1795-1 vs 1795-2 vs 1796 โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 1795-1

ไม่นาน ฝานเจียก็พบว่าเรื่องไม่ได้ดำเนินตามไปอย่างที่เธอคิด เพราะฉินมั่วไม่ได้รู้สึกอะไรต่อเธอ ฝานเจียไม่ยอมแพ้ แสร้งทำตัวน่าสงสาร ให้เขาใส่ใจเธอสักนิด ทว่าเขากลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “เดินมั่วๆ แบบนี้ คนอื่นจะเห็นง่าย ไปร้านบะหมี่ทางซ้ายดีกว่า”

ฉินมั่วพูดด้วยเสียงเรียบ ทว่าฝานเจียยังกังวลใจ “ตำแหน่งนั่นมันเด่นไปไหม เพราะมันอยู่ใกล้ถนนใหญ่นะ”

“ยิ่งอยู่ใกล้ถนนใหญ่ ทัศนวิสัยยิ่งดี” ฉินมั่วดูเหมือนจะไม่ชอบอธิบาย พอพูดจบ ไม่ว่าฝานเจียจะพูดอย่างไรต่อ เขาก็ไม่ปริปากอีก

เมื่อเดินเข้าใกล้ร้านบะหมี่ เขาเลือกนั่งตรงริมหน้าต่าง มุมนี้ทำเลดีเพราะมีของประดับบนโต๊ะ ดังนั้นหากมองจากด้านนอก จะไม่เห็นหน้าตาของคนนั่งข้างใน ทว่าคนที่นั่งข้างใน จะเห็นความเป็นไปภายนอกอย่างชัดเจน บวกกับทำเลของร้านที่ตั้งอยู่มุมทางเลี้ยวสามเหลี่ยม หมายความว่าพวกเขาไม่เพียงจะเห็นคนที่เดินไปมาอยู่ด้านหน้า ยังเห็นถึงความเป็นไปของด้านซ้ายและขวาด้วย

ฉินมั่วนั่งลง แต่ไม่ยอมสั่งบะหมี่ นอกจากชาร้อนแก้วเดียว ส่วนฝานเจียมองดูเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่เดินผ่านนอกหน้าต่าง จึงเข้าใจทันทีว่าทำไมชายหนุ่มถึงเลือกนั่งตรงนี้ ความสามารถในด้านป้องกันการตรวจสอบของเธอเป็นเลิศ ทำให้ตำรวจธรรมดาจับเธอไม่ได้ ทว่าเธอรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบในครั้งนี้ต่างไปจากเมื่อก่อน ดูมาดดุจนทำให้เธอต้องหดหัวอยู่ในที่ที่ซอมซ่อ เพราะมันมีข้อดีตรงที่ไม่มีกล้องวงจรปิด

การที่พวกเขาจะหาเธอเจอ ย่อมไม่ง่าย แต่หากฝ่ายโน้นพลิกแผ่นดินหา เธอย่อมไม่รอด ฝานเจียกลัวที่สุดว่า พวกนั้นจะรู้ว่าเธออยู่ตึกไหน โชคดีที่เธอลงมือก่อนด้วยการใช้กุญแจปลุกคำสั่งที่ฝังทางจิต

นั่นไง ขอแค่มีฉินมั่วอยู่ด้วย ทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะเมื่อมีเขาก็เท่ากับมีอาวุธวิเศษ ไม่ว่าจะเอาเป็นโล่ป้องกันตัวหรือฆ่าคน เขาถือเป็นบุคคลที่มีคุณค่าสูง เวลานี้ฝานเจียเห็นคุณค่าที่ว่า เขาสามารถดื่มชาอย่างสบายอารมณ์ต่อหน้าตำรวจนอกเครื่องแบบโดยไม่มีใครค้นพบ

นี่คืออาชญากรที่สวรรค์ส่งมาเกิดเลยล่ะ ฝานเจียยิ้ม ต่อไปเขากับเธอก็ถือเป็นคนโลกเดียวกันแล้ว!

ส่วนตำรวจนอกเครื่องแบบเดินอยู่ด้านนอกพลันมีท่าทีร้อนรนราวกับเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ โดยคนที่แฝงอยู่ในห้องพักรู้ถึงความผิดปกติ “คุณชายถัง เมื่อกี้เจ้าของห้องบอกว่าฝานเจียกลับมาแล้ว แต่ไม่ได้เข้าห้อง พวกเราไม่เจอเขาที่ชั้นอื่นๆ ของตึกด้วย จะทำยังไงดีครับ?”

