บทที่ 1470 ตั้งใจทำธุรกิจ

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

‘แม้เจตจำนงสวรรค์จะต้องการกำจัดข้าและยกระดับภัยพิบัติสวรรค์จนถึงขีดสุด แต่มันยังไม่สามารถทำสิ่งใด’

 

ภัยพิบัติไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับฟางหยวนอีกต่อไป

 

เขาเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอและมีไพ่ตายอยู่ในมือมากมาย

 

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆเฝ้ามองการแสดงเดี่ยวของฟางหยวนและจบลงด้วยความตกตะลึงโดยไม่ได้ทำประโยชน์ใด

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดต้องผ่านภัยพิบัติพิภพยี่สิบสี่ครั้ง ภัยพิบัติสวรรค์สามครั้ง และภัยพิบัติใหญ่สามครั้ง

 

ฟางหยวนรอให้สัตว์อสูรทั้งห้าเติบโตขึ้นจนถึงขีดสุดเพื่อทดสอบขีดจำกัดของภัยพิบัติสวรรค์ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าภัยพิบัติสวรรค์ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไป ภัยพิบัติพิภพยิ่งอ่อนแอกว่า มีเพียงภัยพิบัติใหญ่ที่ยังไม่แน่ชัด

 

การบ่มเพาะระดับเจ็ดของฟางหยวนได้รับมาจากการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสวรรค์ระดับเจ็ด

 

ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพิษจำนวนมากจากภัยพิบัติสวรรค์ครั้งนี้

 

แต่กำไรนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

 

ประการแรก เขาไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพิษ ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งพิษของเขาก็ค่อนข้างต่ำ เขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งพิษเพียงดวงเดียว นั่นคือวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงาม

 

เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงสวรรค์จงใจเลือกเส้นทางแห่งพิษเพื่อกีดขวางการเติบโตของฟางหยวน

 

‘ครั้งต่อไปที่ข้าเผชิญหน้ากับภัยพิบัติสวรรค์ เจตจำนงสวรรค์อาจลดพลังอำนาจของภัยพิบัติลงจนถึงจุดต่ำสุด’

 

ฟางหยวนสามารถคาดเดาได้โดยไม่ต้องคิดมาก

 

เมื่อเจตจำนงสวรรค์ตระหนักว่าภัยพิบัติสวรรค์ไม่สามารถกำจัดฟางหยวน มันจะไม่เพิ่มพลังอำนาจของภัยพิบัติสวรรค์อีก เพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะทำให้ฟางหยวนแข็งแกร่งขึ้น มันไม่มีประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น

 

‘นี่หมายความว่าข้าจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมากเมื่อข้าก้าวข้ามภัยพิบัติ การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะของข้า’ ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้

 

การกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นข้อได้เปรียบของร่างทารกอมตะ แต่ตอนนี้เขาไม่มีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและเนื่องจากฟางหยวนกำลังบ่มเพาะอยู่อย่างสันโดษ เขาไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น

 

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ในช่วงเวลาดังกล่าวฟางหยวนก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพอีกหนึ่งครั้งและได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าน้อยมาก

 

แต่ในแง่มุนอื่น ฟางหยวนพัฒนาไปไกลมาก เขามีกำไรมหาศาล

 

ด้านจิตวิญญาณ รากฐานของเขามาถึงระดับห้าสิบล้านคน

 

สิ่งสำคัญที่สุดคืออาภรณ์วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น

 

ไห่ลั่วหลันสามารถปรับแต่งดวงดาวได้ตามเป้าหมาย ฟางหยวนสามารถใช้ดวงดาวเหล่านี้ตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ

 

การพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิขั้นพื้นต้นเสร็จสิ้นลงแล้ว

 

เขาใช้หินวิญญาณอมตะเกือบทั้งหมดที่มีรวมถึงของขวัญจากเผ่ามนุษย์หิมะ

 

การพัฒนามิติช่องว่างมีเจ็ดขั้นตอน

 

ขั้นตอนแรกคือสร้างทรัพยากรระดับมนุษย์

 

ขั้นตอนที่สองคือสร้างทรัพยากรอมตะเพื่อหล่อเลี้ยงวิญญาณอมตะ

 

ขั้นตอนที่สามคือการเลี้ยงและผลิตสัตว์อสูรหรือพืชอสูรรวมถึงการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์

 

ขั้นตอนที่สี่คือการผลิตทรัพยากรอมตะเพื่อการค้าและทำกำไรจากภายนอก

 

…..

