ตอนที่ 645 แอบนินทาลับๆ
ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วเดาไม่ผิด อันหรานคงกำลังจะไปชุม แต่ดันมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้กับเธอตั้งนานจะถูกว่าหรือเปล่าเนี่ย
อันหรานได้ยินสิ่งที่ซย่าเสี่ยวมั่วกังวลก็โบกมืออย่างไม่คิดอะไร “ไม่มีทางหรอก ฉันอาศัยบารมีของเธอตำแหน่งฉันเลยสูงตามไปด้วย”
ซย่าเสี่ยวมั่วมองหน้าเพื่อนที่ยิ้มตาหรี่ พบว่าตัวเองไม่เข้าใจโลกของอันหรานแล้ว จึงเอ่ยเร่ง “รีบๆพูดมาเลย ฉันไม่อยากเดาแล้ว”
“ฉันได้เป็นผู้จัดการแผนกออกแบบการ์ตูนกราฟฟิคแล้ว”
ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อวานเหยียนเค่ออารมณ์ดีขนาดเลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนให้เธอ “เธอเลื่อนตำแหน่งได้เร็วจริงๆ ผู้จัดการอัน ข้าน้อยนับถือจริงๆ”
“ไม่หรอก แฟนของเธอดูคนแม่นจะตาย คงต้องเห็นว่าฉันเป็นหยกชั้นดี เดินฉันก็ทำด้านนี้อยู่แล้ว เขาก็คงแค่ให้ฉันทำงานด้านเดิมที่ถนัด” ถ้าอันหรานไม่มีความสามารถด้านนี้เธอก็คงไม่กล้ารับตำแหน่งนี้ อย่างไรก็ทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วขายหน้าไม่ได้เป็นอันขาด
ซย่าเสี่ยวมั่วก็รู้ว่าเหยียยนเค่อไม่มีทางเอาคนที่ไมมีความสามารถมารับตำแหน่งแบบนี้เพียงเพราะเธอแน่ๆ ตนเองก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหล่ะ
“ดี อย่างนั้นเธอเลี้ยงนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วกล่าวรวบรัด
อันหรานได้ยินก้อยากจะตะโกนออกมาดังๆ “เธอคบกับประธานเหยียนแล้ว พวกเธอเลี้ยงสิ”
ซย่าเสี่ยวมั่วส่งสายตาไม่พอใจมา “เธอเพิ่งจะคบบกขอเธอ ถามยังได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากเหยียนเค่อ ยังจะมาให้เจ้านายเธอจ่ายเงินอีก ผู้จัดการอัน ช่างกล้าจริงๆนะ”
“ฉันให้เธอเป็นคนจ่าย” อันหรานแบ่งแยกอย่างชัดเจน
“ไปกินข้าวกับเหยียนเค่อ เธอยังจะคิดให้ฉันจ่ายเงินเองอีกเหรอ ขนาดฉันยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้นเลย”
แต่ก่อนตอนที่เหยียนเค่อจ่ายเงินให้เธอ เธอมักจะรู้อึดอัด แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เธอก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะแย่งเหยียนเค่อจ่ายเงินไปแล้ว
“ทำไมบอสของฉันตามใจเธอขนาดนี้นะ” อันหรานกุมหัวใจ “ผู้ชายอย่างเหยียนเค่อเห็นทีจะมีแต่มีผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวานแอ๊บแบ๊วอย่างเธอเท่านั้นแหล่ะที่ได้ครอบครอง ส่วนผู้หญิงที่มีเสน่ห์โดดเด่นอย่างฉันคยกับบกก็ดีแล้ว”
“เธอก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่ ฉันใกล้เคียงกับคำว่าน่ารักอ่อนหวานตรงไหน” ซย่าเสี่ยวมั่วยังจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเหยียนเค่อเธอทำเขาโมโหจนพูดอะไรไม่ออก แต่ตอนนี้ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว ผู้ชายนี่เป็นหมาป่าแปลงกายมาจริงๆ
อันหรานเห็นเพื่อนยังพูดไม่จบก็ไม่รู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ ยกนิ้วมือทำท่าจะจิ้มเข้าไปดวงตาหล่อน “เธอเหม่ออะไรอยู่น่ะฮะ”
“เธอช่วยอย่ามาแตะตรงจมูกกับตาของฉันทุกครั้งได้ไหม ตกใจจริงๆนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วลูบไปที่หัวใจที่เมื่อครู่สะดุ้งตกใจ “ชอบเอาสองนิ้วนี้มายั่วโมโหฉันอยู่เรื่อย”
