ตอนที่ 643 ฟองอากาศสีชมพู
พอถึงด้านล่างของฮุยเถิง ซย่าเสี่ยวมั่วเปิดประตูรถจะเดินลงไปแต่ก็โดนเหยียนเค่อดึงกลับมาก่อน ใบหน้าเนียนใสที่แทบจะมองไม่เห็นแม้แต่รูขุนขนขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าเธอ “ไม่ทำอะไรเลยก็จะไปแล้วเนี่ยนะ”
“ฉันมันคนปัญญาอ่อน ไม่รู้ว่านายกำลังพูดอะไรอยู่” ซย่าเสี่ยวมั่วปฏิเสธชายหนุ่ม
เหยียนเค่อไม่รู้จะพูดอะไร ขยับเข้าไปชิดหล่อนอีกนิด “อยากได้จูบ”
“นายจูบตัวเองไปสิ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่แยแสกับคนตรงหน้า
เหยียนเค่อรู้สึกเหมือนตนหาเรื่องใส่ตัวเอง จึงเอ่ยง้องอน “อย่างอนน่า จะสายแล้วนะ เร็วๆ เข้า”
ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งนิ่งราวกับภูเขา สายก็สายสิ เธอก็ไม่ใช่คนขยันขนาดนั้นเสียหน่อย
เหยียนเค่อเห็นว่าหล่อนไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรเลย จึงเริ่มโมโหขึ้นมานิดๆ “ซย่าเสี่ยวมั่ว เธออยากให้ฉันใช้กำลังใช่ไหม”
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินชายหนุ่มเรียกชื่อตนก็เริ่มเกรงๆ คนที่มาทำงานด้านนอกก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงทำอย่างส่งๆ รีบโน้มตัวไปจูบชายหนุ่มอย่างไวๆ แต่พอจะเปิดประตูลงจากรถก็ถูกมือจากทางด้านหลังดึงเอาไว้แล้วบังคับให้เงยหน้าขึ้นรับจูบที่เต็มไปด้วยความต้องการอันเปี่ยมล้นของเหยียนเค่อ
“อื้อ” ซย่าเสี่ยวมั่วทุบไปที่หน้าอกของชายหนุ่มอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่กลับถูกเขารวบมือเอาไว้
เหยียนเค่อไม่ได้แค่ลิ้มรสสัมผัสนิดๆ เหมือนที่ทำครั้งก่อนๆ เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากนุ่มๆ สอดลิ้นเข้าไปภายในปาก สำรวจไรฟันของหล่อน บังคับให้ซย่าเสี่ยวมั่วดื่มด่ำไปกับจูบอันลึกซึ้งของเขา
ทั้งคู่ตวัดลิ้นพันเกี่ยวกันแล้วค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ เหยียนเค่อค่อยๆ สำรวจอย่างช้าๆ เพื่อให้หล่อนได้ค่อยๆ ตามเขาทัน คลายกับการร่วมรักที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยการเอาใจเพื่ออยากให้หล่อนพอใจ
ซย่าเสี่ยวมั่วอ่อนระทวยไปทั้งตัว ถ้าไปใช่เพราะเหยียนเค่อยังประคองเธอไว้อยู่เธอคงลื่นลงจากเบาะไปนั่งกองอยู่ที่พื้นแน่ๆ สองมือเกาะอยู่ที่บ่าของชายหนุ่มอย่างไร้เรี่ยวแรง
หลังจากจูบสิ้นสุดลง ทั้งคู่ต่างหอบหายใจ
เหยียนเค่อก้มมองหน้าผากหญิงสาว ค่อยๆ จูบเบาไปที่สันจมูก ลมหายใจร้อนอุ่นเป่ารดไปที่ใบหน้าของหล่อน ตอนเอ่ยปากพูดน้ำสียงยังฟังดูแหบแห้งไม่ค่อยปกติอยู่ “เลิกโมโหนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วจ้องหน้าชายหนุ่ม แต่กลับไม่ได้รู้เลยว่าใบหน้าสีแดงแจ๋กับดวงตากลมใสคู่นี้มันยั่วยวนคนอื่นขนาดไหน ใบหน้าที่จ้องมาอย่างตำหนินั้นทำเอาเหยียนเค่อที่เพิ่งระงับความต้องการของตัวเองไว้ได้เริ่มมีอาการอีกครั้ง
เหยียนเค่อค่อยๆ ขยับออกห่างจากหล่อน ช่วยจัดผมของหล่อนที่เขาเป็นคนทำให้ยุ่งเหยิงเมื่อครู่ให้เข้าที่เข้าทาง “เรียบร้อยแล้ว รีบไปทำงานเถอะ สายแล้วจริงๆ ”
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินที่ชายหนุ่มเตือนก็มีความรู้สึกอยากจะฆ่าเขานัก
ทั้งๆ ที่ตอนมาถึงยังเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงถึงจะเริ่มงาน แต่ตอนนี้ด้านนอกแทบไม่มีคนแล้ว