“ถอนตัวออกจากห้องนั้นก่อน”

“ถอนตัวออกมาเหรอครับ?”

“อืม เฝ้าเป้าหมายอยู่อย่างนั้น ไม่มีประโยชน์หรอก”

หากคนที่อยู่กับฝานเจียเป็นฉินมั่ว วิธีแฝงตัวเช่นนี้ย่อมถือเป็นของเด็กเล่นของชายหนุ่ม

“งั้น…เดี๋ยว นายเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่?” ตำรวจนอกเครื่องแบบยังพูดไม่จบ ก็เห็นร่างหนึ่งปรากฏอยู่ที่หน้าประตู ร่างนั้นเป็นเด็กวัยรุ่นอายุประมาณสิบแปดปี กำลังก้มดูกุญแจประตู จากนั้นหรี่ตาลง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

 ———————————

ตอนที่ 1795-2

ตำรวจกำลังจะเดินไปล็อคตัวเพื่อสอบปากคำ ไม่คิดว่าเพิ่งจะยื่นมือไปแตะบ่า อีกฝ่ายก็หักข้อมือผลักกลับไป ก่อนจะเอ่ยเสียงใสตามมา “พวกเขามาที่นี่แล้ว แต่พวกไคุณไม่เห็นเอง”

“อะไรนะ?” ตำรวจตกตะลึง กำลังจะถามเพิ่ม ทว่าป๋อจิ่วคลายมือปแล้ว  เธอหมุนตัวเดินไปอีกทางหนึ่ง มองดูกองขยะที่ถูกเหยียบ “พวกเขาลงไปจากตรงนี้ พวกคุณมากกว่าครึ่งเอาแต่เฝ้าอยู่ที่เดิม ก็ไร้ประโยชน์น่ะสิ”

“นายเป็นใครกันแน่” ตำรวจนอกเครื่องแบบขมวดคิ้วอย่างทนไม่ได้ “เป็นนักเรียนแถวนี้เหรอ? เป็นเด็กเป็นเล็ก นี่ ไอ้หนู ฉันขอบอกนะ อย่าเอาแต่อ่านการ์ตูน ทำเป็นการ์ตูนโคนันสืบคดีไปได้ พวกเรายังต้องค้นหาหลักฐานอีก นาย…”

ตำรวจคนดังกล่าวคิดไม่ถึงว่า ตัวเองยังพูดไม่จบ เสียงมือถือที่ดังขึ้นก็ขัดจังหวะ “คนที่คุยกันนายอยู่ อายุประมาณเท่าไร?”

“สิบเอ่อ น่าจะสิบแปดครับ” เจ้าหน้าที่อึกอักเล็กน้อย เพราะคิดไม่ถึงว่าคุณชายถังจะถามคำถามนี้ขึ้นมา และสิ่งที่เหลือเชื่อก็คือฝ่ายโน้นกลับพูดต่อ “หน้าตาหล่อ ผมสั้นสีเงินด้วยใช่ไหม?”

“อื้ม ใช่ครับ”

“งั้นก็เขานั่นแหละ ฉันต้องใช้เวลาสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อยกว่าจะไปถึงที่นั่น ภายในสองชั่วโมงนี้ ให้ทุกคนฟังคำสั่งเขา”

ถึงจะช็อกอย่างไร แต่คำสั่งจากเบื้องบนพวกเขาตอบรับได้เพียงอย่างเดียว แต่ตำรวจนอกเครื่องแบบคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า ป๋อจิ่วเป็นใครที่ไหนกัน คุณชายถังถึงได้เชื่อมั่นในความสามารถมากขนาดนั้น? ดูแล้วยังเป็นแค่เด็กม.ปลายเอง!

ด้วยเหตุที่อยู่ใกล้มาก ป๋อจิ่วย่อมได้ยินคำสนทนาที่เกิดขึ้น เธอมองดูสีหน้าตกตะลึงของตำรวจนายนั้นโดยไม่พูดอะไร ทั้งยังไม่อยากเป็นหัวหน้าทีมด้วย เธออยากหาตัวเขาให้เร็วที่สุด แต่โทรศัพท์สายนั้นมีประโยชน์เช่นกัน

หนึ่ง ไม่ว่าเธอจะทำอะไรอยู่แถวนี้ ตำรวจนอกเครื่องแบบจะไม่จับเธอแน่

สอง เธอได้รับข้อมูลว่าเขามาที่นี่แน่ แต่ไม่ได้เข้าไป หมายความว่าตอนแรกตำรวจทำสำเร็จ แต่ตอนหลังถูกลับถูกคนรู้ทัน

