“หลับสบายดีหรือไม่”
เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลยว่า พอลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วจะได้เห็นรูแฮนอนอยู่ข้างๆ และเริ่มต้นวันใหม่ด้วยคำทักทายที่อ่อนโยนของเขา ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนนี้อัดแน่นอยู่ที่ปลายจมูกจนอยากจะร้องไห้ออกมา
“เราหลับสบายดี แล้วรูแฮล่ะ หลับสบายดีหรือไม่”
“เป็นเพราะเจ้า ข้าจึงหลับได้อย่างเต็มอิ่ม”
รูแฮดึงแขนของตัวเองเข้ามาหาตัว เขาใช้แขนของเขาเป็นหมอนให้แก่กโยซึลตลอดทั้งคืน และกระชับอ้อมแขนให้นางมาแนบชิดที่แผ่นอก
เป็นท่าทางที่ใกล้ชิดและมั่นคงดีเสียจริง
นิ้วมือของกโยซึลที่ลืมความเขินอายกับเรื่องเมื่อคืนวานหยอกล้อกับแผ่นอกของรูแฮ รูแฮที่โอบกอด
กโยซึลด้วยแขนเพียงข้างเดียวลูบไล้ที่ไหล่ของนาง ช่วงเวลาของการตื่นนอนเป็นช่วงเวลาที่พิเศษที่ได้สัมผัสคนรักที่นอนอยู่เคียงข้าง แล้วก็ไม่จำเป็นต้องตื่นและเริ่มต้นวันใหม่ในทันที ไม่สิ อะไรก็ดีทั้งนั้น
แค่รู้ว่ามีคนรักอยู่เคียงข้างก็เพียงพอแล้ว
กโยซึลและรูแฮนอนกลิ้งไปมาบนเตียงตลอดทั้งวัน เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ เพียงแค่สบตาก็รู้สึกถึงอ้อมกอด เพียงแค่ได้กลิ่นกายเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แม่นมวางสำรับอาหารไว้ที่หน้าประตูห้องพอดิบพอดีกับเวลามื้ออาหาร ซึ่งปริมาณอาหารนั้นก็มากกว่าปกติ แม้ไม่ได้พูดคุยกับแม่นม ทว่ากโยซึลและแม่นมต่างก็รู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของรูแฮ
“รูแฮอยู่ได้นานแค่ไหนหรือ”
กโยซึลถามขึ้นมาในขณะที่ทั้งสองกำลังจ้องมองภาพที่เหนื่อยล้าของกันและกันถึงรุ่งสาง มือของรูแฮที่ลูบเส้นผมของนางหยุดชะงักลง กโยซึลรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ช่วงเวลาที่เหมือนกับความฝันนั้นคือความฝันจริงๆ และตอนนี้จะต้องกลับมาสู่ความเป็นจริงแล้ว
รูแฮโอบแก้มของกโยซึล เป็นสัมผัสที่ระมัดระวัง แฝงไปด้วยความเศร้า และเป็นสัมผัสของรูแฮที่อยากจะหลีกเลี่ยงมาตลอดทั้งวัน
“ความจริงข้าต้องกลับไปยังพระราชวังเพื่อสะสางกิจอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ การสอบในรอบแรกที่จะจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้จึงถูกเลื่อนออกไปอีกหนึ่งเดือน”
“เราทราบแล้ว” กโยซึลวางมือไว้บนมือของรูแฮ มือของนางเย็นเฉียบ แม้จะพูดว่าไม่เป็นไรแต่ลำคอของนางนั้นกลับตีบตัน “เราทราบดีว่ารูแฮมักจะยุ่งกับงานราชการอยู่เสมอ”
“ขออภัยที่ทำให้เจ้าต้องรู้สึกอยู่เช่นนั้นเสมอ”
รูแฮเข้ากอดกโยซึล เขาดึงนางเข้าหาอย่างสุดแรง แล้วโอบกอดไว้เต็มอ้อมแขน ไม่ว่าจะโอบกอดมากเพียงใดก็ยังไม่เพียงพอ ช่างน่าเสียดายนัก แต่เหนือสิ่งอื่นใดแล้วเขาไม่ชอบที่ทำให้นางต้องรอคอย ไม่ต้องการที่จะได้รับการจดจำว่าเป็นคนที่ไม่มีเวลาสำหรับนาง แต่มันก็ไม่เป็นไปตามที่คิด ยิ่งเป็นความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว มันยิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
มันเป็นหนึ่งวันที่มีความสุข เป็นของขวัญที่ไม่คาดคิด ฉะนั้นจึงเป็นวันที่แสนมีค่ายิ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง เมื่อตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า รูแฮจึงหลบออกไปจากตำหนักกงรีมกเหมือนกับตอนที่เขามา ในวันนั้นกโยซึลบอกแม่นมว่าจะทำความสะอาดตำหนักกงรีมกและกลับไปยังพระราชวังหลวง แม่นมจึงเตรียมพร้อมในทันทีและเสร็จสิ้นการเตรียมพร้อมทั้งหมดในช่วงเที่ยงวัน
“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี ขอพระชายาฮวางแทจาทรงมีแต่ความสุขเกษมสำราญ”
