บทที่ 1077 ฉันโกหกทั้งนั้น / บทที่ 1078 ใช่ว่าเลี้ยงไม่ได้สักหน่อย

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1077 ฉันโกหกทั้งนั้น

ความหมายแฝงในคำพูดของเยี่ยหงเหวยชัดเจนมาก เขาตั้งใจจะให้เยี่ยมู่ฝานกลับบริษัทแล้ว โดยเงื่อนไขคือเขาต้องเอาผลงานออกมา

ถึงแม้ท่าทีของเยี่ยหงเหวยที่มีต่อเขาระยะนี้จะอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวให้คำมั่นสัญญาแบบนี้กับเขาด้วยปากตัวเอง

เรื่องครั้งนี้ ถึงแม้เหมือนจะเป็นแค่ความขัดแย้งในครอบครัว แต่กลับกลายเป็นสายฉนวนที่ทำให้เยี่ยหงเหวยตัดสินใจแน่วแน่

เยี่ยมู่ฝานได้ยินแบบนั้นก็พลันใจสั่นสะท้าน “คุณปู่ ผมเข้าใจแล้วครับ! ผมจะให้คุณปู่ได้เห็นความสามารถของผมแน่นอน!”

หลังเยี่ยมู่ฝานพูดคุยกับเยี่ยหงเหวยจบก็จากบ้านเยี่ยไป

เยี่ยเส่าถิงกับเหลียงเหม่ยเซวียนไปเอารถแล้ว ส่วนเยี่ยหวันหวั่นรอเขาอยู่ที่หน้าประตู

ทันทีที่เห็นเยี่ยหวันหวั่น เยี่ยมู่ฝานก็สบถด่าด้วยความโมโหทันที “เชี่ยเอ๊ย! เหลี่ยงเหม่ยเซวียนนังชั่วนั่น! ถึงกับขโมยแหวนแกแล้วยังใส่ร้ายแกอีก! หน้าไม่อายชะมัดยาด! หน้าด้านเป็นบ้า! โชคดีที่ด้านในแหวนสลักชื่อของแกไว้ ไม่งั้นแกได้ตายอย่างไม่เป็นธรรมแล้ว! หวันหวั่นแกไม่ต้องเสียใจ พรุ่งนี้เรื่องนี้จะว่อนไปทั่วทั้งวง ฉันรอดูเลยว่าต่อจากนี้พวกนั้นจะอยู่ในวงยังไง!”

เยี่ยหวันหวั่นชำเลืองมองเยี่ยมู่ฝานอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “ใครบอกว่าพวกนั้นขโมยแหวนฉัน? ”

เยี่ยมู่ฝานได้ยินแบบนั้นก็อึ้ง “หา ก็แกพูดว่าเธอ…”

“เธอไม่ได้ขโมย ฉันใส่ร้ายเธอเอง” เยี่ยหวันหวั่นตอบ

“เอ่อ…แก…แกว่าไงนะ” เยี่ยมู่ฝานมีสีหน้าโง่งม จากนั้นก็เอ่ยอย่างุนงง “งั้น…ตัวอักษรที่ด้านในแหวนนั่นมันเรื่องอะไรกัน”

เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว “ฉันใช้เล็บแกะเอาน่ะ!”

เยี่ยมู่ฝานหน้าคล้ำเล็กน้อย “เลิกล้อเล่นได้แล้ว!”

เยี่ยหวันหวั่นหัวเราะ เลิกอุบให้คาใจแล้วเอ่ยว่า “วงที่หายไปเป็นแหวนหมั้นของเยี่ยอีอีจริงๆ แต่วงที่แกะตัวอักษรนั่น เป็นของฉัน”

เยี่ยหวันหวั่นพูดพลางล้วงนิ้วบนเสื้อสูทของเยี่ยมู่ฝาน วินาทีถัดมา ในฝ่ามือก็มีแหวนหยกเจไดต์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวง

“นี่มัน?” เยี่ยมู่ฝานเบิกตากว้าง

เยี่ยหวันหวั่นเอาด้านในแหวนวงนี้ให้เยี่ยมู่ฝานดู ด้านในไม่ได้สลักตัวอักษรอะไร

“แหวนที่ไม่ได้สลักตัวอักษรวงนี้ต่างหากที่เป็นของเยี่ยหวันหวั่น ตอนที่หวงหมิงคุนเอามันวางในกระเป๋าฉัน ฉันก็หยิบมันออกมา ย้ายไปไว้บนตัวพี่ ส่วนในกระเป๋าฉันเป็นแหวนแกะสลักชื่อฉันซึ่งฉันเตรียมไว้นานแล้ว”

“เชี่ย!” เยี่ยมู่ฝานได้ยินก็ตาโตอ้าปากค้าง “มีแผนอย่างนี้อยู่ด้วย? งั้นก็หมายความว่าแกใส่ร้ายเหลียงเหม่ยเซวียนตั้งแต่แรกแล้ว? ”

เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “ใช่!”

