บทที่ 418 งานเลี้ยงฉลองอายุครบแปดสิบป

รักหวานอมเปรี้ยว

คนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะรับปากแล้ว การันต์จึงวางสายโทรศัพท์ลงด้วยความพอใจ

สำหรับเขาแล้ว คนแบบเยี่ยมบุญ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้รับไตทั้งสองข้างเลย แค่ข้างเดียวก็ไม่มีทาง

อีกทางด้านหนึ่ง สองสามีภรรยาเยี่ยมบุญหลังจากรับยาแล้วก็ขึ้นรถ

จังหว่ะช่วงที่ประตูรถปิดนั้น บรรยากาศในรถก็อึดอัดเป็นอย่างมาก ยากที่จะทำให้คนหายใจได้

เยี่ยมบุญและคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ไม่มีใครพูดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว

เยี่ยมบุญก้มหน้า มองไม่เห็นสีหน้าที่ชัดเจน ทำเพียงกำหมัดแน่นแล้วกุมหัวเข่าไว้ จากหมัดที่สั่นเล็กน้อยของเขาและหมัดที่เผยเส้นเอ็นออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก

แต่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ กลับเอามือปิดปาก สะอื้นไห้เบาๆ

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ?

เยี่ยมบุญเป็นโรคหัวใจวาย!

“สามี……”ดวงตาของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์แดงก่ำ มองไปยังเยี่ยมบุญทั้งน้ำตา

เยี่ยมบุญกำหมัดแน่น แล้วคลายมือลง คลายมือลงแล้วกำหมัดแน่น ทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา แล้วจึงได้สูดหายใจเข้าลึก พร้อมพยายามสงบสติอารมณ์ พลางพูดขึ้นเสียงแข็งว่า:“พอได้แล้ว เลิกร้องได้แล้ว ผมไม่ได้เป็นอะไร”

“จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง นี่มันโรคไตวายเลยนะ ทำให้คนตายได้เลย!”คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พูดขึ้นทั้งร้อนใจทั้งกลัว

ในชีวิตนี้ของหล่อน เพิ่งพิงเขามาโดยตลอด

ก่อนแต่งงานเพิ่งพาพ่อแม่ หลังแต่งงานเพิ่งพาสามี และด้วยเหตุผลนี้หล่อนจึงไม่มีทักษะในการเอาชีวิตรอดเลย

ดังนั้นหล่อนจึงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าหากเยี่ยมบุญไม่อยู่แล้ว หล่อนจะเป็นอย่างไร

ตาย!

เมื่อได้ยินคำคำนี้ ใจของเยี่ยมบุญก็สั่น เนื้อบนใบหน้าขยับเล็กน้อย ความกลัวแวบเข้ามาในดวงตาของเขา รู้สึกหวาดกลัวกับความตาย

ไม่มีใครอยากตาย และไม่มีใครไม่กลัวตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีทั้งเงินและอำนาจอย่างเขาล้วนไม่มีใครอยากตายและกลัวความตายมาก

แต่สำหรับความตายของคนอื่น เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย ดังนั้นหลังจากที่เขาทำให้เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคและไตรภูมิต้องตาย ในใจของเขาก็ไม่ละอายเลยแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้ความตายได้มาเตือนเขาแล้ว เขาจึงทราบว่าที่แท้ความตายเป็นเรื่องที่น่ากลัวขนาดนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องที่ตนไม่สามารถมีชีวิตได้นาน ในใจของเยี่ยมบุญก็ยากที่จะรับได้

มองดูร่างกายที่สั่นของเยี่ยมบุญและดวงตาที่แดงก่ำ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รีบคว้ามือของเขาไว้“เยี่ยมบุญพวกเราไปต่างประเทศกันดีไหม?ไปรักษาที่ต่างประเทศระดับการรักษาพยาบาลในต่างประเทศสูงกว่าในประเทศ ถ้าเราไปรักษาที่ต่างประเทศจะต้องรักษาได้อย่างแน่นอน”

เยี่ยมบุญดึงมือกลับมา“ฝีมือแพทย์ของต่างชาติสูงกว่า แต่ว่าโรคไตวายนั้นไม่มีทางรักษาได้ ดังนั้นจะไปหรือไม่ไปรักษาที่ต่างประเทศก็เหมือนกัน”

“งั้น……งั้นพวกเราไม่มีหนทางอื่นแล้วใช่ไหมคะ?”หน้าของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ซีด

เยี่ยมบุญกัดฟัน“มี วิธีเดียวคือเปลี่ยนไต”

แต่คำพูดของหมอ กลับทำให้เขาทำให้เขาจำได้อย่างชัดเจน

หมอบอกว่า แม้ว่าสุดท้ายจะเปลี่ยนไตได้สำเร็จ อย่างมากก็จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกแค่สิบปี

