นาโนให้ดนัยขับรถไปส่งเธอกลับบ้าน แต่ยู่ยี่ปฏิเสธ แล้วโบกรถแท็กซี่กลับ
ถึงคอนโดก็เกือบจะสี่ทุ่มตรงแล้ว เดินช้อปปิ้งมาทั้งวัน ก็รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้างจริงๆ เธอนอนลงบนเตียง แล้วก็หลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ยู่ยี่งัวเงียแล้วยื่นมือออกมาคลำโทรศัพท์มือถือด้วยสัญชาตญาณ ดวงตาที่สะลึมสะลือกลับเห็นสายที่ไม่ได้รับโชว์ขึ้น เป็นฉันทัชนั่นเอง….
ปลายนิ้วที่จับโทรศัพท์มือถืออยู่นั้นอดที่จะสั่นไม่ได้ หัวใจเต้นเร็วขึ้น เธอตื่นแล้ว แต่กลับทำเหมือนไม่เห็นสายที่ไม่ได้รับสายนี้
………
วันถัดมา ยู่ยี่ได้รับแจ้งว่าบริษัทเข้าร่วมการประมูลงานนี้ด้วย
นั่นก็แสดงว่า ต่อไปเธอไม่ต้องติดต่อกับเขาอีกแล้ว ยู่ยี่รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาอีก เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นประสาทไปแล้ว
ผู้จัดการให้เธอไปที่ออฟฟิศ : “เธอติดตามงานนี้ต่อ ทำให้ดี ไปตีสนิทกับคุณฉันทัชให้มากๆ พูดจาดีๆ”
“ไม่ใช่ว่าบริษัทเข้าร่วมการประมูลแล้วไม่ใช่หรือคะ?” ยู่ยี่รู้สึกงุนงง
ผู้จัดการเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ : “เข้าร่วมการประมูลแล้วก็จริง การประมูลเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น บริษัทไม่เพียงแค่จะเพิ่มความแข็งแกร่งและเพิ่มแรงในด้านนี้เท่านั้น ในขณะเดียวกันก็จะลงทุนก้อนใหญ่ด้วยเหมือนกัน แต่อำนาจการตัดสินใจสุดท้ายและการประเมินนั้นอยู่ในมือของคุณฉันทัช ทางด้านนี้ คุณจะต้องลงแรงหนักขึ้น ในฐานะที่เป็นคนใหม่ เพิ่งจะเข้าบริษัทมาก็ได้รับงานใหญ่ขนาดนี้ ถือว่าเป็นความโชคดีของคุณ……”
ความโชคดีนี้เธออยากได้เองหรือว่าเขายัดเยียดกัน?
ทันใดนั้นเอง ยู่ยี่ก็รู้สึกถึงความกดดัน จนรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา ดูแล้วบริษัทจะต้องทำให้ได้งานนี้มาให้ได้
การไปประมูลนั้นเป็นตัวแทนของบริษัท จากการบังคับของผู้จัดการแล้วยู่ยี่เองก็ต้องตามไปด้วยเช่นกัน
บริษัทที่ไปประมูลด้วยกันนั้นมีหลายบริษัท ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ก็คือ บริษัทลงต้นทุนไปมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ตาม
ผลของการประมูลได้ถูกส่งขึ้นไปทั้งหมดแล้ว งานนี้ก็กำลังเร่งที่จะสร้างขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นขั้นตอนที่ยุ่งยากและซับซ้อนจะถูกข้ามไป มีความง่ายขึ้น ช่วงกลางคืนผลก็คงจะออกมาได้แล้ว
เดินออกมาจากห้องโถงชั้นสอง ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่ง ยู่ยี่เงยหน้าขึ้นมอง เห็นฉันทัชเดินออกมาจากประตูหมุนด้านในพอดี
เขาเป็นตัวเอกแห่งค่ำคืนนี้โดยไม่ต้องสงสัย สูทดำ ที่รีดจนเรียบเป็นพิเศษ แผ่ออกอย่างไม่มีรอยยับใดๆ และยังมีความมันวาววับอีกด้วย
เขาเดินอยู่ทางด้านหน้า ข้างหลังมีผู้ชายที่สวมชุดสูทกลุ่มหนึ่งเดินตาม แต่กลับมีเพียงเขาที่สามารถอธิบายรสนิยมของความเป็นชุดสูทนี้ออกมาได้ ยืนอยู่ในนั้น โดดเด่นท่ามกลางผู้คน ดึงดูดความสนใจของทุกคนได้
สองคนถ่ายรูป หลบไปไม่ได้ แล้วก็ยิ่งไม่มีทางหลบได้ด้วยเช่นกัน ทำได้เพียงต้องเดินไปข้างหน้าเท่านั้น
อีกทั้งตอนที่เดินผ่านกัน ยู่ยี่ก็เอ่ยทักทายเขา : “คุณฉันทัช”
“คุณยู่ยี่” ฉันทัชตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ หนักแน่น และจริงจัง
หลังจากที่แยกกันไปแล้ว ตัวแทนของบริษัทคือผู้หญิงวัยราวสี่สิบกว่า เธออึ้งไปอยู่นาน แล้วดึงตัวยู่ยี่เอาไว้ : “นั่นก็คือคุณฉันทัช?”
