาแล้ว แต่เวลานี้ไม่มียอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-7 เลยแม้แต่คนเดียว หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องห่วงเจสเตอร์อีก..
  ฉินตงเฉี่วยจ้องมองหลิงหยุนที่กระโดดลงมายืนอยู่ตรงหน้าตนเองอย่างสง่างามนางมองหลิงหยุนด้วยความตกตะลึง และเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ก็ได้แต่แอบดีใจปนตกใจอยู่เงียบๆ
  นี่ก็ใกล้จะครบสองเดือนแล้วนับจากที่ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรกแต่ฉินตงเฉี่วยก็เพิ่งจะเคยได้พบเห็นความดุดันโหดเหี้ยมของหลิงหยุนด้วยตาตัวเอง!
  แม้ฉินตงเฉี่วยจะฝึกวรยุทธและกำลังภายในมาตั้งแต่เด็ก แต่นางก็ไม่เคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้ที่เข่นฆ่ากันตายจริงๆ เช่นนี้มาก่อน ภาพที่ได้เห็นจึงเป็นภาพที่น่าตกใจอย่างยิ่งสำหรับนาง!
  “น้าหญิง..ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
  หลังจากที่หลิงหยุนกระโดดลงมาบนพื้นดินเขาก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจไปรอบๆ บริเวณทันที และพบว่าฉินตงเฉี่วยได้รับบาดเจ็บภายในเล็กน้อย หลิงหยุนเตรียมเรียกยันต์บำบัดออกมารักษาให้ แต่เมื่อพบว่านางสวมชุดผ้าแพรไหมดำ จึงได้เปลี่ยนไปคว้ามือของนางขึ้นมาแทน และทำการถ่ายเทลมปราณของตนเองลงไปเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บให้..
  “เพียงแค่เล็กน้อย..ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก”
  ทันทีที่หลิงหยุนเปลี่ยนมาคว้าฝ่ามือของนางแทนฉินตงเฉี่วยก็ถึงกับสั่นเทิ้ม และด้วยสัญชาติญาณนางจึงพยายามที่จะดึงมือกลับ แต่หลิงหยุนนั้นมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก นางจึงต้องยอมให้หลิงหยุนถ่ายเทลมปราณรักษาให้ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ..
  ฉินตงเฉี่วยมีทั้งลมปราณชุดผ้าแพรไหมดำ และดาราคุ้มกายระดับสามปกป้องร่างกายอยู่ หลิงหยุนรู้ว่านางเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
  แต่ฉินตงเฉี่วยเป็นใครอย่าว่าแต่สองดาบที่ฟันลงมากลางหลัง และไม่ได้ทำให้นางรับบาดเจ็บอะไรมากมายเลย เพียงแค่แตะต้องนางแค่ปลายเล็บ หลิงหยุนก็ไม่มีทางที่จะให้อภัยมันผู้นั้นอย่างแน่นอน!
  “ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายข้าก็จะให้พวกเจ้าได้สมใจ!”
  ศัตรูก็คือศัตรู..หลิงหยุนไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เขาร้องตะโกนประกาศโทษตายให้กับเหล่าศัตรูบนผาพยัคห์แห่งนี้ได้ยิน!
  “อ๊าก..อ๊าก..”
  หลิงหยุนพูดยังไม่ทันจบดีด้วยซ้ำไปเสียงกรีดร้องก็ดังออกมาจากเหล่ายอดฝีมือที่กำลังต่อสู้อยู่กับเจสเตอร์
  ระหว่างที่อยู่เทือกเขาเซียนเหยินหลิงนั้นเจสเตอร์ไม่ได้ลงมาต่อสู้กับศัตรูร่วมกับหลิงหยุนเลย มันมีหน้าที่เพียงแค่พาหลิงหยุนบินไปมาเท่านั้น เมื่อมาถึงผาพยัคฆ์ เจสเตอร์จึงได้ระบายความอัดอั้นทั้งหมดลงที่ยอดฝีมือเหล่านั้น..
  เจสเตอร์ยังคงอยู่ในร่างที่มีปีกและบินตรงเข้าไปฉีกร่างของยอดฝีมือตระกูลซันที่อยู่ในขั้นเซียงเทียนสองตายทันที!
  “นั่นมัน..”
  ฉินตงเฉี่วยเห็นภาพที่น่าสยดสยองนั่นก็ได้แต่ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจด้วยท่าทางที่ราวกับคนคลุ้มคลั่งของเจสเตอร์ ฉินตงเฉี่วยสามารถจินตนาการได้ว่า จากนี้ไปที่นี่คงต้องกลายเป็นขุมนรกของยอดฝีมือเหล่านั้นอย่างแน่นอน นางได้แต่รู้สึกผิด และไม่สามารถทนมองการต่อสู้ที่นองไปด้วยเลือดได้อีก..