สิบปี……สำหรับเขาแล้ว มันไม่มากพอ

แต่ว่าหากไม่เปลี่ยนไต อยากมากแค่ปีเดียว

ดังนั้นหนึ่งปีกับสิบปี ควรเลือกอันไหน แน่นอนว่าคงไม่ต้องคิดมาก

“เปลี่ยนไต เปลี่ยนไต……”คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ พูดขึ้นสองครั้งเหมือนไม่ได้สติ จากนั้นก็ราวกับตัดสินใจอย่างแน่วแน่ บีบมือแล้วพูดขึ้นว่า:“งั้นก็เปลี่ยนไต ฉันจะติดต่อหน่วยงานอวัยวะที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ จะต้องหาไตที่เข้ากับคุณได้แน่!”

ขณะที่พูด หล่อนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเริ่มติดต่อ

ในขณะเดียวกัน เปปเปอร์ก็ทราบเรื่องอาการป่วยของเยี่ยมบุญ

ขณะที่ทราบว่าเยี่ยมบุญป่วยเป็นโรคไตวาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจครู่หนึ่ง

ก่อนหน้าขณะที่เยี่ยมบุญกำลังตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเออยู่นั้น ก็บ่นว่าเจ็บเอว คิดไม่ถึงเลยว่าพอตรวจสอบ จะพบว่าเป็นโรคไตวาย

“ประธานเปปเปอร์ สองสามีภรรยาเยี่ยมบุญ จะต้องกำลังตามหาไตที่เหมาะสมอยู่แน่ พวกเราจะยื่นมือช่วยไหมครับ?”ผู้ช่วยเหมันตร์ถามเปปเปอร์

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว“ทำไมต้องช่วย?”

“เขาเป็นพ่อแท้ๆของคุณมายมิ้นท์ไม่ใช่เหรอครับ?”ผู้ช่วยเหมันตร์พูด

เปปเปอร์ส่ายศีรษะเล็กน้อย“ไม่ต้อง หากเป็นเพราะมายมิ้นท์เป็นคนทำร้ายเยี่ยมบุญจนทำให้เยี่ยมบุญเป็นอันตรายถึงชีวิต แน่นอนว่าต้องช่วย แต่ถ้าหากเยี่ยมบุญป่วยเป็นโรคเอง ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือ อีกทั้งหากเยี่ยมบุญต้องตายแบบนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง

เมื่อถึงตอนนั้นมายมิ้นท์ก็จะไม่ต้องมารับรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลภักดีพิศุทธิ์

อีกทั้งความโกรธแค้นที่มายมิ้นท์มีต่อตระกูลภักดีพิศุทธิ์ บางทีอาจจะจางหายไปพร้อมกับการตายของเยี่ยมบุญ และจากนั้นเป็นต้นไปเธอก็ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความทุกข์ทรมานอีกต่อไป

“ที่พูดก็ถูก”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า คิดว่ามีเหตุผล

จากนั้น แววตาของเขาก็ขยับไปมาพลางถามขึ้นอีกว่า“ถ้าหากว่า เราเข้าไปขัดขวางไม่ให้เยี่ยมบุญเจอไตที่เหมาะสมล่ะครับ?เมื่อเป็นเช่นนี้ เยี่ยมบุญก็คงจะตายเร็วขึ้นไม่ใช่เหรอ?”

เปปเปอร์เงยหน้ามองที่เขา“คุณนี่ฉลาดจริงๆ”

ผู้ช่วยเหมันตร์หัวเราะเฮเฮ“ประธานเปปเปอร์ชมเกินไปแล้วครับ”

“ผมชมคุณเหรอ?”สีหน้าของเปปเปอร์ขรึมลง

ผู้ช่วยเหมันตร์รู้ว่าเขาโกรธแล้ว ก็ไม่ทำหน้าทะเล้น รีบเก็บอาการทันทีและจริงจังมากขึ้น“ขอโทษครับประธานเปปเปอร์ ผมพูดผิดไปแล้ว”

เมื่อได้ยินคำขอโทษของเขา เปปเปอร์จึงได้ดึงสายตากลับมา พลางพูดขึ้นอย่างราบเรียบว่า:“แม้ว่าผมจะอยากให้เยี่ยมบุญตายเร็วๆ แต่ผมไม่สามารถยื่นมือเข้าไปทำลายความหวังในการมีชีวิตรอดของเขาได้ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อของมายมิ้นท์ ดังนั้นถ้าหากผมทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่าฆ่าพ่อของเธอ คุณเข้าใจไหม?”