ป๋อจิ่วไม่คิดว่าคนที่รู้ทันจะเป็นฝานเจีย โซ่เหล็กที่เล็กแบบนี้ยังอุตส่าห์รู้ทัน คงมีแค่ท่านเทพคนเดียว แถมภาพในกล้องวงจรปิดที่ร้านก่อนหน้านั้น ป๋อจิ่วก็รู้แล้วว่ากุญแจที่กระตุ้นคำสั่งที่แฝงทางจิตคืออะไร และรู้ด้วยว่าท่านเทพเข้าใจผิด คิดว่าฝานเจียเป็นเธอ

อิทธิพลของคำสั่งที่แฝงทางจิตมีอานุภาพแค่ไหน เธอไม่รู้ แต่เข้าใจเพียงอย่างเดียวว่าหากท่านเทพต้องการหลบตำรวจ เขาจะไม่มีวันหลบๆ ซ่อนๆ อย่างฝานเจียแน่ เขาจะเดินด้วยมาดนิ่งลอยชายต่อหน้าคนที่จะมาจับ และเข้ายึดพื้นที่ที่มีทัศนวิสัยดีก่อนคนอื่นโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

ป๋อจิ่วหลับตา นึกเหตุการณ์ที่เธอปะทะกับเขา เช่นเดียวกัน เธอก็นึกขึ้นถึงทุกครั้งที่เธอหลุดรอดได้อย่างสบายๆ แต่กลับโดนท่านเทพตามจับ

ทันใดนั้น เธอลืมตาขึ้น นัยน์ตาสว่างไสวเหมือนดวงดาว

จุดทัศนวิสัย! ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน จุดทัศนวิสัยสำคัญที่สุด!

ป๋อจิ่วกวาดตามองกองขยะด้านล่างแล้วสาวเท้าเข้าไปหา แววตาจ้องมองคนที่เดินไปมา ที่นี่สิ่งแวดล้อมใช้ได้ ตรอกซอกซอยสกปรกไร้ระเบียบ ขนาดตึกก็ยังได้เวลารื้อแล้ว เล่นอยู่ในซอยแบบนี้ ต่อให้เป็นสถานที่ซอมซ่อ แต่ยังมีประโยชน์ประจำตัวมัน

ป๋อจิ่วมองดูถนนซ้ายขวาหน้าหลัง ภาพแผนผังพลันปรากฏในสมองเธอ นี่คือที่ที่ใช้อยู่อาศัย นี่เป็นตลาด นั่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับชุมชน เมื่อหันไปจะเป็นสามแยก แล้วก็ร้านบะหมี่!

…………………………………….

ตอนที่ 1796

ร้านบะหมี่นั่นมีขนาดเล็ก ไม่สะดุดตาสักเท่าไร พูดตรงๆ หากไม่ใช่เพราะป๋อจิ่วพยายามวิเคราะห์ รับรองว่านึกไม่ออกหรอก แต่เพราะเธอรู้ดีเช่นกันว่าสถานที่แบบนี้แหละที่ทำให้คนมองข้ามได้ง่าย ด้วยมันดูปกติธรรมดามาก ทว่าตำแหน่งของมันและทัศนวิสัยถือว่าดีเยี่ยมเลยทีเดียว เหมือนเธอในอดีตที่ชอบนั่งกินกวนตงจู่ที่ร้านสะดวกซื้อ คอยมองดูรถตำรวจเปิดเสียงไซเรนวิ่งผ่านไป

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้นทันที ปลายลิ้นดันเพดานบน ครั้งนี้กลายเป็นเธอไล่จับเขาใช่ไหม

ป๋อจิ่วฉลาด เธอไม่ให้ตำรวจนอกเครื่องแบบตามเธอมา กระทั่งไม่เข้าไปทางด้านซ้ายขวาและด้านหน้า แต่เลือกเดินเข้าทางด้านหลัง โดยถอดเสื้อกันลมตัวดำออกมามัดไว้ที่ข้อมือตัวเอง แล้วยึดกำแพงเอาไว้ จากนั้นจึงเดินเข้ามาจากห้องครัวด้านหลัง

พ่อครัวที่ทำอาหารอยู่เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งบุกเข้ามากะทันหัน มือที่กำลังคลุกเส้นบะหมี่ถึงกับชะงัก อะ อะไรกันเนี่ย? สำคัญที่สุดตรงที่เด็กคนนี้ถือถ้วยบะหมี่เนื้อที่เขาผัดไปเฉยเลย? เอาไปแล้ว!

