ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 431 การออกกำลังกายหลังอาหารของพ่านพ่าน

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ร่างแสงของม้าสามหัวเหยียบย่ำอยู่กลางอากาศ พุ่งเข้ามาหาพวกเยี่ยนจ้าวเกอ

กลับเป็นองค์ราชาแห่งประเทศฟู่หรานที่ถูกรบกวนขณะกำลังเข้าฌาน เขาจึงออกฌานมาลงมือ เปิดใช้ค่ายกลของเมืองสินธุเสถียร

องค์รัชทายาทแห่งจื่ออวี๋เห็นดังนั้น เขาก็รู้สึกหวาดหวั่น ‘นี่แตกต่างกับกระบวนทัพ เป็นค่ายกลที่ใช้ประโยชน์ทางภูมิศาสตร์ คิดไม่ถึงว่าประเทศฟู่หรานจะซ่อนความสามารถนี้เอาไว้!’

‘ถ้าหากประเทศจื่ออวี๋ของเราโจมตีประเทศฟู่หราน ฟู่หรานรักษาความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ไว้ได้ ก็ยากจะทำลายเมืองสินธุเสถียร’

‘ครั้งนี้ไม่เสียทีที่ได้มาจริงๆ!’

เขาคิดในใจ จากนั้นก็พลันเห็นประกายดาบอ่อนจางสายหนึ่งพุ่งออกมาจากในห้องที่ลอยอยู่กลางอากา

ประกายดาบอ่อนจางตั้งขึ้นเหนือต้นคอของม้า ทำให้มันส่งเสียงร้องโหยหวนในทันที

พายุสีดำที่ครอบคลุมห้องโถงอยู่ขยายใหญ่ขึ้น ประกายดายอ่อนจางนั้นหายเข้าไปในพายุ ทั้งสองสิ่งผสานกันอย่างน่าอัศจรรย์

พายุสีดำรุนแรงกว่าเดิม คล้ายกับได้พลังมาจากประกายดาบนั้น

“เจ้าโจรชั่วบังอาจ!” ท่ามกลางเสียงตะโกนขององค์ราชาแห่งฟู่หราน ศีรษะทั้งสามของม้าตัวนั้นร้องขึ้นพร้อมกัน พ่นไฟออกมาอย่างพรักพร้อม

ไฟโหมต้านพายุสีดำ กลายเป็นทะเลเพลิงครอบคลุมท้องฟ้า คิดปิดล้อมห้องโถงเอาไว้

ในห้องนั้น อาหู่พลันเกาต้นคอ หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “เอ่อ…คุณชาย ดูเหมือนต้องทิ้งห้องเสียแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอเหลือบมองเขา “เมื่อครู่เจ้าวางท่าน่าดูมิใช่หรือ”

อาหู่ยิ้มซึ่ง “นี่เพราะอยากเลียนเบบคุณชายท่าน”

“ข้ามีนิสัยเช่นนั้นหรืออย่างไร” เยี่ยนจ้าวเกอบีบขมับของตนเอง เขาเห็นว่านอกจาหลงเอ๋อร์ที่ไม่มีปฏิกิริยาใดแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และสวีเฟยล้วนมองเขา ทั้งยังพยักหน้าพร้อมกันอย่างจริงจัง

ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็กล่าวว่า “ในเมื่อลอยมาแล้ว ครั้งนี้ทำลายห้องอีก แล้วจะทำอย่างไรต่อไป”

เขานั่งนิ่งบนเก้าอี้ไม่ไหวติง ก่อนจะปรบมือทั้งสองข้างเบาๆ

ถุงย่อส่วนเปิดออกทันที กระบองสั้นทำจากหินลอยออกมา แล้วขยายใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตา กลายเป็นเสาระเบียงวังเทพ

เสาระเบียงวังเทพควบคุมขนาดของตัวเองให้สูงเท่าเพดานห้องอย่างพอดิบพอดี จากนั้นก็ค่อยๆ รวมกับห้องโถง กลายเป็นเสาค้ำเพดาน

โครงสร้างของห้องที่ถูกอาหู่ยกขึ้นมาสั่นไหวแทบจะพลังทลาย จนเขาต้องใช้ปราณจิตราประคับประคองไว้ มันพลันมั่นคงขึ้นในชั่วอึดใจ และปล่อยพลังงานที่มิอาจสั่นคลอนออกมา

แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

“ชนตรงๆ ไปเลย” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ ก่อนจะยกมือขวาของตัวเองขึ้น ขยับมือชี้นิ้วไปด้านหน้า

“รับทราบขอรับคุณชาย” อาหู่แยกเขี้ยวหัวเราะอย่างเริงร่า

ในวินาทีถัดมา พายุสีดำก็ม้วนดาบที่ปรากฏประกายแสงใส อันเป็นอาวุธวิญญาณชั้นกลาง รวมกับห้องโถงที่ทุกคนอยู่ ให้พุ่งชนใส่ร่างม้าสามหัวขนาดใหญ่ตัวนั้นอย่างสะเทือนเลือนลั่น!