เยี่ยมู่ฝานเอ่ย “ทักษะการแสดงแก ต้มฉันซะเปื่อยเลยโอเคไหม”

เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้ว “ต้มพี่ยากมากเหรอ”

เยี่ยมู่ฝานพูดไม่ออก

เยี่ยมู่ฝานกระแอมเล็กน้อย “ทำไมแกถึงคิดเตรียมการเรื่องนี้ล่วงหน้าได้”

เยี่ยหวันหวั่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงตอบ “ฉันมีลู่ทางของฉัน เลยได้ข่าวมาล่วงหน้านิดหน่อย”

อันที่จริง เป็นเพราะชาติก่อนเยี่ยอีอีกับเหลียงเหม่ยเซวียนเคยใช้วิธีเดียวกันมาก่อน…

แต่งานหมั้นตอนนั้นซือเยี่ยหานห้ามเธอไปร่วมงาน เป้าหมายที่พวกเขากล่าวหาไม่ใช่เธอ แต่เป็นเยี่ยมู่ฝาน

ต่อมาเธอจึงได้ยินว่า ว่ากันว่าเยี่ยมู่ฝานขโมยแหวนหมั้นของเยี่ยอีอีในงานหมั้นของเธอ หลังถูกเปิดเผยให้ตายเขาก็ไม่ยอมรับแถมยังลงไม้ลงมือครั้งใหญ่

เดิมทีชื่อเสียงของเยี่ยมู่ฝานก็แย่มากอยู่แล้ว หลังเรื่องครั้งนั้นเกิดขึ้นก็ราวกับหนูข้างทางที่คนรังเกียจ…

หลังเกิดใหม่ เพราะทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก เรื่องมากมายจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง หลายเรื่องเธอก็ไม่สามารถคาดการณ์แม่นยำได้อีก

แต่เพื่อป้องกัน เธอจึงยังเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้า โชคดีที่ได้ใช้ในยามจำเป็น

ไม่ว่าโชคชะตาจะพัฒนาไปอย่างไร แต่นิสัยคนไม่มีทางเปลี่ยนแปลง แม่ลูกคู่นั้นไม่หยุดจริงๆ แค่เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นเธอที่ดูจัดการได้ดีกว่า

………………………………….

บทที่ 1078 ใช่ว่าเลี้ยงไม่ได้สักหน่อย

“จะทำเรื่องอะไรสักอย่าง ต้องเลือกจังหวะเวลาสถานที่และคน ก่อนหน้านี้ภาพลักษณ์ภายนอกของบ้านใหญ่แย่มาก ตอนนี้ความประทับใจของคนภายนอกที่มีต่อพวกเราก็เปลี่ยนไปทุกที ตาชั่งของฝั่งคุณปู่คุณย่าก็เอนเอียงไปไม่น้อย ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมสรรพขาดก็แค่ของสำคัญอย่างเดียว ได้ใจคนเป็นก้าวแรก ที่สำคัญกว่าคือความสามารถ ส่วนก้าวถัดไป ละครของพวกเรา ต้องดังระเบิด” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย

เยี่ยมู่ฝานพยักหน้า “หวันหวั่นแกคาดการณ์ถูกทุกอย่าง คุณปู่เรียกฉันไปพูดเรื่องนี้นี่แหละ คุณปู่ยอมรับฉันแล้ว จะให้โอกาสฉันหนึ่งครั้ง ขอแค่ฉันทำผลงานออกได้”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “งั้นก็ดีแล้ว ช่วงเวลาจากนี้ไปสำคัญมาก ห้ามประมาทเด็ดขาด”

“หวันหวั่นแกไม่ต้องห่วง ฉันจะจดจ่อตั้งใจทำงานนอกเวลา!”

เยี่ยมู่ฝานกำลังพูด โทรศัพท์มือถือของเยี่ยหวันหวั่นก็พลันดังขึ้นหนึ่งที เป็นเสียงแจ้งเตือนพิเศษมาก เสียดหูเหมือนกับเสียงแจ้งเตือนภัยยังไงยังงั้น

“ข้อความจากใครน่ะ นี่มันเสียงแจ้งบ้าอะไร ยังกับเสียงแจ้งเตือนภัย!” เยี่ยมู่ฝานได้ยินเสียงพิลึกนี้ก็ถามอย่างสงสัย

ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ เยี่ยหวันหวั่นก็รีบล้วงมือถือออกมาอย่างมือไม้เป็นพัลวัน “ข้อความจากแฟนฉัน!”

