ตอนที่ 494 หาข้ออ้าง / ตอนที่ 495 จะเห็นด้วยไหม

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 494 หาข้ออ้าง

 

 

“คุณมั่ว เพราะหาข้ออ้างให้ตัวเอง” ถังโจวโจวไม่เชื่อคำพูดของเขา ลั่วอิงเคยพูดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นอกจากนี้ก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขาด้วย เด็กจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เขาหาข้ออ้างให้ตัวเองมากกว่า

 

 

“ผมพูดจริงๆ นะ ถ้าถึงเวลาลั่วอิงอยากได้น้องสาวขึ้นมา พวกเราไม่สามารถมีให้ได้ แล้วพวกเราจะทำยังไง หรือไม่ก็…หรือไม่ก็ ต่อไปผมจะชดเชยให้คุณ” ลั่วเซ่าเชินพูดอย่างไร้เดียงสา แล้วถังโจวโจวจะจัดการเขาได้ยังไงกัน

 

 

“คุณจะชดเชยอะไรให้ฉัน คุณดูสิ ขนาดคุณยังรู้เลยว่าฉันเสียเปรียบ” ถังโจวโจวหน้ามุ่ย ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินอยู่ต่อหน้าเธอ เธอพูดอะไรเขาก็เชื่อฟัง ไม่อาจไปยั่วแหย่ภรรยาได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะถูกภรรยาไล่ให้ไปอยู่นอกห้องเป็นแน่

 

 

ลั่วเซ่าเชินคิดอยากจะอุ้มเสี่ยวอวี่แทนถังโจวโจว แต่มือของเขาโอบเธอเอาไว้ ลั่วเซ่าเชินจึงไม่มีโอกาสได้แตะตัวเสี่ยวอวี่ ลั่วเซ่าเชินทำได้แค่ลูบมือของตัวเองไปมา เขาหันหน้าไปหาถังโจวโจวก็ยังดูโกรธอยู่เหมือนก่อนหน้านี้ ภรรยาฉลาดมากไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหลอกเธอ

 

 

“คุณแอบบ่นอยู่ในใจใช่ไหม” ถังโจวโจวเห็นเขาก้มหน้า ไม่รู้ว่ากำลังพึมพำอะไรอยู่ รู้เลยว่าไม่ควรให้อภัยเขาเร็วเกินไป เพราะยิ่งทำให้เขาไม่จริงจังกับเรื่องที่เธอพูดเลย

 

 

ถ้าลั่วเซ่าเชินรู้ความคิดของถังโจวโจวในตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาจะน้อยใจจนร้องไห้เลยรึเปล่า ทั้งๆ ที่เขาพยายามอ่อนให้แล้วแท้ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้ครอบครัวรักสามัคคีกันแต่ทำไมในสายตาของถังโจวโจวกลับกลายเป็นว่าเขาแกล้งเธออย่างนั้นเล่า

 

 

ถังโจวโจวเองก็ไม่ได้ทะเลาะกับลั่วเซ่าเชินอีก อย่างไรก็ตามบัญชีนี้ครั้งนี้ได้บันทึกอยู่ในใจเธอแล้ว รอว่าจะเอาคืนลั่วเซ่าเชินเมื่อไหร่ก็เท่านั้น

 

 

ถังโจวโจวคิดเรื่องสำคัญขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง “เซ่าเซิน พวกเราต้องพาลั่วอิงไปเยี่ยมพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ไหม” ในเมื่อถังโจวโจวได้รู้แล้วว่าซูเสี่ยวคือพี่สาวของเธอก็ต้องยอมรับว่าเธอคือภรรยาของลั่วเซ่าอวี๋ไปด้วยโดยปริยาย ถึงแม้ว่าคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

 

 