  หลิงหยุนได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจแต่ก็แอบถอนใจเบาๆ พร้อมกับคิดอยู่ในใจเงียๆว่า ‘น้าหญิง.. ท่านฝึกวรยุทธ และกำลังภายในมาตั้งแต่เด็กก็จริง แต่แทบไม่เคยผ่านสนามต่อสู้จริงๆเลย!’
  หากฉินตงเฉี่วยได้เห็นภาพการต่อสู้ของหลิงหยุนที่นองไปด้วยเลือดและน่าสยดสยองยิ่งกว่านี้บนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงแล้วล่ะก็ ที่นั่นจะเป็นยิ่งกว่าขุมนรกที่นางเห็นบนผาพยัคฆ์นี้เสียอีก..
  “น้าหญิง..ท่านปราณีต่อศัตรูมากจนเกินไป!”
  หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บให้กับฉินตงเฉี่วยแล้วหลิงหยุนก็พูดขึ้นมาเพียงประโยคเดียวสั้นๆ จากนั้นจึงกระโดดไปสมทบกับเจสเตอร์โดยไม่รอฟังคำตอบจากฉินตงเฉี่วย..
  “ข้าจะสังหารพวกเจ้าทุกคน!”
  ร่างของหลิงหยุนพุ่งเข้าไปพร้อมกับกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือทันทีที่ไปถึงหลิงหยุนก็ฟันกระบี่เข้าใส่เหล่ายอดฝีมือเป็นรูปกากบาท และเพียงแค่สองดาบนั้น ก็ทำให้เกิดเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกันถึงหกเสียง!
  สองดาบหกชีวิต..ยังมีห้าศพที่เสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยลูกธนู และอีกสองศพที่ถูกเจสเตอร์ฆ่าตาย ทันทีที่หลิงหยุนมาถึงเขาก็สามารถสังหารศัตรูไปได้ถึงสิบสามคนเลยทีเดียว!
  เฉินไห่ซานตาแทบถลนออกจากเบ้าพร้อมกับร้องตะโกนออกมา“หลิงหยุน.. คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะโหดเหี้ยมป่าเถื่อนถึงเพียงนี้!”
  เฉินไห่ซานกระโดดหนีจากการไล่ล่าสังหารของหลิงหยุนและปัดป้องบ้างเป็นครั้งคราว เวลานี้ร่างของเฉินไห่ซานกระโดดถอยออกไปไกลกว่าสิบกว่าเมตร และกำลังตระหนกตกใจเมื่อเห็นเหล่ายอดฝีมือที่นำมาด้วยนั้นถูกฆ่าตายจนหมด!
  หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยัน“มันผู้ใดกล้าแตะต้องน้าหญิงของข้า มันผู้นั้นจะต้องได้รับโทษตายเพียงสถานเดียว!”
  “นี่ข้าเพียงแค่ฟันไปสองดาบเท่านั้นเจ้าอย่าได้รีบร้อนใจไปนัก!”
  ทางด้านซันเทียนปาที่เพิ่งหนีออกมาจากการโจมตีที่รุนแรงของเจสเตอร์ได้ก็รีบกระโดดไปยืนข้างเฉินไห่ซันพร้อมกับมองหน้าอย่างลังเลใจ และกำลังคิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอ่านเช่นไรกันแน่
  หลิงหยุนเดินถือกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปหาทั้งสองคนอย่างช้าๆพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นจนเสียวสันหลัง
  “ข้าได้ประกาศไปแล้วว่าจะไปรอทุกคนอยู่บนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงแต่พวกเจ้ากลับเลือกที่จะมาในเมืองเช่นนี้ ไม่เท่ากับว่ารนหาที่ตายงั้นรึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเจ้าจะให้ข้าทำเช่นไร”
  เฉินไห่ซานรีบเดินลมปราณปกป้องร่างกายไว้และรีบร้องตะโกนถามหลิงหยุนอย่างตื่นตกใจ
  “อะไรนะเจ้า.. นี่เจ้ามาจากเซียนเหยินหลิงงั้นรึ? ถ้าเช่นนั้น.. แวมไพร์พวกนั้นล่ะ?”
  เฉินไห่ซานแทบไม่อยากเชื่อว่าหลิงหยุนจะสามารถหนีรอดจากวงล้อมของฝูงแวมไพร์มาได้..
  ระหว่างที่ร้องถามออกไปนั้นเฉินไห่ซานก็ถึงกับขาอ่อนจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น..
  “แวมไพร์พวกนั้นน่ะรึพวกมันถูกข้าฆ่าตายหมดแล้ว และเวลานี้พวกมันก็ไปรอเจ้าอยู่ในนรกแล้ว!”
