ตอนที่ 641 ย้ำแล้วย้ำอีก
สวีอันหรานโทรไปขอบคุณซย่าเสี่ยวมั่ว แต่กลับลืมไปว่าตอนนี้มันเป็นเวลาดึกมากแล้ว
เหยียนเค่อแทบจะหลับฟุบไปที่ข้างเตียงของซย่าเสี่ยวมั่วอยู่แล้วแต่ว่ากลับต้องสะดุ้งขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์ของหล่อน เขาเห็นว่าหล่อนกำลังหลับสบาย เลยไม่คิดที่จะปลุก พอเห็นชื่อคนที่โทรมาว่าเป็นสวีอันหรานเลยหยิบโทรศัพท์มากดรับเอง
“ฮัลโหล”
น้ำเสียงเย็นๆ ของผู้ชายที่ดังมาตามสายทำเอาสวีอันหรานนึกว่าซย่าเสี่ยวมั่วแปลงเพศไปแล้ว
“คุณ…”
“ฉันเหยียนเค่อ โทรหาซย่าเสี่ยวมั่วมีธุระอะไร”
“นายกับซย่าเสี่ยวมั่วพัฒนารวดเร็วขนาดนี้เลยหรือไง” สวีอันหรานอ้าปากค้าง เหยียนเค่อก็รวดเร็วเกินไปแล้วมั้ง
เหยียนเค่อนวดขมับตัวเอง เริ่มรู้สึกง่วง “นายไม่รู้หรือไงว่านี่มันกี่โมงแล้ว ยังจะโทรมาหาเธออีก”
“โอเคๆ ฉันผิดเอง” สวีอันหรานไม่มีอะไรจะพูดกับคนที่ปกป้องแฟนออกนอกหน้าแบบนี้ “ฉันแค่อยากจะขอบคุณที่เธอ วันนี้สวีรั่วชีอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย”
“ฉันว่าเมียนายเป็นพวกชอบรังแกคนอ่อนแอ หาเรื่องมาให้นายได้ไม่เว้นวัน” เหยียนเค่อไม่สบอารมณ์ ผู้หญิงเรื่องเยอะแบบสวีรั่วชีเห็นทีจะมีก็แต่สวีอันหรานที่ทนไหว
สวีอันหรานเป็นคนง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมให้คนอื่นมาพูดถึงภรรยาเขาตามอำเภอใจแบบนี้ “นายก็พอได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องพูดอะไรที่มันเกินไปนะ”
“อือ” เหยียนเค่อก็ไม่ได้มีอารมณ์จะไปยุ่งเรื่องของเพื่อน “เดี๋ยวฉันบอกเธอให้ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม”
“สวีรั่วชีฝากให้ฉันมาบอกนายว่า ต้องมีความรับผิดชอบ ควบคุมตัวเองให้ได้ อย่าเห็นแก่ตัวเกินไป ให้ซย่าเสี่ยวมั่วได้คิดอะไรเองบ้าง”
“นายเป็นคนที่สองแล้วนะที่พูดประโยคนี้ ฉันดูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยหรือไง” เหยียนเค่อไม่เข้าใจ “เห็นกันอยู่ว่ามีแต่ซย่าเสี่ยวมั่วที่ทำท่าอยากจะสลัดฉันทิ้ง ทำไมพวกนานต้องให้ฉันเป็นคนรับผิดชอบ”
“เพราะว่า…” สวีอันหรานเงียบไป “พวกเราต่างคิดกันว่าไม่ช้าก็เร็วซย่าเสี่ยวมั่วต้องสลัดนายทิ้งแน่ๆ ดังนั้นก็เลยจะเตือนนายว่าอย่าไปทำอะไรที่มันล้ำเส้นเกินไปนัก”
น้ำสียงของเหยียนเค่อเต็มไปด้วยความโมโห “สวีอันหราน นายกำลังมึนอยู่กับความหวานตอนนี้จนสมองมีปัญหาไปแล้วใช่ไหม”
“เอ่อ” เขาไม่ระวังเผลอพูดสิ่งที่คิดไว้ในใจออกมาหมดเลย สวีอันหรานรีบเอ่ยเสริม “เปล่าๆ แค่ล้อเล่นเฉยๆ น่า นายก็ดูแลซย่าเสี่ยวมั่วดีๆ ที่ควรพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว”
“อือ เพราะนายเลย ตอนนี้ฉันกลับไปนอนไม่ได้แล้วเนี่ย”
“ก็กลับไปนอนสิ ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ตื่นขึ้นมาซะหน่อย”
“จิตสำนึกด้านดีไม่ให้ฉันทำ” เหยียนเค่อพูดอย่างจริงจัง สวีอันหรานตลก คนแบบนี้มีสิ่งที่เรียกว่าจิตสำนึกด้วย
“อย่างนั้นก็ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว ฉันไปนอนกับเสี่ยวชีดีกว่า ราตรีสวัสดิ์” สวีอันหรานทิ้งระเบิดไว้ แล้วก็รีบตัดสายทิ้ง