 

ฟางหยวนข้ามไปยังขั้นตอนที่สี่แต่เขายังวางขาข้างหนึ่งไว้ในขั้นตอนที่สอง

 

เมื่อขั้นตอนที่สองสำเร็จ ขาข้างนั้นจะก้าวเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม

 

ขั้นตอนที่สามคือการเลี้ยงและผลิตสัตว์อสูรหรือพืชอสูรรวมถึงการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์

 

หลักเกณฑ์ของขั้นตอนนี้คือสัตว์อสูรและพืชอสูรต้องใช้ชีวิตอยู่ในมิติช่องว่างได้อย่างสมบูรณ์ พวกมันต้องสร้างห่วงโซ่อาหารกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในโดยไม่พึ่งพาโลกภายนอก

 

ฟางหยวนเคยทำมาแล้ว แต่ตอนนี้เขายังไม่ผ่านขั้นตอนนี้

 

เนื่องจากสัตว์อสูรสองฝูงที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือฝูงอินทรีย์และฝูงอสูรปียังไม่สามารถพึ่งพาเพียงมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

นกอินทรีย์ต้องล่าเหยื่อด้วยตัวมันเอง แต่ตอนนี้ฟางหยวนยังต้องซื้ออาหารจากนิกายหลางหยาหรือสวรรค์สีเหลืองเพื่อเลี้ยงดูพวกมัน

 

อสูรปีกินวิญญาณปีเป็นอาหาร ฟางหยวนต้องสร้างวิญญาณปีขึ้นมาด้วยการใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ โดยปราศจากความช่วยเหลือจากฟางหยวน พวกมันจะอดอาหาร

 

‘การพัฒนามิติช่องว่างในขั้นตอนที่สามยังต้องรอไปก่อน’ ฟางหยวนมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะทำเรื่องนี้ เขาต้องข้ามไปขั้นตอนที่สี่เพื่อดูแลสถานะการเงิน

 

ตอนนี้ฟางหยวนมีแหล่งรายได้เก้าแหล่ง

 

อันดับแรก วิญญาณความเด็ดเดี่ยว ธุรกิจผูกขาดมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาต้องลงทุนและแบ่งปันรายได้กับนิกายหลางหยา ตอนนี้เขากำลังบ่มเพาะจิตวิญญาณ ดังนั้นกำไรจากธุรกิจนี้จึงเป็นศูนย์

 

ถัดมาคือวิญญาณปี มันยังสามารถครองตลาด แต่ยอดขายจะลดลงในช่วงสองสามปีข้างหน้า

 

ธุรกิจวิญญาณปีมีศักยภาพเพราะการคงอยู่ของวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปด

 

ไม่เพียงมันจะใช้งานได้ง่ายแต่การเป็นเจ้าของวิญญาณอมตะดวงนี้หมายความว่าเขาสามารถผลิตวิญญาณปีได้อย่างสม่ำเสมอและมีต้นทุนต่ำ แต่มันก็มีจุดอ่อนเช่นกัน มันจะดึงดูดอสูรปีแรกกำเนิดเข้ามาในมิติช่องว่าง

 

ไห่ฟานพยายามแก้ปัญหานี้ แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและไม่ชำนาญเส้นทางสายอื่น หากเขามีท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยเช่นฟางหยวน เขาจะสามารถแก้ปัญหา

 

นอกจากนั้นอายุขัยของไห่ฟานยังมีจำกัด เขาตายก่อนที่จะประสบความสำเร็จในการพัมนาค่ายกลวิญญาณตกอสูรปีได้อย่างสมบูรณ์

 

