ตอนที่ 639 ถอยกันคนละก้าว
“มีอะไร” เหยียนเค่อกวาดตามองไปที่หน้าประตูมีหัวคนโผล่มา ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นชายหนุ่มเย็นชาขนาดนี้เลยไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป กะว่าจะเดินหนีออกไปก่อนแต่กลับถูกเสียงเรียกรั้งไว้เสียก่อน
“กลับมา!”
“นายเลิกโกรธเถอะนะ”
เหยียนเค่อกัดฟัน อาการง้อคนแบบโง่ๆ ของซย่าเสี่ยวมั่วแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเอาซะเลย แต่ที่น่าโมโหก็คือเขากลับใจอ่อนทุกครั้ง
“ฉันไม่ได้โกรธ มาหาฉันมีอะไร”
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินว่าชายหนุ่มไม่ได้โกรธก็ยังจะอยากง้อคนปากไม่ตรงกลับใจต่อสักหน่อย แต่กลับชะงักไปกลับคำถามต่อมา พูดอึกอัก “ไม่ ไม่มีอะไร ฉันออกไปก่อนนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วกำลังจะยกมือขึ้นโบก ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็มีแขนมาโอบรอบเอวเธอแล้วดึงไปชิดลำตัวเขา ท่อนแขนแข็งแรงกดทับแขนของเธออยู่
ซย่าเสี่ยวมั่วชะงักไปทั้งตัว ยืดหลังตรงไม่กล้าขยับและก็ไม่กล้าหันกลับไปมอง
คนด้านร่างโน้มตัวให้เท่ากับความสูงของเธอจากนั้นก้มหน้าลง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดที่ริมใบหูของเธอ “เธอจะไปไหน”
“เปล่า” ซย่าเสี่ยวมั่วเข่าอ่อน อยากจะดึงมือออกแต่ก็รัดเอาไว้แน่น
เหยียนเค่อเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนๆ ราวกับโดนรังแกอย่างน่าสงสาร “เธอกะจะทิ้งฉันไว้ที่นี่ใช่ไหม”
ซย่าเสี่ยวมั่วเอ่ยปฏิเสธอย่างไร้เรี่ยวแรง “เปล่านะ”
เหยียนเค่อไม่กล้าบีบคั้นหล่อนมากเกินไป เรื่องเมื่อครู่ตนเองรีบร้อนเกินไปเอง ดังนั้นเขาเลยถอยออกมาก่อน “ฉันไปส่งเธอเอง”
คนที่กอดตนอยู่หมุนตัวกลับ ซย่าเสี่ยวมั่วขยับแขนไปดึงนิ้วชายหนุ่มเอาไว้ เอ่ยเสียงเบาๆ “ฉันไม่กลับแล้ว”
“หืม?” เหยียนเค่อชะงักไป ไม่อยากให้หล่อนรู้สึกลำบากใจ ฝืนใจเอ่ยพูด “ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องฝืนใจ”
เหยียนเค่อค้นพบว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับตนกับซย่าเสี่ยวมั่วก็คือหล่อนยังไม่แน่ใจที่เดินเข้ามาในโลกของเขา ก็เหมือนกับตอนที่หล่อนกลัวที่จะเดินเข้ามาในบ้านเขาเมื่อสักครู่ สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยทำให้หล่อนรู้สึกไม่ดี รู้สึกเกิดความไม่เชื่อใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาอยากจะได้ เป็นเพราะเขารีบร้อนอยากได้ผลลัพธ์ไวเกินไปเอง แต่ว่าตอนนี้เขาคิดได้แล้ว คนเป็นของเขาแล้ว ต่อให้หนีก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี
ซย่าเสี่ยวมั่วขยับนิ้วมือ จากนั้นก็เริ่มผ่อนแรง “นายรำคาญฉันแล้วหรือเปล่า”
“เธอคิดบ้าอะไรอยู่” เหยียนเค่อถูกหล่อนทำให้ขำออกมา หมุดตัวไปกอดหล่อนเอาไว้ “ชอบยังน้อยไปเลย ฉันจะไปรำคาญเธอได้อย่างไร”
“อ้อ” ซย่าเสี่ยวมั่วนึกสงสัยว่าชายหนุ่มแกล้งเธออยู่หรือเปล่า ทำไมแปปเดียวก็หายแล้ว “ฉันย้ายมาอยู่ก็ได้ แต่ว่าของฉันจะทำอย่างไร”