“ถ้าเธอยังโมโหอีกวันนี้ก็ไม่ต้องไปทำงานแล้วนะ” เหยียนเค่ออมยิ้มที่มุมปาก ทำหน้าระรื่นพอใจที่ได้สิ่งที่ต้องการจนคนเห็นอยากจะเอามือไปข่วนที่หน้าสักที
แต่เธอไม่อยากโดนเอาเปรียบต่อ เธอขยับมุมปาก “อือ ฉันไปทำงาน”
เหยียนเค่อยังโอบเอวหล่อนไม่ยอมปล่อย เห็นว่าท่าทางของหล่อนยังไม่อ่อนลง น้ำเสียงเลยจริงจังขึ้นมาก “ฉันไม่อยากเห็นเธอโกรธ”
“โอเค โอเค” มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่จะโกรธแฟนที่เราเพิ่งมีจูบอันร้อนแรงด้วย “ขับรถดีๆ ล่ะ”
เหยียนเค่อมองแผ่นหลังหล่อนเดินเข้าไปในตึกจากนั้นจึงขับรถจากไป
พอซย่าเสี่ยวมั่วเดินเข้าประตูมาก็รีบมุ่งตรงไปยังลิฟต์ พอเข้าไปในลิฟต์ถึงได้รู้ว่าวันนี้ที่แก้มเธอมีสีชมพูดโดยไม่ต้องแต่งหน้าติดมาด้วย ช่างน่าอายจริงๆ
อันหรานเดินออกมาจากห้องทำงานกำลังจะไปประชุมเช้า พอเงิยหน้าขึ้นก็เห็นซย่าเสี่ยวมั่วที่มีใบหน้าแดงก่ำ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
พอซย่าเสี่ยวมั่วเดินเลี้ยวมาก็เห็นอันหรานค่อยๆ เดินมาทางเธอ เธอตกใจจนต้องหลบเข้าไปในลิฟต์ที่ยังคงเปิดอยู่ แต่ก็โดนอันหรานที่เดินตามหลังมามาคว้าตัวไว้จนต้องหยุดชะงักอยู่ที่เดิม
หรือว่าอยู่กับประธานเหยียนมากไปไหวพริบหล่อนเลยดีขึ้นแล้ว
ตอนที่ 644 ซาบซึ้งไหม
“เธอจับฉันทันได้อย่างไร” ซย่าเสี่ยวมั่วที่โดนคว้าคอเสื้อเอาไว้ตกใจจนไม่กล้าหันกลับไปมอง
อันหรานยิ้มอย่างน่ากลัว “เธอไม่ได้เจอหน้าฉันนานเท่าไหร่แล้วฮะ พอเจอหน้าฉันเธอยังกล้าหลบอีกเหรอ”
ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าอันหรานหน้ากลัวพอๆ กับตอนที่เหยียนเค่อไม่ได้รับคำตอบที่พอใจ เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกันแน่ๆ
“ท่านผู้หญิงใหญ่ มีอะไรค่อยๆ พูดกันเนาะ ฉันอยากเข้าไปนั่งในห้องทำงาน เธอว่าไง” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่ามาทะเลาะกันตรงทางเดินแบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
อันหรานดึงหล่อนเข้าไปในห้องทำงาน พอกดล็อคประตูเสร็จก็เริ่มคาดคั้น
“เธอกับประธานเหยียนไปถึงขั้นไหนกันแล้ว สำเร็จแล้วเหรอ” อันหรานจ้องตาซย่าเสี่ยวมั่วอย่างอยากรู้ หวังว่าจะได้รู้ความลับอะไรจากสายตาของหล่อนบ้าง
ซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะด่าหล่อน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้เล่าเรื่องเธอกับเหยียนเค่อให้หล่อนฟังเลย หล่อนรู้ได้อย่างไร
“เธอรู้เรื่องที่ฉันคบกับเหยียนเค่อได้อย่างไร” ใบหน้าของซย่าเสี่ยวมั่วราวกับมีเครื่องหมายเขียนอยู่ชัดเจนว่า “ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบายด่วน”
อันหรานกระแอมออกมา ทำหน้าเหยเกไม่อยากพูด “ตอนที่เธอกำลังจูบอย่างเร่าร้อนอยู่กับประธานเหยียน ฉันแอบดูอยู่ที่กระจก แต่ว่าโดนผู้ชายของเธอถลึงตาไล่เสียก่อนน่ะสิ”
“ฮือ” ซย่าเสี่ยวมั่วเอามือกุมหน้า รู้สึกอายยิ่งกว่าเดิม “เธอกล้าแอบดูพวกฉันเหรอ” ในที่สุดเธอก็เข้าใจความรู้สึกของสวีรั่วชีตอนที่จูบกับสวีอันหรานแล้วเธอดันไปเห็นเหตุการณ์เข้าแล้วว่ามันรู้สึกอย่างไร
“เธอกล้าจูบทำไมฉันจะไม่กล้ามอง แต่ว่ามันมีกระจกกั้นฉันเลยเห็นไม่ชัด ถ้าไม่ใช่เพราะประธานเหยียนขับรถคันนี้มาอยู่หลายครั้งฉันก็คงจำไม่ได้หรอก” อันหรานเผลอหลุดปากพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ซย่าเสี่ยวมั่วได้ยินประโยคสำคัญเข้าพอดี “เธอเห็นเขาขับมาหลายครั้ง?”
