โดยเฉพาะในวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ จะมีการเฉลิมฉลองกันทั้งอาณาจักรเป็นเวลาตลอดทั้งเดือน ในช่วงเวลานั้นไม่มีผู้ใดถูกบังคับให้ทำงาน และสามารถพูดคุยหัวเราะกันได้อย่างสนุกสนาน เหล่าพ่อค้าแม่ค้าจะขายสินค้าในราคาพิเศษ เพียงเดินไปตามบนท้องถนนพวกเขาก็จะเสนอสิ่งของจิปาถะหลายอย่างและของกินเล่นให้อย่างมากมาย ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากทั่วทั้งอาณาจักรผู้คนจะตกอยู่ในความรื่นรมย์ ดังนั้นอาจมีความเสี่ยงที่ผู้คนจะไม่สามารถหลุดออกไปจากความรื่นรมย์นั้นได้ แต่ทว่าประชาชนแห่งอาณาจักรมงกุกนั้นขยันและหมั่นเพียร ทุกคนต่างมีความสนุกสนานในการทำงาน และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน
หนึ่งสัปดาห์หลังจากวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิออฮยูลเจเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮวังฮู แทรยอง ในวันเฉลิมฉลองของจักรพรรดิและฮวังฮูมีการจัดงานสมโภชอย่างหรูหราและอลังการกว่าวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิคนอื่นๆ ภายในวันนั้นมีการเชื้อเชิญกษัตริย์ที่ปกครองเมืองย่อยจากพื้นที่ต่างๆ เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่มาจากสายเลือด ‘ตระกูลเดียวกัน’ มารวมตัวกันเพื่อจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองขึ้น และตั้งแต่ในวันถัดมาเป็นเวลาอีก 2 สัปดาห์ก็จะมีการต้อนรับขบวนผู้แทนพระองค์จากประเทศอื่นๆ
ปีนี้ออฮยูลเจมีอายุครบ 56 ปี เขาครองบัลลังก์มาเป็นเวลากว่า 20 ปี และใกล้จะ 30 ปีอีกไม่ช้า วันก่อนกโยซึลที่ใช้เวลาทั้งวันร่วมกับเหล่าเชื้อพระวงศ์จนดึกดื่น ได้ทรุดลงบนเบาะรองนั่ง สนมเอกซาที่นางนับถือเป็นมารดานั่งอยู่ตรงหน้า และพระชายารองกโยยองได้นั่งลงแล้วทอดสายตามายังท่าทางที่อ่อนล้าของกโยซึลด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กโยซึลผู้ซึ่งพบเจอเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่อาศัยอยู่ภายนอกพระราชวังเป็นครั้งแรกหลังจากได้รับตำแหน่งพระชายาฮวางแทจาก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการต้อนรับพวกเขามาตลอดทั้งวัน
“ดูท่าแล้วพระองค์คงจะเหนื่อยน่าดู คนเหล่านั้นมักริษยาคนที่มีชีวิตอยู่ในวังหลวงอยู่เสมอเพคะ”
สนมซาหันมาพูดกับกโยซึลพร้อมกับวางถ้วยชาลงบนโต๊ะน้ำชาอย่างสง่างาม กโยยองส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อยและลูบไปที่มือของกโยซึล
“อย่าได้ท้อพระทัยไปเลยเพคะ ท่าทางเหนื่อยล้านั้นดูไม่สมกับพระชายา กโยซึลเอาเสียเลย พระองค์คงไม่ยินดีกับการต้อนรับเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่พบปะเป็นครั้งแรกใช่หรือไม่เพคะ”
“ใช่แล้ว เรายังไม่คุ้นชินกับคำถามที่สาดเทราวกับโจมตีเหล่านั้น ในคราแรก กโยยองเองก็เป็นเช่นนี้หรือ”
กโยซึลเรียกกโยยองด้วยนามที่ไม่เป็นทางการมากนักอย่างออดอ้อน กโยยองจ้องมองนางอย่างด้วยรอยยิ้มเอ็นดูและรับคำบ่นพึมพำ สนมซาเองก็เอ่ยนามของกโยยองอย่างสบายๆ เช่นเดียวกับกโยซึล ดังนั้นจึงดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดูแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่ากโยซึลใช้เวลาในพระราชวังมกกุกมาได้นานแล้ว
กโยยองหยิบขนมหนึ่งชิ้นป้อนให้กับกโยซึลพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยและตอบเบาๆ ว่า