เหยียนเค่อพอใจมากที่หล่อนยอมถอยเพื่อเขา แต่ว่าดูท่าทางของหล่อนแล้วก็ไม่ได้กะจะทำตามที่หล่อนพูด
“คืนนี้นอนที่นี่ก่อน ต่อไปถ้าอยากมาก็ค่อยมา” เหยียนเค่อหยิกไปที่ใบหน้าหล่อน “ไปนอนเถอะ นี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้วไม่ใช่เหรอ”
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า “นายก็รีบนอนนะ” หล่อนเขย่งเท้าไปจูบราตรีสวัสดิ์ชายหนุ่ม “ขอบคุณ”
พูดตามความจริง ตอนที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดประโยคนั้นออกไปเธอก็กลัวว่าเหยียนเค่อจะดีใจจนรีบตอบตกลง แต่คนที่เข้าใจหล่อนดีอย่างเหยียนเค่อ กลับเลือกที่จะเลื่อนเรื่องนี้ออกไปก่อน
“อือ ต้องมีสักวันหนึ่งที่เธอจะได้มาอยู่บนเตียงของฉัน” เหยียนเค่อพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดาปกติอย่างนั้น ซย่าเสี่ยวมั่วโมโหจนต้องเอื้อมมือไปปิดปากชายหนุ่ม
“นายพูดน้อยลงสักนิดไม่ได้หรือไงนะ”
“ไม่ได้” เหยียนเค่อหลบ จับไปที่ข้อมือของหล่อน “เธอรีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว”
“ใครให้นายมายั่วโมโหฉันล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วลดมือลง กะจะเดินไปพักผ่อนก่อน
พอเธอเดินไปถึงประตูเหยียนเค่อก็เรียกเธอไว้อีก “ให้ฉันไปส่งไหม ให้เธอทดลองประสบการณ์ที่มีฉันนอนเป็นเพื่อนก่อน”
“ไปไกลๆ เลย” ซย่าเสี่ยวมั่วจ้องชายหนุ่มแวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบเดินหนีไป
ตอนที่ 640 เริ่มก่อน
“โอ้มายก็อด” พอซย่าเสี่ยวมั่วเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องอ้าปากค้าง “ชาติที่แล้วเหยียนเค่อต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ เลย”
ภายห้องตั้งแต่เปิดประตูเข้าไปล้วนปูด้วยพรมสีขาว ตรงกลางห้องมีที่นั่งเบาะเล็กๆ วางอยู่
ด้านหลังคือเตียงนอน ผ้าลูกไม้สีขาวถูกผูกอยู่ที่เสาทั้งสี่มุมของเตียง ผ้าปูเตียงสีชมพูเข้มกับปลอกผ้านวมที่มีลวดลายดอกไม้สลักอยู่เห็นเด่นชัดตรงหน้า บนหัวเตียงมีแจกันดอกไม้แห้งเล็กๆ วางประดับอยู่ บนผนังมีภาพถ่ายของซย่าเสี่ยวมั่วทีใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงถ่ายคู่กับเหยียนเค่อ
ซย่าเสี่ยวมั่วมองไปบนเพดานอย่างไม่รู้จะพูดอะไร สวรรค์เพิ่มกระดูกให้ผู้ชายคนนี้มากกว่าคนอื่นๆ หรืออย่างไรนะ
ที่ว่างในห้องมีเยอะมาก มีพื้นที่ว่างส่วนหนึ่งถูกกั้นด้วยความสูงระดับเอว ฝั่งหนึ่งมีชั้นหนังสือวางอยู่ อีกฝั่งมีโต๊ะทำงานกับอุปกรณ์สำหรับวาดรูปวางไว้อยู่
ซย่าเสี่ยวมั่วพบว่าขนาดในตู้เสื้อผ้ายังมีเสื้อผ้าเตรียมไว้ให้พร้อมเสร็จสรรพแล้ว เขาอยากให้เธออยู่ที่นี่ด้วยขนาดไหนกันนะ
“เฮ้อ” ซย่าเสี่ยวมั่วถอนหายใจ หยิบชุดเดินเข้าไปอาบน้ำ
เหยียนเค่อทำงานเสร็จแล้วรู้สึกเป็นห่วงหล่อนเลยแอบย่องเข้ามา แต่ปรากฏว่าซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่หลับ นั่งเช็ดผมอยู่
“เอ๋”
