บทที่ 1079 เปิดหูเปิดตา / บทที่ 1080 ซึนเดเระอีกแล้ว

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1079 เปิดหูเปิดตา

ทันทีที่ได้ยินเสียงของเยี่ยหวันหวั่น ถังถังก็ขยี้ตาลุกพรวดขึ้นมา ขาสั้นเล็กย่ำตึกๆๆ โถมเข้าหาแม่ “คุณแม่!”

เด็กน้อยเงยหน้า ใช้สองตาโตเป็นประกายมองเธออย่างมีความสุข “คุณแม่กลับมาแล้ว!”

เยี่ยหวันหวั่นลูบหัวของเด็กน้อย “ทำไมไม่ไปนอนล่ะ”

เด็กน้อยเอ่ยเสียงประสาเด็ก “ผมอยากรอแม่กลับมา”

เยี่ยหวันหวั่นทั้งตื้นตันทั้งปวดใจ เธอหันไปพูดกับซือเยี่ยหาน “คุณเก้า ทำไมคุณก็ไม่กล่อมเขาหน่อย เด็กเล็กเป็นวัยที่ร่างกายกำลังเติบโต ทำไมถึงให้นอนดึกได้ล่ะ”

ซือเยี่ยหานเอ่ยเสียงเรียบ “ตัวเองไม่ชอบก็อย่าเอาไปใช้กับคนอื่น”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก

ความหมายคือ…เขาก็อยากรอเธอกลับมา เลยไม่ฝืนบังคับถังถัง?

วิธีพูดคำหวานของที่รักบ้านเธอ…ยังอ้อมค้อมเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดจริงๆ …

วันถัดมา มู่สุยเฟิงสิ้นสุดกำหนดการที่ประเทศจีนและเตรียมกลับประเทศแล้ว

เยี่ยหวันหวั่นตามซือเยี่ยหานไปส่งเขาที่สนามบิน

มู่สุยเฟิงทักทายแลกเปลี่ยนบทสนทนากับซือเยี่ยหานหนึ่งรอบ จากนั้นเขาก็มองทางเยี่ยหวันหวั่น เอ่ยอย่างอ่อนน้อม “ขอบคุณประธานซือที่ต้อนรับอย่างเปี่ยมไมตรี โดยเฉพาะคุณหนูเยี่ย ทำให้ผมรู้สึกส่าการมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ ”

เยี่ยหวันหวั่นมีสีหน้าถ่อมตัว “คุณมู่ชมเกินไปแล้ว”

มู่สุยเฟิงรีบเอ่ย “คุณหนูเยี่ยไม่ต้องถ่อมตัวหรอก นี่เป็นคำพูดจากใจจริงของมู่ผู้นี้ ได้เห็นยอดฝีมืออย่างคุณหนูเยี่ยนอกรัฐอิสระ ทำให้มู่ผู้นี้ดีใจมากจริงๆ ”

สายตาของซือเยี่ยหานที่อยู่ด้านข้างวาบประกายอย่างจับสังเกตได้ยาก

ได้ยินคำว่า ’รัฐอิสระ’ เยี่ยหวันหวั่นก็ตาววาวเล็กน้อย เอ่ยอย่างตื่นเต้นอยู่บ้าง “ตั้งแต่ที่ได้ยินคุณพูดถึงรัฐอิสระนั้น ก็สนใจที่นั่นมาตลอด ถ้ามีโอกาสละก็ยังงอยากไปดู เปิดหูเปิดตาบ้าง”

มู่สุยเฟิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ “นี่…เกรงว่าคงไม่ได้…”

“เอ๋ ทำไมไม่ได้ละคะ” เยี่ยหวันหวั่นไม่เข้าใจ

มู่สุยเฟิงตอบ “คนทั่วไปไม่สามารถไปรัฐอิสระตามอำเภอใจได้ ต้องมีใบผ่านทางพิเศษ เหมือนอย่างพวกเราจะไปประเทศอื่นต้องมีพาสปอร์ตกับวีซ่า ถ้าบุกรุกเข้าไปตามใจ แล้วถูกค้นพบละก็ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

“อำนาจของรัฐอิสระยิ่งใหญ่มากจริงๆ ถ้าเผยตัวตนสู่โลกภายนอกมากเกินไป จะก่อให้เกิดปัญหาได้ คนธรรมดาจึงห้ามเข้าตามอำเภอใจ นี่เป็นกฎที่ปฏิบัติกันมาช้านาน”

“อย่างนี้นี่เอง…” เยี่ยหวันหวั่นได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า สีหน้าอดผิดหวังไม่ได้เล็กน้อย

มิน่าโลกภายนอกถึงไม่รู้จักรัฐอิสระแม้แต่น้อย ทางนั้นเหมือนเป็นอาณาจักรใต้ดินอิสระแห่งหนึ่ง…

หลังส่งมู่สุยเฟิง เยี่ยหวันหวั่นก็นั่งบนรถ บ่นอุบยังหดหู่กับซือเยี่ยหานที่อยู่ด้านข้าง

“เฮ้อ น่าผิดหวังจริงๆ นึกไม่จะไปเที่ยวได้ซะอีก! แต่กลายเป็นว่าไปไม่ได้!”