“ผมเข้าใจแล้วครับประธานเปปเปอร์”ผู้ช่วยเหมันตร์รีบตอบกลับ

ก็จริง ประธานเปปเปอร์กำลังตามจีบคุณมายมิ้นท์อยู่ หากประธานเปปเปอร์ทำให้เยี่ยมบุญต้องตายทางอ้อม ถ้า

คุณมายมิ้นท์รู้เข้า ก็คงจะยิ่งไม่ให้อภัยประธานเปปเปอร์

แม้ว่าคุณมายมิ้นท์ก็เกลียดเยี่ยมบุญ แต่ว่าใครใช้ให้เยี่ยมบุญเป็นพ่อแท้ๆของเขาล่ะ อยู่กับคนที่ฆ่าพ่อตัวเองตาย จะคิดยังไง?

ดังนั้นเรื่องนี้ ประธานเปปเปอร์ไม่สามารถยื่นมือเข้าแทรกได้

“ปล่อยตามธรรมชาติเถอะ”นิ้วมือของเปปเปอร์เคาะไปที่โต๊ะทำงาน“หากเยี่ยมบุญได้ไต ก็หมายความว่าชีวิตของเขายังไม่จบลง หากหาไม่เจอ ก็เป็นชะตากรรมของเขาด้วย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม แผนของผมก็ไม่ได้รับผลกระทบ พอได้แล้ว คุณไปทำงานเถอะ”

“ครับ”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า หันหลังแล้วออกไปจากห้องทำงานของเขา

เปปเปอร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหามายมิ้นท์

ในเวลานี้มายมิ้นท์เพิ่งกลับถึงคอนโดพราวฟ้า และกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาฃ

ป้าทิพย์หันผลไม้ให้กับเธออยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก็เหลือบมองครู่หนึ่ง“คุณมายมิ้นท์ คุณเปปเปอร์เป็นคนโทรมาค่ะ”

เปปเปอร์?

มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว เขาโทรมาทำไม?

“คุณมายมิ้นท์รับสายไหมคะ?”ป้าทิพย์ถาม

มายมิ้นท์ลังเลอยู่สองสามวินาที จากนั้นพยักหน้า“รับเถอะ”

เห็นแก่ที่เปปเปอร์ช่วยเธอต่อกรกับเยี่ยมบุญตอนที่หน่วยตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ โทรศัพท์สายนี้เธอไม่รับก็คงจะไม่ได้

ป้าทิพย์ยิ้มครู่หนึ่ง จากนั้นรีบวางมีดปากผมไม้ลง จากนั้นหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา

หลังจากปัดปุ่มสีเขียวเพื่อรับสายแล้วยื่นให้กับเธอ“นี่ค่ะคุณมายมิ้นท์”

“ขอบคุณค่ะ”มายมิ้นท์พูดขอบคุณกับป้าทิพย์ จากนั้นนำโทรศัพท์มาวางไว้ข้างหู“ประธานเปปเปอร์”

“ถึงบ้านหรือยังครับ?”คิ้วของเปปเปอร์คลายลง

มายมิ้นท์อึมหนึ่งที“ถึงแล้วค่ะ ประธานเปปเปอร์มีธุระอะไรเหรอคะ?”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่อยากจะบอกคุณว่า ชวนชมกลับไปยังสถานกักกันแล้ว”เปปเปอร์เอนหลังพิงเก้าอี้แล้วพูดขึ้น

มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย“เรื่องนี้ฉันทราบแล้ว ตำรวจได้บอกฉันแล้ว”

“เหรอครับ?”เปปเปอร์หดเปลือกตาลง

โอเค เขารู้ว่าเธอทราบเรื่องตั้งแต่แรกแล้ว

เขาพูดเรื่องพวกนี้ ก็แค่ต้องการพูดกับเธอสักสองสามประโยคเท่านั้น จะได้ฟังเสียงของเธอบ้างเท่านั้นเอง

แต่ว่ามายมิ้นท์ไม่ค่อยเต็มใจอย่างเห็นได้ชัด จึงเอ่ยปากขึ้นว่า:“ประธานเปปเปอร์ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ?ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไร ถ้าอย่างนั้นฉันวางสายก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวก่อนครับ”เปปเปอร์เรียกเธอ กระดูกสันหลังตรงเล็กน้อย“สิ้นเดือนนี้เป็นงานฉลองครบรอบแปดสิบปีของคุณย่า ตระกูลนวบดินทร์จะจัดงานเลี้ยงฉลอง หวังว่าคุณจะมาร่วมงานได้นะครับ”

“วันเกิดครบรอบแปดสิบปี?”มายมิ้นท์งุนงงเล็กน้อย จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ สิ้นเดือนนี้เป็นวันเกิดของคุณย่าจริงๆ