เหยียนเค่อยืนถือโทรศัพท์กัดฟันอยู่ที่เดิม กดปุ่มโฮมกลับไปหน้าจอกะจะปิดโทรศัพท์ให้หล่อน แต่พอเหลือบไปเห็นภาพหน้าจอของซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่พอใจ หาภาพจะมาเปลี่ยน แต่ว่าก็ไม่อาจละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของหล่อน เลยถ่ายรูปตัวเองใหม่จากนั้นก็แอบเปลี่ยนเป็นรูปตนเองแทน
วันรุ่งขึ้น ซย่าเสี่ยวมั่วตื่นนอนหยิบโทรศัพท์กะจะเอามาดูเวลาแต่ก็แทบตกใจกับภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ปรากฏที่หน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง “อะไรเนี่ย”
เธอคิดว่าเธอหยิบผิดเครื่อง เหยียนเค่อเพิ่งเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์รุ่นเดียวกับเธอ เธอเลยแยกไม่ออกว่าที่อยู่ในมือเธอนั้นเป็นโทรศัพท์ของใคร
“หลงตัวเองจริงๆ กล้าเอาภาพตัวเองมาตั้งเป็นภาพหน้าจอ”
เธอกำลังบ่นพึมพำ เหยียนเค่อก็เดินเข้ามาปลุกเธอตื่นนอน ซย่าเสี่ยวมั่วเรียกชายหนุ่มเอาไว้ “เอ้ นายหยิบโทรศัพท์ไปผิดเครื่องหรือเปล่า”
“มีปัญหาอะไร”
“อันนี้ของนายหรือเปล่า รูปหน้าจอไม่เหมือนของฉัน” ซย่าเสี่ยวมั่วทำหน้างงอย่างไม่เข้าใจ
“เหยียนเค่อเอาโทรศัพท์ของตัวเองโยนไปให้ “เธอว่าเครื่องไหนคือของเธอ”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองโทรศัพท์ของชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เข้าใจ กลอกตามองบนไม่ได้เอ่ยอะไร จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ของชายหนุ่มคืนให้ไป
ตอนที่ 642 หวานชื่น
ซย่าเสี่ยวมั่วประทับใจจริงๆ เหยียนเค่อเตรียมอาหารเช้าไว้รอเธอลงไปกินเรียบร้อยแล้ว
“ฉันไม่ต้องทำอาหารเช้าเหรอเนี่ย”
“หึหึ ถ้ารอเธอตื่น ฉันคงได้กินเป็นมื้อเที่ยงแทนแน่ๆ ”
ซย่าเสี่ยวมั่วชี้ไปที่เกี๊ยวกุ้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ “
“ไม่ใช่ ฉันทำแค่โจ๊ก ที่เหลือให้เขามาส่ง”
ซย่าเสี่ยวมั่วเงียบปากกินข้าว ก็จริง…ใครจะไปเหมือนเธอ เช้าขนาดนั้นลุกมาทำเกี๊ยวกุ้งอย่างทรมาน
เธอคีบขึ้นมาครึ่งชิ้นแล้วยัดใส่ปาก พยักหน้าอย่างพอใจ เอ่ยชมอย่างใจกว้าง “ร้านนี้ฝีมือดีนะ”
เมื่อวานเธอกินไปแค่ครึ่งคำ วันนี้เธอต้องเอาคืน
ท่าทางสบายอารมณ์ของหญิงสาวทำให้เหยียนเค่อเจริญอาหารเป็นอย่างมาก เขากลัวว่าหล่อนจะสำลักจึงรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นไปให้ “ค่อยๆ กิน ฉันไม่แย่งเธอหรอก”
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่พูดไม่จาเอาแต่กิน เกี๊ยวกุ้งชามใหญ่หมดไปครึ่งชาม เหยียนเค่อถอนหายใจอย่างปลง นี่ขนาดเอาแต่กินก็ยังไม่อ้วนขึ้น นอกจากโรงฆ่าสัตว์ของเขาแล้วที่อื่นคงไม่มีทางแลหมูตัวนี้แน่ๆ
“ฉันอิ่มแล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกจุก รับแก้วน้ำที่เหยียนเค่อยื่นมาให้เธอดื่มย่อย