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ถังโจวโจวก็คิดขึ้นมาได้ว่า ถึงแม้เธอจะไม่เคยเจอกับพี่สาวคนนี้ แต่เคยได้ฟังคุณแม่เล่าให้ฟัง ตอนเด็กๆ พี่สาวดีต่อเธอมาก และตอนที่เธอยังเด็กพี่สาวก็จะดูแลเธอเสมอ ถึงแม้ถังโจวโจวไม่มีความทรงจำในเรื่องนี้ แต่ยังมีความรู้สึกอยู่บ้าง

 

 

สิ่งที่เธอต้องการจะทำมาตลอด แต่น่าเสียดายที่คนกลับจากไปแล้ว สิ่งที่ถังโจวโจวอยากจะทำก็กลายเป็นเปล่าประโยชน์ ไม่สู้ตอบแทนให้ลั่วอิงแทนจะดีกว่า

 

 

แน่นอนว่าถังโจวโจวย่อมมองว่าลั่วอิงเป็นลูกของตัวเอง เพราะเด็กคนนั้นเป็นเด็กดีมาก ช่วงนี้เพราะมีเสี่ยวอวี่ทำให้เธอละเลยลั่วอิงไปไม่น้อย และเรื่องงานแต่งงานก็ยังยุ่งมากอีกด้วย ถึงแม้ว่าเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นพ่อและแม่ที่จัดการไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าค่อนข้างเหนื่อยอยู่

 

 

บางอย่างที่มองข้ามถังโจวโจวก็จะชดเชยให้ลั่วอิง เพียงแต่ ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ได้ทำความเข้าใจกับลูก ลั่วอิงก็ยิ่งเชื่อฟังขึ้น สามารถช่วยเหลือเธอได้หลายเรื่องแล้ว การบ้านในโรงเรียนก็ไม่เคยบกพร่อง ต่อไปเธอจะต้องเป็นพี่สาวที่ดีคนหนึ่งแน่

 

 

“ต้องไปแน่นอน นี่เป็นเรื่องใหญ่ของครอบครัวเรา ต้องไปบอกพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ ทางฝั่งพ่อกับแม่ผมก็จะต้องไปบอกด้วย จะได้ไม่ต้องละเลยลั่วอิงเพราะมีเสี่ยวอวี่ แบบนี้จะทำให้จิตใจของเด็กเจ็บปวดเปล่าๆ”

 

 

ลั่วเซ่าเชินอาจจะไม่พอใจกับท่าทีของพ่อแม่ เลี้ยงลั่วอิงมาตั้งหลายปี ทำไมลั่วอิงถึงไม่ได้รับการดูแลเหมือนเสี่ยวอวี่ ถึงแม้เสี่ยวอวี่เองเป็นลูกชายของเขา แต่ลั่วอิงก็เป็นลูกสาวของเขาเหมือนกัน เขาล้วนถือว่าทั้งสองคนเป็นลูกเหมือนกัน

 

 

ลั่วเซ่าเชินยังจำได้ตอนที่พาลั่วอิงกลับมาในตอนที่เธอยังเป็นทารกได้ ไม่นาน เธอก็โตแล้ว เพื่อปลอบใจพวกเขา เธอช่วยดูแลน้องชาย เธอเติบโตขึ้นทุกวัน ในใจลั่วเซ่าเชินเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ

 

 

เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงไม่เหมือนกัน เด็กผู้หญิงคือผ้าฝ้ายของพ่อแม่ และเมื่อได้รับการสิ่งสอนจากถังโจวโจว ลั่วอิงก็ทิ้งข้อบกพร่องที่ไม่ดีของตัวเองไปมากแล้ว ในสายตาลั่วเซ่าเชิน เธอก็เป็นเด็กดีมาตลอด

 

 

“ต้องบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยเหรอ”

 

 

ถังโจวโจวรู้สึกว่าถ้าพูดเรื่องของพี่สาวขึ้นมา คิดว่าคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วจะโกรธรึเปล่า ท้ายที่สุดพวกเขาอาจจะไม่ยอมรับพี่สาวเธอเป็นสะใภ้ ลูกชายไม่เคยได้รับอนุญาตเรื่องพี่สาวก่อนที่เขาจะตาย ก็ไม่รู้ว่าผ่านมาหลายปีขนาดนี้พวกเขารู้สึกผิดกันบ้างไหม