“ฉันมาดูเธอ ชอบไหม” ความจริงโดยส่วนตัวเหยียนเค่อไม่ค่อยชอบสีที่เป็นผู้หญิงขนาดนี้
แต่เขาจำได้ว่าห้องนอนของหญิงสาวดูมีความเป็นผู้หญิงมาก จึงต้องเลือกสีที่มันมีสีสันหน่อย
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า “สวยมาก ทำงานเสร็จแล้วเหรอ”
“อือ” เหยียนเค่อนั่งลงข้างๆ หล่อนหยิบผ้าเช็ดผมจากหล่อนมาช่วยเช็ดให้แทน
ผมของเธอมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของตะไคร้ หอมสดชื่นแต่ไม่ฉุน ทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ว่าการกระทำมันดูเป็นธรรมชาติมากๆ
สวีอันหรานกลับมาบ้านแต่ไม่ได้ไปที่ห้องนอน เดินตรงไปที่ห้องหนังสือ กลับมาดึกขนาดนี้แถมดื่มเหล้ามาอีก เขาไม่อยากเข้าไปรบกวนเสี่ยวชี
แต่ปรากฏว่าพอเปิดประตูห้องหนังสือกลับเห็นสวีรั่วชีนั่งเล่นเกมอยู่ที่ที่นั่งของตน
“ทำไมไม่ไปนอนหลับ แสงที่คอมมันแรงจะตาย” สวีอันหรานถามออกไปอย่างนั้น ไม่ได้หวังจะได้คำตอบจากหล่อน
ไม่รู้ว่าหมู่นี้สวีรั่วชีเป็นอะไร ไม่ว่าตนจะพูดอะไรด้วยหล่อนก็ไม่เคยจะสนใจ ดังนั้นเขาเลยเคยชินที่จะพูดเองเออเองคนเดียวแล้ว
ไม่ได้ยินเสียงตอบดังที่เขาคาดไว้จริงๆ เขาหยิบชุดนอนเดินออกไปอาบน้ำด้านนอก
สวีรั่วชีมองแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างครุ่นคิด
ของส่วนใหญ่ที่อยู่ในห้องนอนของสวีอันหรานถูกย้ายออกมาไว้ที่นี่เกือบหมด ขนาดนั้นพวกชุดนอนและเครื่องแต่งตัวต่างๆ ก็ย้ายออกมาเกือบหมด เธอทำเกินไปหรือเปล่านะ
สวีอันหรานอาบน้ำกลับเขามาก็ยังเห็นหล่อนยังคงนั่งอยู่ จึงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “เวลานี้เธอควรไปนอนได้แล้ว มานั่งอยู่ตรงนี้ทำไม”
สวีรั่วชีย้อนถามคำถามเดียวกัน “อย่างนั้นพี่ไม่ไปนอนที่ห้องนอน มาอยู่ที่นี่ทำไม”
สวีอันหรานอึ้งไปกับคำถาม แต่เมื่อสังเกตว่าท่าทีของสวีรั่วชีดูอ่อนลงกว่าเดิมเยอะ ก็ยิ้มออกมา “เดี๋ยวสักพักพี่ตามไป เธอไปนอนก่อนเลย”
“ขอโทษนะ ช่วงนั้นฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี เอาแต่พูดจาอะไรที่มันแปลกๆ ไม่เข้าหู แต่ว่าฉันไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจพี่นะ” สวีรั่วชีเอ่ยขอโทษจากใจจริง ซย่าเสี่ยวมั่วพูดถูก อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของตัวเอง อารมณ์ดีก็ทำดีกับสวีอันหราน อารมณ์ไม่ดีก็ไม่สนใจใยดีชายหนุ่ม สักวันหนึ่งชายหนุ่มต้องเป็นคนเดินออกจากโลกของเธอไปเองแน่ๆ
“พูดอะไรโง่ๆ แบนั้น” สวีอันหรานเดินมาขยี้ผมหล่อน “กลับไปก่อนเถอะ พี่เคลียร์ทางนี้อีกนิดหน่อยแล้วจะตามไป”
“อื้อ” สวีรั่วชีหลีกทางให้ชายหนุ่ม เอ่ยเรื่องเหยียนเค่อกับซย่าเสี่ยวมั่วอีกนิดหน่อยจากนั้นก็เดนกลับห้องไปพักก่อน
สวีอันหรานนั่งลงที่ที่นั่งของตัวเอง หน้าจอคอมเป็นสีดำสนิทอยู่ตลอดเวลา ดูท่าแล้วเป็นเพราะสวีรั่วชีอยากจะง้อเขาเลยเดินเข้ามา สวีอันหรานยิ้มออกมา เขาอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย งานนี้คงต้องยกความดีความชอบให้ซย่าเสี่ยวมั่วแน่ๆ