ซือเยี่ยหานมองเธอ “อยากไปมาก? ”

เยี่ยหวันหวั่นสัมผัสถึงสายตาของซือเยี่ยหานอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าจะ อันตรายนิดหน่อย เธอรีบส่ายหน้า “ไม่…ไม่ๆ! ฉันอยากไปที่ไหน!”

แต่ แววตาซือเยี่ยหานไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด

เห็นชายหนุ่มดูเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง แต่กลับซ่อนแววตาไม่สบายใจไว้ เยี่ยหวันหวั่นก็หลุดหัวเราะ จูบข้างปากของชายหนุ่มหนึ่งทีแล้วเอ่ยปาก “ก็ได้ๆ ฉันยอมรับ ฉันอยากไปจริงๆ ฉันยังอยากไปอีกหลายๆ ที่ด้วย ยังไงซะชีวิตคนเราก็สั้นๆ ไม่กี่สิบปี ฉันอยากออกเดินทางไปทั่วทุกแห่ง อยากเดินทางไปทั่วโลก อยากเดินทางไปทั่วประเทศ แต่ว่านะ…”

เยี่ยหวันหวั่นมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง “แต่พอเจอคุณ ฉันก็พลันรู้สึกว่า หยุดสักนิด ก็ไม่เป็นไร”

พริบตาที่พูดจบ ดวงตาซือเยี่ยหานก็พลันวาบแววสั่นสะท้าน เขาออกแรงดึงหญิงสาวมากอดในอ้อมกอดตัวเอง…

ผ่านไปนาน เสียงสะกดอารมณ์ลึกล้ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นที่ข้างหู “อย่าโกหกฉันอีก”

เยี่ยหวันหวั่นชะงักเล็กน้อย “หา ได้ยังไง! พูดจริงใจนะโอเคไหม!”

เอ๊ะ เมื่อครู่นี้ซือเยี่ยหานพูดว่า ‘อีก’ มันหมายความว่ายังไง หรือว่าเมื่อก่อนเธอเคยโกหกเขา?

นี่ไม่น่าเป็นไปได้นะ เธอจะไปกล้าหลอกลวงซือเยี่ยหานได้ยังไง…

………………………………

บทที่ 1080 ซึนเดเระอีกแล้ว

ไม่นาน ฉากที่ถ่ายในโรงเรียนของเรื่อง “เป็นหรือตาย” ก็ใกล้จะจบแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องถ่ายทำในโรงเรียน

หลิวชิงพูดด้วยความกังวลใจว่า “ผอ.เยี่ย ฉากที่เหลือ…คงจะไม่ง่ายอย่างนี้อีกแล้ว! คุณแน่ใจเหรอว่ากงซวี่จะแสดงได้ดี?”

หนังเรื่องนี้เป็นโอกาสพลิกตัวของเขา เขาย่อมต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

หลิวชิงเคยเป็นนักแสดงมาก่อน ถึงแม้จะพยายามอย่างหนัก แต่เพราะรูปร่างหน้าตาไม่ดี จึงไม่แจ้งเกิดสักที ทำได้แค่อยู่ขลุกอยู่ระดับล่างของวงการบันเทิงเรื่อยมา

ต่อมาด้วยความอับจนหนทาง เขาทำได้แค่เปลี่ยนมาเป็นผู้กำกับอยู่หลังจอ

หลิวชิงมีพรสวรรค์อยู่แล้ว และเขาก็พยายามอย่างหนัก หลังเปลี่ยนสายงานเขาก็มีผลงานหนังอินดี้หลายเรื่อง ได้รับคำวิจารณ์ไม่เลวทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีเรื่องไหนดังระเบิด แถมเขายังใช้เงินออมจากช่วงที่เป็นนักแสดงจนหมดแล้วด้วย

เยี่ยหวันหวั่นเคยดูหนังของหลิวชิง คนคนนี้มีความสามารถมากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เลือกสคริปต์หนังกับนักแสดงไม่ค่อยเป็น สคริปต์หนังเรื่องที่ผ่านมาของเขาไม่ค่อยดีมาก แถมนักแสดงก็มีปัญหาด้วย

ภายนอก โกลบอลเหมือนจะตกลงกับพวกเขาได้แล้ว แต่ความจริงลับหลังกลับหาโอกาสเล่นงานพวกเขาตลอด ทำให้พวกเขาจ้างผู้กำกับที่เหมาะสมได้ยากมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้กำกับที่มีชื่อเสียงเลย เยี่ยหวันหวั่นตามหาอยู่นาน กว่าจะได้ตัวชิงหลิวมา