 

 

“แน่นอน ท้ายที่สุดลั่วอิงก็จะเป็นหลานสาวของตระกูล”

 

 

 

 

 

  ตอนที่ 495 จะเห็นด้วยไหม

 

 

ถังโจวโจวฟังความหมายในคำพูดของลั่วเซ่าเชินออก เขาอยากออกหน้าให้ลั่วอิงงั้นเหรอ แต่คุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่วล่ะจะเห็นด้วยกับเขาไหม ลึกๆ ในใจของถังโจวโจวยังสงสัยอยู่

 

 

“ดูเหมือนคุณจะไม่เชื่อผมนะ” ลั่วเซ่าเชินเห็นเธอหลบสายตาอยู่ตลอดเหมือนไม่กล้าเผชิญหน้าเขา เขาไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ นี่อาจจะเป็นภาวะวิกฤตที่ใหญ่มาก ในเมื่อภรรยาไม่เชื่อเขา เขาก็จะต้องพิสูจน์ให้เธอได้เห็น

 

 

“เปล่า…” พอเห็นสายตาจริงจังของลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจวก็เงียบไป ก็อาจจะมีบ้างแหละนะ

 

 

“ผมจะทำให้คุณได้เห็น ให้คุณได้เห็นว่าสุดท้ายแล้วผมจะสามารถทำให้พ่อแม่ยอมรับลั่วอิงได้ไหม”

 

 

“อืม อืม “ถังโจวโจวตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้

 

 

พอทางนี้มีกำลังใจที่ดี ทางนั้นก็พยักหน้า

 

 

ไม่ใช่ว่าถังโจวโจวไม่เชื่อลั่วเซ่าเชิน เพียงแต่ในสายตาของคุณพ่อลั่วคุณแม่ลั่ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าหลานชาย เมื่อก่อนไม่มีเสี่ยวอวี่ ในใจพวกเขาลั่วเซ่าเชินสำคัญที่สุด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องของเสี่ยวอวี่ พวกเขาจะทุ่มสุดตัว

 

 

“ได้ ขอแค่คุณทำได้ ฉันก็…”

 

 

“คุณก็จะอะไรเหรอ” ลั่วเซ่าเชินไม่คิดว่าจะยังมีเซอร์ไพรส์อะไรอีก หรือถังโจวโจวจะมีรางวัลอะไรให้เหรอ ให้เขาขอรางวัลเองได้ไหม เมื่อคิดถึงเรื่องที่ต้องการ มุมปากของลั่วเซ่าเชินก็ยกขึ้นสูง

 

 

“ก็จะจูบคุณสักครั้ง” เมื่อถังโจวโจวเห็นท่าทางตื่นเต้นของลั่วเซ่าเชินแล้ว จากเดิมทีที่คิดจะให้อะไรกับเขา แต่เมื่อเห็นสายตาร้ายกาจของเขาแล้วจึงเลิกล้มความคิดทันที และให้เพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

 

 

“แค่นี้เองเหรอ”

 

 

“ทำไม คุณไม่พอใจเหรอ” หมายความว่าจะเขาปฏิเสธเหรอ ในเมื่อปฎิเสธ อย่างนั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ให้อะไรเลย

 

 

“ไม่ใช่ไม่ใช่ แค่จูบก็ได้” ลั่วเซ่าเชินรู้สึกว่าเหมือนถังโจวโจวกำลังจะโกรธจึงโบกมือปฎิเสธทันทีก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยล่ะนะ

 

 

ลั่วอิงเห็นว่าห้องของลั่วเซ่าเชินไม่ได้ปิดประตูจึงตรงเข้ามาในห้อง และได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเล็กน้อย “พ่อคะ แม่คะ กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ จูบอะไรคะ”