  “อ่อ..ยังมีเหล่านินจากด้วย ทุกคนล้วนถูกข้าสังหารตายจนหมดแล้วเช่นกัน!”
  “อะไรนะ!”
  เฉินไห่ซานถึงกับตกตะลึงและอึ้งไปทันที เขามองหลิงหยุนด้วยแววตาราวกับกำลังพบเห็นปีศาจร้าย จากนั้นจึงหันไปมองซันเทียนปาที่กำลังรอให้เขาตัดสินใจอยู่
  “หนีเร็ว!”
  “หนีงั้นรึพวกเจ้าคิดว่าจะหนีรอดงั้นรึ?”
  เฉินไห่ซานกระโดดตามหลังซันเทียนปาซึ่งกระโดดหนีไปก่อนและยังไม่ทันที่เท้าจะแตะพื้น เขาก็เห็นหลิงหยุนไปยืนขวางหน้า และกำลังกวัดแกว่งกระบี่ในมือเข้าใส่ตนเอง..
  “ห๊ะ!”
  เฉินไห่ซานตกใจสุดขีดมันได้เดินลมปราณปกป้องร่างกายไว้แล้ว จึงยกมือขึ้นกันกระบี่ของหลิงหยุนที่ฟาดลงมา จากนั้นร่างของมันก็กระเด็นออกไปไกลถึงสิบเมตร และร่วงลงกระแทกกับหินก้อนใหญ่จนกระอักออกมาเป็นเลือด
  ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-7ล้วนไม่ต่างจากมด เวลานี้หลิงหยุนเวลานี้สามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-7 ได้ จะไปแยแสอะไรกับเฉินไห่ซานซึ่งอยู่ในขั้นเซียงเทียน-6!
  ส่วนซันเทียนปานั้นก็ถูกเจสเตอร์บินไปขวางหน้าไว้มันรีบกระโดดหลบเจสเตอร์ไปทางซ้ายทีขวาที แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นความเร็วของเจสเตอร์ไปได้
  ทั้งซันเทียนปาและเฉินไห่ซานนั้นเมื่อยู่ต่อหน้าฉินตงเฉี่วยกลับทำตัวยะโสอวดดี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงหยุน พวกมันกลับไม่สามารถตอบโต้หลิงหยุนได้เลยแม้แต่น้อย!
  หลิงหยุนใช้วิชาเงาลวงตาเข้าไปสกัดจุดของเฉินไห่ซานไว้จากนั้นจึงยื่นมือขวาของตนเองทาบไว้ที่หน้าอกของมัน และเริ่มทำการดูดลมปราณขั้นเซียงเทียนของเฉินไห่ซานเข้าไปยังร่างกายของตนเอง..
  “เจ้า..ตระกูลเฉินจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” เฉินไห่ซานร้องตะโกนออกมาอย่างเคียดแค้น
  “งั้นรึข้าก็เช่นกัน.. ข้าจะไม่ปล่อยตระกูลเฉินไว้แน่!”
  “อ่อ..แล้วก็ตระกูลซันด้วย!”
  หลิงหยุนพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เฉยเมย..
  “หลิงหยุน..อย่าฆ่าเขา! เขาคือเฉินไห่ซาน.. เขาเป็นคนของตระกูลเฉิน!” ฉินตงเฉี่วยรีบกระโดดเข้ามาห้ามเมื่อเห็นว่าหลิงหยุนจะฆ่าเฉินไห่ซานจริงๆ
  “งั้นรึถ้าเช่นนั้นข้ายิ่งต้องสังหารมัน!”
  หลังจากที่ดูดลมปราณของเฉินไห่ซานจนพอใจแล้วหลิงหยุนก็ซัดฝ่ามือเข้าใส่ร่างสังหารมันทันที!
  หลังจากที่สังหารเฉินไห่ซานแล้วหลิงหยุนก็หันไปทางเจสเตอร์ซึ่งอยู่ไกลออกไป และเมื่อพบว่ามันกำลังสู้กับซันเทียนเปาอยู่ หลิงหยุนจึงกระโดดตามไป และชกหมัดเข้าไปที่แผ่นหลังของซันเทียนปาอย่างรุนแรงหนึ่งหมัด
  ปัง!
  เจสเตอร์เห็นเช่นนั้นจึงชกเข้าไปที่ร่างของซันเทียนปาอีกสิบกว่าหมัด..
  ฉินตงเฉี่วยรีบยกมือขึ้นปิดหน้าไว้ทันทีนางไม่กล้ามอง และไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการต่อ จากนั้นจึงได้ยินเสียงหลิงหยุนตะโกนสั่งเจสเตอร์ว่า
  “เจสเตอร์..จัดการโยนศพทั้งหมดลงไปใต้หลุมยักษ์ให้เป็นอาหารปลา!”