โชคดีที่ระหว่างถ่ายทำชิงหลิวแสดงความเป็นมืออาชีพให้เห็น บ่งบอกว่าเธอเลือกคนไม่ผิดจริงๆ

เยี่ยหวันหวั่นบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก ผู้กำกับหลิว คุณถ่ายทำช่วงแรกให้เสร็จก่อน อาทิตย์หน้าฉันจะพากงซวี่กับลั่วเฉินไปอบรบพิเศษสักช่วงหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยกลับมาถ่ายทำต่อ ถึงตอนนั้นคุณค่อยดูผลลัพธ์อีกที”

ถึงแม้ชิงหลิวจะยังไม่วางใจ แต่พอเห็นสีหน้ามั่นใจของเยี่ยหวันหวั่น เขาก็พยักหน้า แล้วบอกว่า “ก็ได้ ผมเข้าใจแล้ว”

ห่างออกไปไม่ไกล กงซวี่เพิ่งจะถ่ายทำเสร็จไปฉากหนึ่ง เขาถือโอกาสช่วงพักถือมือถือวิ่งไปวิ่งมา ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรของเขา

เจ้าหมอนั่นให้ตงไจ๋จับมือถือแทนเขา จากนั้นก็วิ่งไปหาหานเซี่ยนอวี่ “พวกเธอว่า หานเซี่ยนอวี่กับฉันใครหล่อกว่า?”

หานเซี่ยนอวี่เห็นตงไจ๋จับมือถือของกงซวี่ เหมือนกำลังไลฟ์สดกับแฟนคลับ จึงยิ้มแล้วก็โบกมือทักทายแฟนคลับ “หวัดดีครับ!”

[กรี๊ดดดด! หานเซี่ยนอวี่! หานเซี่ยนอวี่จริงๆ ด้วย! แม่เจ้าโว้ย! เทวดาน้อยหานเซี่ยนอวี่โคตรหล่อเลย!]

กงซวี่อ่านคอมเมนต์บนหน้าจอ แล้วก็ทำหน้าบึ้ง “นี่! พวกเธอเป็นแฟนคลับของใครกันแน่เนี่ย! ชมใครหล่อกัน!”

[เบบี๋กงซวี่หล่อที่สุดเลย! อย่าหึงสิ! พวกเราอยากเห็นลั่วเฉิน! ลั่วเฉิน! ลั่วเฉิน! กงซวี่ที่รักไปเต๊าะลั่วเฉินหน่อยได้ไหม?]

[กรี๊ดดด! ใช่ๆๆ! ไปเต๊าะลั่วเฉินหน่อยสิ น้า!]

ลั่วเฉินมองหน้าจอมือถือ หน้าบึ้งหนักกว่าเก่า เขาแค่นเสียง “ไม่เต๊าะ! ใครอยากจะไปเต๊าะเจ้าหน้าตายนั่นกันเล่า!”

[เบบี๋กงซวี่ซึนเดเระอีกแล้ว!]

[เบบี๋กงซวี่ ไปเถอะน้าๆ!]

เหล่าแฟนคลับรัวคอมเมนต์เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

ในตอนนั้นเอง ลั่วเฉินกำลังถือสคริปต์เดินตามเยี่ยหวันหวั่นเพื่อขอคำแนะนำ เขาเคยชินกับการอธิบายสคริปต์ของเยี่ยหวันหวั่น จึงใช้เวลาส่วนมากในการอยู่กับเยี่ยหวันหวั่น

กงซวี่เห็นลั่วเฉินตัวติดกับเยี่ยหวันหวั่นจากที่ไกลๆ ก็ขุ่นเคืองขึ้นมา เขารีบวิ่งไปทางนั้น ตงไจ๋ถือมือถือวิ่งตามไปทันที

เหล่าแฟนคลับที่เข้ามาดูไลฟ์สดเห็นกงซวี่วิ่งไปหาลั่วเฉิน ก็พากันกดรางวัลให้อย่างบ้าคลั่ง

พอวิ่งไปถึง กงซวี่ก็ถมึงตาจ้องลั่วเฉินอย่างไม่สบอารมณ์ “หลีกไปเลย!”

ลั่วเฉินขมวดคิ้ว “มีอะไร?”

“ก็ต้องมีเรื่องสำคัญอยู่แล้วสิ!” พูดจบ เขาก็ใช้ก้นเบียดลั่วเฉินออกไป จากนั้นก็ชะโงกหน้าไปหาเยี่ยหวันหวั่น แล้วยิ้มกว้างเหมือนดอกไม้บาน “พี่ชายครับๆ ผมขอเต๊าะพี่หน่อยได้ไหมครับ?”

เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาใส่เขา “ไม่ได้”

กงซวี่ทำหน้าปวดใจ “ทำไมล่ะ!!”

เยี่ยหวันหวั่นบอก “มีเจ้าของแล้ว ขอบคุณ”

…………………..