“ในตอนที่หม่อมฉันเข้าพบเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ที่อาศัยอยู่ภายนอกพระราชวังในคราแรกมันก็ยากจะทนไหว ทว่าโชคดีแค่ไหนกันที่หม่อมฉันเป็นชายารองจึงไม่ได้ร้ายแรงเท่ากับพระชายากโยซึล ถ้าหากว่าพวกเขาวิ่งเข้าหาหม่อมฉันเหมือนกับพระชายากโยซึลในวันก่อนหน้านี้ หม่อมฉันก็อาจจะนอนซมอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยทีเดียวเพคะ”
เป็นคำพูดสุภาพที่แฝงไปด้วยความตลกขบขัน จากการแสดงออกเกินจริงของกโยยองก็สามารถคาดเดาได้เลยว่ากโยซึลได้รับความลำบากใจจากเหล่าเชื้อพระวงศ์มากเพียงใด
“อย่างไรก็ตามพระองค์ควรพักเอาแรงก่อนเสียเถิด ราวๆ หลังเพลาเสวยพระกระยาหาร ทูตแทนพระองค์จากจักรวรรดิอึลยองกุกจะเดินทางมาถึง”
เมื่อได้ฟังคำพูดของสนมซาแล้ว กโยซึลก็ลุกยืนขึ้น และตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง
“ต้องต้อนรับขบวนคณะทูตแทนพระองค์อีกหรือเพคะ”
ช่างเป็นภาพที่น่าขบขันอะไรเยี่ยงนี้ ทั้งสนมซาและกโยยองต่างก็หัวเราะออกมาอย่างไม่อาจอดกลั้นและไม่รู้วิธีที่จะหยุด ในตอนที่กโยซึลหน้าแดงด้วยความเขินอาย สนมซาที่จวนจะหยุดหัวเราะยกชาขึ้นมาจิบแล้วตอบกลับไปว่า
“แม้ไม่รู้ว่าประเทศอื่นๆ เป็นเช่นไร ทว่าอึลยองกุกนั้นเป็นจักรวรรดิ ดังนั้นทั้งสองพระองค์และผู้ที่อยู่ในพระราชวังทุกหนแห่งจะต้องให้การต้อนรับ แม่จะไปรอกโยซึลอยู่ที่นั่น เชิญไปพร้อมกับชายารองเถิด”
เป็นสนมซาที่เรียกตนเองว่า แม่ อย่างสบายๆ ราวกับเป็นมารดาแท้ๆ กโยซึลถอนหายใจออกมาและลู่ไหล่ลงพร้อมกับเบะปากราวกับจะร้องไห้ให้กับคำพูดนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดกโยยองถึงสวมเครื่องแต่งกายที่หรูหรากว่าปกติ นางคงไม่ใช่แค่มาแจกจ่ายอาหารว่างเป็นแน่
“กโยยองเตรียมการต้อนรับคณะทูตผู้แทนทั้งหมดแล้วหรือ”
“เตรียมแล้วเพคะ พระชายากโยซึลเองก็ควรเรียกข้ารับใช้ และเตรียมพร้อมได้แล้วนะเพคะ”
“ทราบแล้ว”
กโยซึลผงกหัวอย่างช่วยไม่ได้กับการเร่งเร้าของสนมซาและกโยยอง ทันใดนั้นเองประตูก็ถูกเปิดพร้อมกับแม่นมได้เข้ามาอย่างอึกทึกครึกโครม
“พระชายาเพคะ!”
“เรารู้แล้วแม่นม เราต้องเตรียมตัวใช่หรือไม่ เชิญเข้ามาเลย”
เมื่อครู่กโยซึลได้ฟังความจากสนมซาและกโยยองแล้ว จึงลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ทว่าแม่นมกลับงุนงงกับท่าทีของกโยซึล
“หมายความว่าอย่างไรเพคะ”
“ตอนนี้เราต้องแต่งตัวเพื่อต้อนรับทูตแทนพระองค์จากอึลยองกุกไม่ใช่หรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นเพคะพระชายา!”
เมื่อแม่นมบอกว่าไม่ใช่เช่นนั้น แน่นอนว่าทั้งกโยซึล สนมซาและกโยยองต่างก็หันไปหาแม่นม ในขณะที่ถูกทั้งสามจ้องมานั้นแม่นมหยุดลมหายใจไปชั่วขณะแล้วคว้ามือทั้งสองข้างของกโยซึลมาจับไว้แน่น แก้มที่เป็นสีแดงทั้งสองข้างแสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นของแม่นม
“พระชายา! มาแน่ๆ เพคะ ครั้งนี้มาในฐานะคณะทูตผู้แทนเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของ
องค์จักรพรรดิเพคะ!”
“ผ ผู้ใดหรือ”
เสียงลุกลี้ลุกลนของแม่นมที่เอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมา กโยซึลจึงถามออกไปอย่างงุนงง
“ฝ่าบาทเพคะ องค์รัชทายาทมินกุงจะเสด็จมาที่มกกุกในฐานะทูตจากอาณาจักรฮวากุกเพคะ!”
องค์รัชทายาทมินกุง องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรฮวากุก เป็นคำพูดที่กล่าวถึงองค์รัชทายาทมินกุง แม้ว่าจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ทว่าเขาเป็นพี่ชายของกโยซึล ผู้ที่รักและเอ็นดูน้องสาวเพียงคนเดียวของเขามากกว่าพี่น้องคนอื่นๆ ที่เกิดจากบิดามารดาเดียวกันเสียอีก