ม้าสามหัวที่มีขนาดใหญ่มโหฬารถูกชนแหลก!

พายุสีดำหมุนอย่างรุนแรง แต่ว่าห้องโถงในพายุกลับตั้งอยู่อย่างโดดเด่น ลอยกลางอากาศอย่างมั่นคง โดยไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย!

เฟิงอวิ๋นเซิงรับรู้ถึงคลื่นพลังงานในตอนที่ชนอย่างเงียบๆ แยกแยกความแข็งแกร่งของค่ายกลที่อีกฝ่ายใช้ออก “ก็ไม่เห็นว่าจะดีเลิศสักเท่าไรเลย”

เยี่ยนจ้าเวกอกล่าวเรียบๆ “คนในโลกลอยน้ำถนัดใช้กระบวนทัพมากกว่า การวางค่ายกลโดยอาศัยความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์มิใช่สิ่งที่พวกเขาถนัด”

“แน่นอนว่านี่เป็นการประเมินจากคนที่อยู่ในมหาอำนาจแปดพิภพอย่างพวกเรา ถ้าหากใช้รับมือกับคนอื่นในโลกลอยน้ำ ก็เหมือนกับคัดเลือกแม่ทัพในเหล่าคนตัวเตี้ย[1] บางทีอาจจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างหนึ่ง”

ขณะที่มองร่างม้าสามหัวถูกทำลาย องค์รัชทายาทแห่งฟู่หรานและผู้บัญชาการทัพง้าวแดงเหลียงฮั่นล้วนตกตะลึง

จิตใจของผู้อาวุโสหรงและองค์รัชทายาทแห่งจื่ออวี๋ล้วนเคร่งขรึม

เหนือพระราชวังที่อยู่ไกลออกไป ร่างของบุรุษวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมมังกรปรากฏขึ้น สายตาจ้องมองพายุสีดำเขม็ง

เขาแค่นหัวเราะ ก่อนจะประกบสองมือ จากนั้นก็ตบออกไปที่พระราชวังด้านล่าง

เหลียงฮั่นเห็นดังนั้น พลันตื่นตระหนก “อย่านะฝ่าบาท!”

สีหน้าขององค์รัชทายาทแห่งฟู่หรานพลันเปลี่ยนแปลง “เสด็จพ่อ?!”

พระราชวังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงคำรามอันแจ่มชัดเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นก็เห็นม้าสามหัวตัวจริงควบออกมาท่ามกลางแสงสว่างไร้สิ้นสุด!

ม้าพยศสามหัวตัวนี้สูงสิบจั้ง ศีรษะทุกข้างมีขนาดเท่าห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ในดวงตาขนาดใหญ่เต็มไปด้วยประกายแวววาว

มันควบตะบึงมาอย่างดุดัน ก่อให้เกิดคลื่นไฟลุกไหม้ ขณะที่ควบกีบเท้า แผ่นดินรอบๆ ก็สั่นสะเทือน

“อาชาเพลิงพยศสามหัว!” องค์รัชทายาทแห่งจื่ออวี๋สูดลมหายใจเย็นเยือก ‘ปล่อยสัตว์คุ้มครองประเทศออกมาง่ายดายเช่นนี้ คิดจะจับกลับไปคงยากแล้ว ฟู่หรานยินยอมใช้กำลังทั้งหมดที่มี ไม่กลัวว่าเมืองสินธุเสถียรจะถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งหรือเลย’

ผู้อาวุโสหรงแห่งสำนักเมฆาโลหิตเห็นดังนั้น ก็เหาะร่างขึ้นไล่ตามพวกเยี่ยนจ้าวเกอไปเช่นกัน

อาชาเพลิงพยศขนาดยักษ์ตัวนั้นควบเท้าตะบึงตลอดทาง

ค่ายกลปกป้องเมืองสินธุเสถียรสว่างไสว ลายแสงหลายสายแผ่กระจายทั่วคูเมือง ร่างแสงของม้าสามหัวปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ค่อยๆ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับอาชาเพลิงพยศตัวจริง

อาชาเพลิงพยศที่ได้รับการเสริมพลังจากค่ายกล ยิ่งมีความเร็วเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเท่าหนึ่ง