เยี่ยมู่ฝานถาม “…แฟนแก แกถึงขั้นต้องตั้งเสียงน่ากลัวอย่างนี้เลยเหรอ”

เยี่ยหวันหวั่นตอบ “ยิ่งกว่าต้องอีก!”

เยี่ยหวันหวั่นโทรกลับหาซือเยี่ยหานทันที “ฮัลโหล ที่รัก ทางนี้ฉันเสร็จแล้ว จะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ คุณพาลูกนอนก่อนเลยนะ!”

เยี่ยมู่ฝานพูดไม่ออก ลูกชาย…

ต้องพูดเป็นธรรมชาติขนาดนั้นเลยเหรอ…

หลังเยี่ยหวันหวั่นโทรเสร็จ เยี่ยมู่ฝานก็ถามงึมงำ “เด็กนั่นยังไม่ไปอีกเหรอ แกตั้งใจจะให้เขาอยู่ถึงเมื่อไรหา ถ้าหาไม่เจอตลอดกาล อย่าบอกนะว่าแกจะให้เขาอยู่ไปตลอดน่ะ!”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ทำไมจะไม่ได้ ถังถังออกจะเป็นเด็กดีขนาดนี้! อีกอย่างใช่ว่าฉันเลี้ยงไม่ไหวสักหน่อย!”

เยี่ยมู่ฝานหมดคำพูดเล็กน้อย “นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญไหม ยังไงเขาก็ไม่ใช่ลูกแก แกเลี้ยงเขาไปตลอดแบบนี้ นับเป็นอะไร…”

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “เหลวไหล! ก็เป็นลูกฉันไง!”

เยี่ยมู่ฝานพูดไม่ออก

คฤหาสน์กุหลาบ

บนโซฟาห้องรับแขก ซือเยี่ยหานถือหนังสือเล่มหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น

บนพรมอีกด้านของโซฟา สลอเทอร์กำลังหมอบตาปรือง่วงงุนอยู่ตรงนั้น เด็กน้อยราวหยกแกะสลักพิงอยู่บนตัวต้าไป๋

เด็กน้อยนั่งตัวตรงอยู่เสมอ แต่คงเพราะง่วงเกินไปจริงๆ เขาตาปรือง่วงงุน ร่างกายส่ายโงนเงน ยื่นมือน้อยไปขยี้ตาเป็นพักๆ

ซือเยี่ยหานคลุมผ้าห่มสีชมพูบนตัวเขา ทุกครั้งตอนที่เด็กน้อยง่วงจนนั่งไม่มั่นคงกำลังจะล้ม ก็จะยื่นแขนข้างหนึ่งมาช่วยดันเขาหนึ่งที

“จะไปนอนไหม” ซือเยี่ยหานมองถังถังแล้วเอ่ยถาม

เด็กน้อยส่ายหน้าทันที “ผมจะรอคุณแม่”

ซือเยี่ยหานได้ยินแบบนั้นก็ไม่พูดอีก

เด็กน้อยตาปรือ เกาะบนตัวต้าไป๋เอ่ยพึมพำอย่างง่วงนอน “ต้าไป๋ๆ …คุณแม่ไปไหนแล้ว…ทำไมคุณแม่ยังไม่กลับมา…เมื่อไรแม่จะกลับมา…ตอนที่กลับมายังจะรักฉันไหม…ยังต้องการฉันไหม…”

ซือเยี่ยหานนิ่งเงียบ

ต้าไป๋ลืมดวงตาสัตว์ป่าน้อยๆ ชำเลืองมองเด็กน้อยที่เกาะอยู่บนร่างตัวเอง หลังผ่านไปชั่วครู่มันก็หลับตาอีก

ผ่านไปสักพัก ไม่รู้ได้ยินเสียงอะไร หูของต้าไป๋ตั้งชันขึ้นมา มองไปยังทิศทางของทางเข้าคฤหาสน์

หลังลงจากรถ เยี่ยหวันหวั่นก็ก็วิ่งตึกๆ ไปถึงห้องรับแขก กำลังจะขึ้นชั้นบนไปห้องนอน แต่กลายเป็นว่าเพิ่งผลักประตูเข้ามาก็เห็นว่าในห้องรับแขกมีฉากน่าอบอุ่นเหนือบรรยาย จนหัวใจเธอเต้นรัว

…………..