ส่วนใหญ่เหยียนเค่อเอาแต่มองซย่าเสี่ยวมั่วกินข้าว กินไปนิดเดียวก็เลยอิ่ม ซย่าเสี่ยวมั่วมองแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่กินเกี๊ยวเมื่อวานจนหมดชามใช่เขาแน่หรือเปล่า “ทำไมเมื่อวานนายกินตั้งเยอะ วันนี้กินแค่นิดเดียวเอง”
เพราะว่าอยากจะแก้แค้นที่หล่อนไม่จูบอรุณสวัสดิ์เขา เหยียนเค่อก้มหน้าลง ซย่าเสี่ยวมั่วมองไม่เห็นสีหน้าของเขา จึงเริ่มเอ่ยเดาไปเรื่อย “เพราะว่าฉันทำอร่อยกว่าใช่ไหม”
“…” ยังกล้ามาว่าว่าเขาหลงตัวเอง ไม่ต่างกันเลยสักนิด
ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นว่าเขาไม่ยอมรับ เลยเตะไปที่ขาของชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ “ใช่หรือเปล่า”
“ใช่” เหยียนเค่อวางตะเกียบ เก็บของทุกอย่างไปวางในครัว
ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้มองเขาเดินไปเดินมาเพื่อเอาจานไปเก็บอยู่หลายรอบ ในใจก็รู้สึกสบาย ในบ้านมีผู้ชายอยู่นี่ดีจริงๆ ไม่อยากทำอะไรก็มีคนทำแทนให้หมด
เหยียนเค่อเก็บจานเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมา เห็นซย่าเสี่ยวมั่วยังนั่งถือแก้วน้ำอยู่บนเก้าอี้มองมาทางตนแล้วยิ้ม จึงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่ามีความสุขอะไรขนาดนั้น “นั่งยิ้มเพ้ออะไรอยู่ ยังไม่รีบไปเก็บของอีก จะสายแล้วนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองดูเวลาเมื่อเห็นว่าสายแล้ว จึงรีบขึ้นไปเก็บของอย่างเชื่อฟัง
เหยียนเค่อขับรถมารอด้านล่าง พอหล่อนขึ้นมาบนรถก็รีบเอ่ยบอกกฎ “ต่อไปถ้าฉันนัดห้ามมาสาย ถ้าเลยเวลาต้องรีบโทรบอกฉัน”
ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้าแต่ในใจกลับคิดไปอีกเรื่องหนึ่ง
“อย่าเอาแต่พยักหน้าอย่างเดียว ต้องรับปากด้วย ถ้าทำไม่ได้ต้องรับผลที่ตามมานะ”
เหยียนเค่อยังจำเรื่องเมื่อก่อนที่เธอปล่อยให้หลี่หมิงฉวีรอเก้อได้อยู่ไหนจะเรื่องนัดรับเจ้าโกลเด้นคราวก่อนอีก ถ้าเธอยังทำเหมือนเดิมปล่อยให้เขากังวลไปเองว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า คราวนี้เขาไม่ปล่อยไปแน่ๆ
“ใครๆ เขาก็ถือว่าช่วงเวลาในการรอแฟนเป็นเรื่องหวานชื่นกันทั้งนั้นแหล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วบ่นกระปอดกระแปด
เหยียนเค่อมองมาทางหล่อน “อย่างนั้นเธอก็ต้องมีสติปัญญาเหมือนกับผู้หญิงพวกนั้นหน่อยสิ ใครจะไปรู้ว่าเดินอยู่ดีๆ เธอจะถูกคนอื่นลักพาตัวไปหรือเปล่า”
“นายเป็นห่วงฉันก็พูดออกมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้องมาทำเป็นขู่” ซย่าเสี่ยวมั่วรัดสายเข็ดนิรภัยปากก้บ่นอย่างไม่พอใจ
“แต่ความจริงฉันอยากจะบอกว่า ระดับสติปัญญาอย่างเธอคงไม่มีใครเขาอยากลักพาตัวไปหรอก” เหยียนเค่ออดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่หล่อน
ซย่าเสี่ยวมั่วกัดฟันกรอด ในสายตาชายหนุ่มตนยังเทียบกับพวกคนปัญญาอ่อนไม่ได้เลย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยเถียงอะไร นั่งกำสายรัดเข็มนัดแน่น
“โกรธเหรอ” เหยียนเค่อเห็นหล่อนไม่เอ่ยพูดอะไร จึงรู้สึกได้ว่าตนยั่วให้หล่อนโมโหเข้าแล้ว จึงลองเอ่ยถามออกไปแต่หล่อนก็ไม่เอ่ยตอบ