ลายแสงสว่างวาบ แทบจะยังให้เกิดผลเคลื่อนย้ายผ่านมิติ ทำให้อาชาเพลิงพยศเข้าใกล้พายุสีดำได้อย่างรวดเร็ว

อาชาเพลิงพยศเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับพายุ แต่จู่ๆ ก็หยุดนิ่งยืนอยู่กับที่ ร่างกายเปลี่ยนเป็นยืนเหมือนคน

มันชูขาหน้าขึ้นสูง จากนั้นก็กระทืบใส่พวกเยี่ยนจ้าวเกอราวกับภูเขาไท่ซานกดทับศีรษะ

ในห้องพัก เยี่ยนจ้าวเกอแค่นหัวเราะ ก่อนที่เขาคว้าพ่านพ่านมาจากอ้อมอกของเฟิงอวิ๋นเซิง

พ่านพ่านกะพริบตาปริบๆ สีหน้าของมันงงงวยทีเดียว

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ทั้งวันเอาแต่กิน เอาแต่เกียจคร้าน ยังไม่รู้อีกหรือว่าช่วงนี้ตัวเจ้าอ้วนขึ้น ไปออกกำลังกายหลังอาหารสักหน่อยเถอะ”

ขณะพูด ชายหนุ่มก็โยนพ่านพ่านออกไปด้านนอกห้องโถง

เกาฟ่างกับบัณฑิตวัยกลางคนเห็นดังนั้นล้วนตกตะลึง ‘ปี่เซียะภูเขาตัวนี้แม้จะมีระดับชั้นไม่ธรรมดา แต่ก็เป็นแค่ตัวอ่อนเท่านั้น จะสู้กับอาชาเพลิงพยศที่เป็นสัตว์ปีศาจชั้นสูงสุดของสามชั้นสูงด้วยตัวเองได้อย่างไร นี่เป็นการไปตายชัดๆ’

แต่ต่อจากนั้น ดวงตาของพวกเขาก็เกือบจะถลนออกมาจากเบ้า

พ่านพ่านที่ลอยออกไปด้านนอก เมื่อเทียบกับอาชาเพลิงพยศแล้ว มันมีขนาดเล็กเหมือนกับฝุ่น รู้สึกว่าแสงเบื้องหน้ามืดลง เงาขนาดใหญ่บดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์

มันเงยหน้าไปมอง เห็นขาหน้าทั้งสองข้างของอาชาเพลิงพยศกดลงเหมือนภูเขา

พ่านพ่านที่ก่อนหน้านี้ยังมีหน้าตาน่ารักพลันคำรามขึ้น เสียงของมันกลบอาชาตัวนั้นเอาไว้ในชั่วพริบตา

ร่างกายของพ่านพ่านขยายใหญ่ขึ้นเหมือนถูกเป่าลม จากขนาดเล็กลายเป็นขนาดปกติ จากนั้นก็ใหญ่ขึ้นอีกขั้น!

ในชั่วอึดใจนั้น พ่านพ่านยืนขึ้นเหมือนคน ร่างกายสูงหลายสิบจั้ง ถึงแม้จะยังเล็กกว่าอาชาเพลิงพยศ แต่พลังอันยิ่งใหญ่กลับให้ความรู้สึกว่ามันแข็งแกร่งกว่า

ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงพรึงเพริดของพวกองค์ราชาแห่งประเทศฟู่หราน พ่านพ่านยกขาหน้าขึ้นยันกีบเท้าทั้งสองที่อาชาเพลิงพยศกระทืบลงมาเหมือนกับราชันสวรรค์ยกหอคอย

ร่างกายของสัตว์ปีศาจที่ใหญ่โตทั้งสองหยุดนิ่งลง ขาหลังทั้งสองของพ่านพ่านเหยียบพื้นด้านล่างจมลงลึก

แต่ในวินาทีถัดมา เห็นพ่านพ่านก็ยกอาชาเพลิงพยศที่ขาหน้าลอยค้างอยู่กลางอากาศให้ล้มลงกับพื้น!

พ่านพ่านในตอนนี้ดุร้ายยิ่งกว่าสัตว์ที่บ้าคลั่งที่สุดเสียอีก

มันก้าวไปด้านหน้าพร้อมกับร้องคำราม เหวี่ยงขาขนาดยักษ์ฟาดศีรษะของอาชาเพลิงพยศสามตัวกระเด็น!

……………………………………….

[1] คัดเลือกแม่ทัพในเหล่าคนตัวเตี้ย สุภาษิตจีน หมายถึง เป็นสิ่งที่โดดเด่นท่ามกลางสิ่งของธรรมดา