“อือ” อันหรานอยากจะเอ่ยพูดต่อ แต่เหมือนสมองจะประมวลผลได้ รีบกลืนคำพูดลงคอไป “แค่ก แค่ก แค่ก”
“หึ” ซย่าเสี่ยวมั่วส่งเสียงเย็น “สารภาพมาซะดีๆ เธอร่วมมือกับเหยียนเค่อนานแล้วใช่ไหม”
ความจริงอันหรานกะจะยืนกรานไม่ยอมรับ กว่าจะแถมาถึงตอนจบได้ แต่สุดท้ายตัวเองดันทำความลับแตกเสียเอง แต่ว่าเธอก็ทำสุดความสามารถแล้ว
“ใช่ ประธานเหยียนคือป๋อเล่อ[1]ของฉัน” อันหรานเอ่ยชมเหยียนเค่อไปชุดหนึ่ง ซย่าเสี่ยวมั่วยังนึกว่าหล่อนจะบรรยายความรักที่มีให้กบฮุยเถิงต่อด้วย แต่หล่อนกลับเปลี่ยนเรื่องกลางคัน ถอนหายใจยาว “สรุปแล้วก็คือ เขาดึงฉันมาที่นี่ก็เพราะเธอ”
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เข้าใจ “ทำไมถึงเป็นเพราะฉันล่ะ ตอนนั้นเธอลาออกแล้วไม่ใช่เหรอ”
อันหรานกัดฟันกรอด “หัวหน้ากองบรรณาธิการเอาตำแหน่งมาวางตรงหน้าฉันแล้ว แต่ว่าเพราะเธอฉันเลยไปร่วมมือกับเหยียนเค่อโดยไม่ลังเลสักนิด”
ซย่าเสี่ยวมั่วหน้าคล้ำ หล่อนพูดราวกับว่าเป็นสายลับสอดแนมอะไรอย่างนั้น ช่วยอยู่กับความเป็นจริงหน่อยได้ไหม “หึหึ เธออยากเห็นความรักของฉันกับเหยียนเค่อตั้งแต่เริ่มต้นก็พูดมาเถอะ อย่ามาทำเป็นอ้อมค้อมอยู่นั่น”
“เธอไม่ซาบซึ้งสักนิดเลยหรือไง” อันหรานจับไหล่ของหล่อนเขย่าไปเขย่ามา
“ฉันกล้าขยับ แล้วก็ขยับได้ด้วย” ซย่าเสี่ยวมั่วกอดอก ไม่ส่ายไปตามแรงเขย่าของหล่อน “ดูสิตอนี้ฉันก็ขยับอยู่”
“เธอต้องติดนิสัยเสียๆ มาจากประธานเหยียนผู้น่าสงสารของเราแน่ๆ เลย” อันหรานแสร้งทำเป็นร้องไห้ “ดูสิ ตอนนี้เธอไม่โอ๋นางฟ้าตัวน้อยของเธอแล้ว”
ซย่าเสี่ยวมั่วหน้าคล้ำลง ผู้หญิงคนนี้ทำไมพอมีแฟนแล้วมีนิสัยแปลกประหลาดอย่างนี้นะ
“ฉันว่าบกของเธอดูเหนียมกว่าเธอแล้วนะ ถ้าเธอยังทำเหนียมกว่านี้อีกอยู่อีก วันๆ พวกเธอก็คงแข่งกันเหนียมใช่ไหม”
“เธอ” คำพูดนี้เหมือนไปเติมเชื้อไฟให้กับอันหราน “แฟนฉันเหยียมแต่ก็ไม่สาวเท่าเหยียนเค่อของเธอหรอก ไม่เชื่อก็นัดกินข้าวมาเลย”
ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้กลัวหล่อน คนหน้าสวยของเธอเอาออกไปโชว์ก็เป็นหน้าเป็นตาได้ เธอจึงตอบตกลงอย่างยินดี
——
[1] ป๋อเล่อ เป็นผู้ฝึกสอนม้า คัดสรรม้ามีฝีมือ เป็นชื่ออันทรงเกียรติของซุนหยาง ปัจจุบันมีคนใช้คำว่า ป๋อเล่อเซี่ยงหม่า เพื่อเปรียบเปรยถึงผู้ที่มีสายตาแหลมคมในการคัดสรรคนดีมีฝีมือ