 

 

ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าลูกสาวได้ยินที่เขาพูดก็กลัวว่าเธอจะคิดไปไกลจึงเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้พ่อบอกว่าวันนี้เสี่ยวอวี่เป็นเด็กดี ให้แม่หอมแก้มเขาหน่อย ใช่ อย่างนี้แหละ”

 

 

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่วันนี้หนูเองก็เป็นเด็กดี….” ประโยคหลังลั่วอิงพูดค่อนข้างเบา แต่ลั่วเซ่าเซินก็ยังได้ยินจึงมองไปทางถังโจวโจวทันที “โจวโจวในเมื่อให้รางวัลเสี่ยวอวี่แล้วก็ให้รางวัลลั่วอิงด้วยเถอะ ลูกทั้งสองจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน”

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว ลั่วอิง มาหาแม่เร็ว” ถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงตัวสูงจนถึงเอวเธอแล้ว เด็กเติบโตได้รวดเร็วโดยไม่รู้ตัว พริบตาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว

 

 

ลั่วอิงวิ่งเข้าไป ถังโจวโจวให้เสี่ยวอวี่ยืนพิงกำแพง เขาก็ยืนอย่างเชื่องฟังทันที ลั่วเซ่าเชินกลัวว่าเขาจะล้มลงกับพื้น ก็ไม่รู้ว่าลูกคนนี้เหมือนใครถึงขี้ขลาดแบบนี้

 

 

“จุ๊บ” ถังโจวโจวจูบลงบนหน้าผากลั่วอิง และถามลั่วอิงว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง นอนหลับสบายไหม เชื่อฟังผู้ใหญ่รึเปล่า

 

 

ท่าทางของลั่วอิงที่ดูเหมือนภาคภูมิใจขึ้นมา เธอบอกกับลั่วเซ่าเชินว่า เธอได้เรียนเต้นที่โรงเรียน รอให้ถึงตอนค่ำเธอจะเต้นให้ทุกคนในบ้านดู และช่วงนี้เธอตั้งใจเรียนวิชาเปียโนมา และเรียนรู้โน้ตเพลงได้ไม่น้อยแล้ว

 

 

ถังโจวโจวได้ฟังเรื่องราวว่าช่วงนี้ของเธอเรียนหนักขนาดนี้ก็อยากจะชื่นชมเธอทันที แต่เพื่อไม่ให้เธอเหลิง ถังโจวโจวจึงหยุดความคิดของตัวเองไว้ บอกให้เธอพยายามต่อไป

 

 

“แม่คะ ดูเหมือนน้องชายจะอยากให้แม่อุ้ม” ลั่วอิงเห็นเสี่ยวอวี่ให้มือดึงเสื้อถังโจวโจวแต่น่าเสียดายที่ร่างกายเขาเล็กมาก แขนก็สั้น หน้าเขาแดงด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

 

 

เมื่อถังโจวโจวเงยหน้าขึ้นมา ลั่วเซ่าเชินก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ถังโจวโจวพาลั่วอิงและเสี่ยวอวี่ลงชั้นล่าง ในสวนดอกไม่มีแสงแดดกำลังดี สามารถให้ลั่วอิงได้นั่งเล่นได้เธอให้เสี่ยวอวี่นั่งในอ้อมกอดเธอ เขามองดูพี่สาวและหัวเราะคิกคัก

 

 

และก็ไม่รู้ว่าเขากำลังมีความุขกับเรื่องอะไร เด็กคนนี้ใกล้จะขวบครึ่งแล้วก็ยังไม่ยอมพูดทำให้ทุกครั้งที่หลินเหยามาก็จะแกล้งเขา แต่เขาก็ไม่เคยพูดเลยสักครั้ง ตอนนี้ทำได้แค่เรียกพ่อกับแม่ ส่วนคนอื่นๆ ก็จ้องไปที่พวกเขาและหัวเราะเท่านั้น