“ก็เพื่อจะดึงดูดความสนใจของเธอน่ะสิ” อันหรานไม่มีวาทศิลป์ในการอธิบาย จากนั้นก็วกกลับเข้าเรื่องอย่างสนอกสนใจ “ฉันว่านะ ผู้ชายของเธอต้องอดกลั้นมานานแล้วแน่เลยใช่ไหม ตอนจูบเลยดูมีอารมณ์ซะขนาดนั้น”
ซย่าเสี่ยวมั่วนึกถึงริมฝีปากที่ค่อนข้างเย็นของชายหนุ่ม ปลายลิ้นที่หยอกเย้า ใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้น ใช้น้ำเสียงจริงจังกลบเกลื่อนอาการเขินอายของตน “หุบปากไปเลย”
“ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ประธานเหยียนที่ดูเหมือนจะเคร่งขรึมแต่ก็ไม่เคร่งขรึมเขาจีบเธอย่างไรนะ”
ซย่าเสี่ยวมั่วนึกกลับไป ทุกครั้งก็ไม่ใช่การตั้งใจจีบอะไร มีตั้งใจอยู่แค่สองสามนาทีแล้วก็ทำเป็นเล่นเหมือนเดิม
“พูดตามจริงนะ ฉันยังไม่เคยเห็นตอนเขาจริงจังมาก่อนเลย”
นี่มันเต็มไปด้วยการเอาใจทะนุถนอมอย่างเดียวเลยหนิ อันหรานรู้สึกได้รับการโจมตีอย่างเต็มที่ “ทุกครั้งที่ฉันไปพบประธานเหยียนก็มักจะถูกโจมตีในรูปแบบต่างๆ มีครั้งหนึ่งนะ ประธานเหยียนใช้น้ำเสียงที่เคร่งขรึมมากบอกกับฉันว่า ฉันบังสายตาของเขาให้ฉันเขยิบไปนั่งอีกทาง…”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ซย่าเสี่ยวมั่วเอามือกุมท้องแล้วหัวเราะ เหยียนเค่อทำเรื่องแบบี้ออกมาได้จริงๆนั่นแหล่ะ
สองสาวใช้เวลาทำงานแอบซุบซิบนินทา คุยกันเรื่อยเปื่อย ต่างแลกเปลี่ยนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้อีกคนฟัง
ตอนที่ 646 ทำการใหญ่
เรื่องที่เหยียนเค่อคบกับซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ได้ประกาศบอกกับพวกเพื่อนๆเท่าไหร่แต่เหยียนเฟิงกลับรู้เรื่องแล้ว
สวีอิ๋งอิ๋งที่รู้เรื่องจากเหยียนเฟิงก็โมโหออกมา “ฉันยังอยู่นะ เหยียนเค่อต้องการจะทำอะไรกันแน่”
เขาไม่เคยมองเห็นเธอในสายตาเลยมากกว่า แม้ว่าในใจเหยียนเฟิงจะคิดแบบนี้ แต่ว่าไม่สามารถพูดออกมาได้ “ฉันว่านะเหยียนเค่อคิดจะทำการใหญ่แน่ๆ
“ข่าวล่าสุด ซย่าเสี่ยวมั่วจะไปตรวจครรภ์เป็นเพื่อนสวีรั่วชี” สวีอิ๋งอิ๋งรู้ข่าวนี้มาจากแม่สวี พระเจ้าช่างเข้าข้างเธอจริงๆ เธอจะปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ไปได้อย่างไร
เหยียนเฟิงพยักหน้า สำหรับแผนการที่สวีอิ๋งอิ๋งวางไว้นั้นช่างเป็นเวลาที่ประจวบเหมาะเจาะเสียจริงๆ ถึงแม้เขาจะมีความสุข แต่ก็ต้องห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแผนการของหล่อนเป็นอันขาด
“อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่หมิงฉวีนะ”
สวีอิ๋งอิ๋งไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรแต่ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ได้”
ตอนที่หลี่หมิงฉวีเดินเข้ามาก็ทำหน้าง้ำงอ เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิด
ดูแล้วคงจะรู้เรื่องที่เหยียนเค่อคบกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว แต่ก็ดีตนจะได้ไม่ต้องระวังคำพูด เหยียนเฟิงไม่ได้เอ่ยทักทายหลี่หมิงฉวีก่อน แต่รอให้เขาเอ่ยพูด
เหยียนเฟิงไม่เปิดประเด็น สวีอิ๋งอิ๋งก็ไม่มีทางเป็นคนเปิด ภายในห้องทำการจึงเต็มไปด้วยความเงียบงัน ราวกับไม่มีคนอยู่
นิสัยของหลี่หมิงวีตอนนี้นิ่งลงกว่าแต่ก่อนเยอะแล้ว ไม่ใจร้อนพูดทุกอย่างที่ใจคิดออกมาหมดเหมือนเมื่อก่อน
เฉิงนั่วเข้ามาก็รู้สึกถึงบรรยากาศกดดันภายในห้องทำงาน