ป๋อจิ่วแบกถาดใส่ถ้วยบะหมี่ไปจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ท่านเทพอุตส่าห์ลงจากอะพาร์ตเมนต์ไปเพื่อซื้อลูกอมให้เธอ โดยที่ตัวเขายังไม่ได้กินอาหารมื้อเย็น แน่ล่ะเธอเตรียมใจไว้แล้วว่า เดี๋ยวจะต้องเผชิญหน้ากับสองคนนั้น

ป๋อจิ่วยกถาดอาหารด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเธอซุกลงกระเป๋า แล้วเดินไปยังที่นั่งริมหน้าต่าง ฝานเจียนั่งหันหลังให้เธอ  จึงไม่เห็นว่ามีคนเดินเข้าไปใกล้ แต่ฉินมั่วต่างออกไป เขาทำเหมือนเฉื่อยชา แต่หากเกิดความเคลื่อนไหวแม้เพียงนิดเดียว เขาจะรู้สึกทันที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคนที่เดินถือถาดอาหารมาทางพวกเขาไม่เหมือนพนักงานเสิร์ฟสักนิด

ฉินมั่วรู้สึกแค่ว่าคุ้นตา แต่สิ่งที่ไม่ทำให้เขาเบี่ยงสายตาออกไป กลับไม่ใช่เพราะความคุ้นตา เป็นรอยยิ้มมุมปากต่างหาก

น่าสนใจแฮะ เหมือนจะบอกว่า ดูสิ ฉันรู้นะว่าพี่อยู่ตรงนี้ ฉินมั่วเลิกคิ้วขึ้น ทว่าฝานเจียไม่รู้ว่าเขากำลังมองอะไรอยู่ รอจนเมื่อเธอหันหลังกลับไป ถึงกับหน้าถอดสีทันที ความชั่วร้ายเอ่อล้นนัยน์ตาเธออย่างไม่มีอะไรปิดบังได้!

นังคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฝานเจียผุดลุกขึ้นทันที หยิบเอามีดที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าชี้ไปที่ป๋อจิ่ว!

ป๋อจิ่วทำเหมือนมองไม่เห็นเจ้าหล่อน ปล่อยให้อีกฝ่ายชี้ปลายมีดมาที่ตัวเอง ก่อนจะย่อตัวเล็กน้อย ส่งบะหมี่ผัดเนื้อมาวางตรงหน้าเขา เอ่ยด้วยเสียงที่ไม่พอใจ “พี่มั่ว ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ากะอีแค่ซื้อลูกอม พี่จะโดนคนหลอกเอาตัวไปเสียแล้ว บะหมี่เพิ่งผัดเสร็จ พี่รีบกินตอนที่มันร้อนอยู่เถอะ ฉันรู้ รู้ว่าพี่จำฉันไม่ได้แล้ว อันที่จริงฉันยังคิดว่าถ้าไม่เล่นเกมแล้ว ฉันจะเขียนหนังสือสักเล่ม ให้ชื่อว่าแฟนฉันสูญเสียความจำเป็นช่วงๆ”

ฉินมั่วไม่ได้พูดอะไร เขากำลังสำรวจเด็กคนนี้ ฝ่ายฝานเจียมองดูอยู่ด้านข้าง ความชั่วร้ายในแววตาทวี มากขึ้นทุกที จนทนไม่ไหวต้องงุดหน้าหัวเราะ เอ่ยเสียงงูพิษ “พี่มั่ว คนนี้นี่แหละที่จะทำร้ายฉัน พี่ช่วยฉันฆ่าเขาที”

ป๋อจิ่วได้ยินแล้ว นิ้วมือเกร็งขึ้นทันที ด้วยรู้ว่าหากถูกกุญแจกระตุ้นคำสั่งทางจิต ผลจะเป็นอย่างไร เธอวู่วามเกินไป เพราะอยากจะพาตัวเขากลับไปถึงได้เข้ามาแบบนี้ กลับลืมความชั่วร้ายของฝานเจียไป

ทางด้านฝานเจียเหมือนกำลังลิ้มรสความสุขกับความรู้สึกแบบนี้ มุมปากฉายรอยยิ้มอย่างสาแก่ใจ แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่า…

…………………………………..