ระหว่างเดินทางออกจากตำหนักกงรีมก เหล่าข้าราชบริพารมาก็รวมตัวกันเพื่อรับส่งกโยซึล นางรับคำคารวะของข้ารับใช้ที่ตั้งแถวเป็นแนวยาวบริเวณลานหน้าตำหนักจากนั้นก็ขึ้นไปบนเกี้ยว หลังจากที่ประตูถูกปิดลง เหล่าข้ารับใช้ทั้งหลายต่างกระซิบกระซาบกัน
“หลังจากองค์ฮวางแทจาเสด็จเดินทางกลับไป พระชายาฮวางแทจาก็ทรงโดดเดี่ยวเสมอมา หากทั้งสองพระองค์เสด็จกลับไปที่วังหลวงและพบเจอกันอีกคงจะดีไม่น้อย”
“ที่ผ่านมาพระชายาจะทรงอยากเสด็จกลับวังหลวงมากเพียงใดกันนะ”
“น่าอิจฉาจัง”
แม้แต่ภายในเกี้ยวก็ยังได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของข้าราชบริพาร กโยซึลเมื่อฟังการคาดเดาอย่างผิดๆ เหล่านี้แล้วก็รู้สึกโกรธขึ้นมา สำหรับกโยซึลแล้วเรื่องสนุกสนานของคนเหล่านั้น แม้จะเป็นเรื่องที่ดีต่อ ‘พระชายาฮวางแทจา’ ทว่านางกลับรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถเปิดเผยความจริงและโต้แย้งได้ ซึ่งก็เป็นความจริงที่จะต้องซ่อนเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครจับได้
เกี้ยวที่กโยซึลนั่งได้ออกเดินทางออกจากตำหนักกงรีมกไปอย่างช้าๆ กโยซึลที่อยู่ในเกี้ยวที่โคลงเคลงไปมาก็นึกถึงรูแฮที่หลบออกจากตำหนักกงรีมกในตอนรุ่งสางและขี่ม้าผ่านถนนเส้นนี้ไปก่อนหน้านี้
นับจากนี้จะได้พบกันที่พระราชวังหลวงอีกทีสินะ
นางปรารถนาที่จะพบเขาอีก แต่ในมุมหนึ่งก็เป็นการพบกันอย่างต้องหลบๆ ซ่อนๆ กโยซึลเปิดหน้าต่างบานเล็กแล้วยื่นหน้าออกไปมองด้านหลัง ตำหนักกงรีมกอยู่ห่างไกลออกไปเพียงเล็กน้อย ช่วงเวลาที่ใช้อยู่ในตำหนักกงรีมกนั้นดูเหมือนจะเลือนรางราวกับตำหนักกงรีมกที่เล็กลงเรื่อยๆ
รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนักที่ต้องลาจากกับความฝัน
***
วันหนึ่งในช่วงกลางเดือนของฤดูใบไม้ร่วงที่ลมพัดมาอย่างเย็นยะเยือก
ปู๊น ปู๊น ปู๊น ปู๊น…
บุรุษสามคนถือแตรหอยสังข์ที่มีขนาดใหญ่ราวเด็กอายุสิบขวบ หนึ่งในสามคนในนั้นเป่าลมออกมาอย่างสุดแรง เสียงสะท้อนที่ดังก้องกังวานและนุ่มนวลเพียงพอที่จะแผ่ขยายออกไปทั่วป่าเขาลำเนาไพร ภายนอกพระราชวังมีราษฎรมารวมตัวกันละส่งเสียงร้องด้วยความยินดีต่อเสียงแตรหอยสังข์ที่ดังก้องกังวานอยู่บริเวณทางเข้าพระราชวัง ราษฎรที่รู้สึกปีติยินดีต่างหมอบราบกับพื้นอย่างพร้อมเพรียง และร้องตะโกนออกมาอย่างกึกก้องที่สุดเท่าที่ตนเองจะสามารถทำได้
“ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายราชดุดีแด่วันคล้ายวันพระราชสมภพองค์จักรพรรดิ!”
“ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี ถวายราชดุดีแด่วันคล้ายวันพระราชสมภพฮวังฮู!”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี!”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี!”
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!”
วันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังใกล้เข้ามา เป็นวันคล้ายวันเกิดของออฮยูลเจและฮวังฮู แทรยอง อาณาจักรมงกุกมีวันชาติสองวันที่กำหนดไว้อย่างแน่นอนและวันชาติที่ถูกเปลี่ยนแปลงอีกสามวัน
มกดึงชอนจอล เป็นวันก่อตั้งอาณาจักรมงกุก ถูกกำหนดให้เป็นวันชาติวันแรก และวันคล้ายวันพระราชสมภพของมหาจักรพรรดิซองเซชอนผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นจักพรรดิที่มาจากสรวงสรรค์ และเป็นบุคคลที่ทำให้อาณาจักรมงกุกเป็นอาณาที่ยิ่งใหญ่ที่มีแต่ความสงบสุข ถูกกำหนดให้เป็นวันชาติวันที่สอง และวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ จักรพรรดินี มกุฎราชกุมารเป็นวันชาติที่ถูกเปลี่ยนแปลง