เหยียนเค่อคบกับซย่าเสี่ยวมั่วเขาก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไร ดังนั้นเฉิงนั่วเลยไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร เห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ของหลี่หมิงฉวีก็เดินเลี่ยงไปคุยกับเหยียนเฟิงอย่างรู้งาน
“เหยียนเค่อคบกับซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว ช่วงนี้ YAN คงไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวอะไร หลังจากนี้ภายในของพวกมันมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลของทางนั้นเก่งกว่าชวีหน่ายอีก แต่ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้ประโยชน์อะไรกับเหยียนเค่อมากนัก” สายตาของเฉิงนั่วมักจะมองเห็นแต่ผิวเผินภายนอก สามารถมองเห็นความสามารถของผู้จัดการคนใหม่ได้ก็ถือว่ามองได้ลึกมากแล้ว เหยียนเฟิงก็ไม่ได้หวังจะได้การวิเคราะห์อะไรดีๆจากคนๆนี้
“เหยียนเค่อน่าจะมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อยู่ เขาคบกับซย่าเสี่ยวมั่วไม่มีทางที่จะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย”
เห็นได้ว่าเหยียนเฟิงเข้าใจน้องชายดี เหยียนเค่อจะต้องประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วคือผู้หญิงของเขา และนำของที่ผู้หญิงทุกคนต่างอิจฉาไปประเคนให้ซย่าเสี่ยวมั่วทั้งหมด
แต่ว่าจนถึงตอนนี้เหยียนเค่อยังไม่ได้ประกาศออกมา มีแต่คนรอบข้างเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แสดงว่ามีต้องมีอะไรตามมาแน่ๆ
หลี่หมิงฉวีฟังถึงประโยคนี้ถึงได้ยอมเปิดปากพูด น้ำเสียงดุดันอย่างไม่ปกปิด “มันให้ได้ฉันก็ให้ได้”
ปกติหลี่หมิงเจ๋ออยู่ด้วยเขาเลยไม่ค่อยสะดวกที่จะพูด แต่ว่าถ้าปล่อยให้หลี่หมิงฉวีเอาแต่ใจอย่างนี้ต่อไป คงต้องเป็นตัวถ่วงพวกเขาในสักวัน
สวีอิ๋งอิ๋งเห็นว่าพวกเขาจะทะเลาะกันอีกแล้ว เลยปลีกตัวหนีออกมาก่อนโดยไม่ได้บอกเหยียนเฟิง
“นายมีอะไร” เหยียนเฟิงถามกลับไปอย่างยิ้มๆ สายตาเหลือบมองเห็นสวีอิ๋งอิ๋งเดินหลบออกไปแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเริ่มโจมตีหลี่หมิงฉวี
“เหยียนเค่อมีหุ้นของ YAN อยู่หกสิบเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้กำลังเปิดบริษัทสาขาใหม่ที่จิงตู แถมยังได้คนมีอำนาจอย่างเสิ่นมั่วหลีมาเป็นประธานบริษัท ธุรกิจของมันยังมี ซีเหยียน หลิวเหยียน ฮุยเถิง นายจะเอาอะไรไปเทียบกับมัน”
อีกความหมายหนึ่งของเหยียนเฟิงก็คือ ขนาดธุรกิจของตัวเองยังไม่มีเลยยังอย่างจะไปเปรียบเทียบกับราชาธุรกิจระดับประเทศ ไปเอาความกล้านี้มาจากไหน
หลี่หมิงฉวีได้ยินประโยคนี้ก็ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลเหยียนเป็นครั้งแรก
ทั้งๆที่สภาพแวดล้อมครอบครัวตอนเกิดมาไม่ต่างกัน เหยียนเค่อมีเขาก็มี แต่ทำไมตอนนี้เหยียนเค่อกลายเป็นแบบนั้น แล้วเขาถึงได้เป็นแบบนี้
หลี่หมิงฉวีรับรู้ได้ถึงการตักเตือนแต่ก็ยังคงปากแข็งอยู่ “อย่างนั้นนายที่เป็นพี่น้องกับเหยียนเค่อ นอกจากนายจะมีธุรกิจของตระกูลแล้ว นายมีอะไรอีกล่ะ”
“ทำไมพูดแบบนี้วะ” ไม่ต้องรอให้เหยียนเฟิงพูด เฉิงนั่วก็รีบหยุดหลี่หมิงฉวีไว้ก่อน ไอ้นี่ไม่มีสมองจริงๆ ถ้าเกิดเหยียนเฟิงจะคิดบัญชีขึ้นมาจริงๆ ตระกูลหลี่ได้เริ่มธุรกิจใหม่ตั้งแต่ต้นแน่ๆ หลี่หมิงฉวีช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