ดังนั้นเมื่อวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำตกมาอยู่ในมือของฟางหยวน มันจึงสามารถแสดงคุณค่าที่น่าทึ่งออกมา

 

กล่าวได้ว่านี่เป็นจุดพลิกผันของชีวิตฟางหยวนอย่างแท้จริง

 

ต่อมาคือธุรกิจปลามังกรและแมงมุมหน้าคน ย้อนกลับไปที่ภาคใต้ ฟางหยวนเคยคิดที่จะใช้ตระกูลวูเพื่อพัฒนาธุรกิจปลามังกร

 

แต่ตอนนี้ธุรกิจปลามังกรได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากตัวตนของวูอี้ไห่ถูกเปิดเผย ดังนั้นธุรกิจนี้จึงหยุดลงโดยธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ธุรกิจแมงมุมหน้าคนจึงกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของฟางหยวนโดยมีผู้ซื้อหลักคือตระกูลเซียวของทะเลทรายตะวันตก

 

ธุรกิจถัดไปคืออสรพิษเพลิง ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาว อสรพิษวิญญาณ อสูรหิมะ และราเรืองแสง

 

ธุรกิจอสรพิษเพลิงพึ่งเริ่มต้น แม้ฟางหยวนจะใช้วิธีเลี้ยงดูของเผ่าไห่ แต่มันยังด้อยกว่าธุรกิจปลามังกรและแมงมุมหน้าคน

 

ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาวเป็นธุรกิจหลักของจักรพรรดิแห่งดวงดาวหว่านเซียง พวกมันเริ่มมีความสำคัญน้อยลงเรื่อยๆเพราะพวกมันมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเท่านั้น

 

อสรพิษวิญญาณคล้ายกับทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาว มันมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ฮันตง แต่ฟางหยวนไม่มีความตั้งใจที่จะพัฒนาสิ่งนี้

 

สำหรับอสูรหิมะและราเรืองแสง มันเป็นแผนการในอนาคต ผนึกแก่นแท้น้ำแข็งกำลังเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของภาคเหนือน้อย ขณะที่ราเรืองแสงยังไม่สามารถขายในช่วงเวลานี้

 

โดยสรุป สถานการณ์ทางธุรกิจของฟางหยวนไม่ดีนัก

 

ธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยวไม่ทำกำไร ปลามังกรได้รับผลกระทบอย่างหนัก แมงมุมหน้าเหมือนเดิมแต่มันยังไม่สามารถรองรับความต้องการของฟางหยวน อสรพิษเพลิง ทรัพยากรบนเส้นทางแห่งดวงดาว และอสรพิษวิญญาณ พวกมันมีค่าน้อยเกินไป

 

ธุรกิจอสูรหิมะและราเรืองแสงยังอยู่ในขั้นตอนการลงทุน พวกมันยังไม่สามารถขายออก

 

กำไรจากธุรกิจวิญญาณปีลดลง ในสถานการณ์นี้ฟางหยวนต้องทำธุรกิจอื่นอย่างเร่งด่วน

 

เขามีทรัพยากรมากมาย แม้เขาจะเสร็จสิ้นขั้นตอนพื้นฐานในการพัฒนามิติช่องว่าง แต่เปรียบเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันพึ่งเพิ่มจากสามส่วนเป็นสี่ส่วนร้อยเท่านั้น

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนามิติช่องว่าง การดัดแปลงท่าไม้ตายอมตะ หรือการบ่มเพาะจิตวิญญาณ ทุกกิจกรรมล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น

 

เพื่อปรับปรุงสถานะทางการเงิน เขาต้องลงทุน ยิ่งเขาลงทุนมากเท่าใด โอกาสเติบโตก็จะมากเท่านั้น

 

ฟางหยวนมีมรดกมากมาย เขามีวิธีการบ่มเพาะนับไม่ถ้วน อาจกล่าวได้ว่าเขามีตัวเลือกมากเกินไป

 

ท่ามกลางพวกมัน ตัวเลือกใดที่เหมาะสมและสามารถทำประโยชน์ให้เขาได้มากที่สุด

 

ฟางหยวนต้องไตร่ตรองอย่างหนัก