ยู่ยี่พยักหน้าลง ความรู้สึกทึ่งในแววตาของตัวแทนนี้เธอเห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเขาก็เป็นผู้ชายที่ทำให้คนรู้สึกทึ่งได้ตลอด!
ตัวแทนบริษัทหันกลับไปมองอีกครั้ง ร่างสูงยืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์ ด้านหลังกว้างและแข็งแรง ให้ความรู้สึกมีอำนาจที่บีบให้คนต้องทำตาม สมบูรณ์แบบมากจริงๆ!
อีกไม่นานก็จะเป็นช่วงเวลากลางคืนแล้ว ดังนั้นทั้งสองคนจึงไปจัดการเรื่องอาหารเย็นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว ทานง่ายมาก แต่รสชาติก็ดีมากอีกด้วย
ยู่ยี่ไม่ค่อยทานอาหารรสเผ็ดในช่วงเย็นมาตลอดอยู่แล้ว เธอสั่งซุปกระเพาะมาหนึ่งที่ เปรี้ยวๆ อุ่นๆ ทานแล้วรู้สึกสบายท้องเป็นอย่างมาก
จากนั้นทั้งสองคนก็กลับมาที่ตึกอีกครั้ง ตัวแทนไปที่ห้องโถงก่อน ยู่ยี่รู้สึกปวดหนัก จึงไปห้องน้ำ
จากนั้นเธอก็ไปล้างมือ ที่พื้นนั้นไม่รู้ว่าใครสาดน้ำเอาไว้ เธอไม่ทันได้ระวัง ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วลื่น ร่างของเธอทรงตัวได้ไม่มั่นคงแกว่งไปมา
แล้วจู่ๆทางด้านหลังก็มีเงาหนึ่งเข้ามาปกคลุมเอาไว้ เธอชนเข้ากับอ้อมกอดของเงามือนั้น ด้านบนศีรษะนั้นอยู่ตรงใต้คางของชายหนุ่มพอดี
“ขอโทษนะคะ…..”ยู่ยี่รีบเอ่ยขอโทษ แล้วผลักร่างออกมา กลิ่นที่ส่งผ่านมานั้นเป็นกลิ่นเฉพาะของผู้ชาย
“ไม่เป็นไรครับ….”ริมฝีปากที่เซ็กซี่กระตุกขึ้น ฉันทัชเอ่ยขึ้น
คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเขา ยู่ยี่ตกใจ อ้าปากค้างเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองเขา
บางอย่างก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุข สองขายาวของฉันทัชก้าวมา มือใหญ่ที่เห็นข้ออย่างชัดเจนนี้วางลงตรงเซ็นเซอร์อัตโนมัติ น้ำไหลออกมา กระเด็นมาโดนนาฬิกาข้อมือของเขาอยู่บ้าง : “การปรากฏตัวของผมทำให้คุณตกใจขนาดนี้เลยเหรอครับ?”
ยู่ยี่ส่ายหน้าพลางดึงสติกลับมา แล้วเอ่ยพูดตามความจริง : “ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาเข้าห้องน้ำในเวลานี้นี่คะ”
เธอรู้สึกว่า พรมลิขิตระหว่างคนสองคนนั้นดูจะบังเอิญมากเกินไปบ้างแล้ว…..
“การมาเจอกันแบบนี้เป็นเรื่องบังเอิญ”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเป็นความตั้งใจนี่คะ ฉันรู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญ”ยู่ยี่รู้ว่าเขาเข้าใจความหมายของเธอผิด จึงรีบอธิบาย
เขาจ้องมองเธอแล้วเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง : “ถ้าหากผมบอกว่าเป็นความตั้งใจล่ะครับ?”
“……..”ยู่ยี่เงียบ ดวงตาของเขาลึกและมืดเกินไป เธอแยกไม่ออกว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง
หลังจากนั้น ฉันทัชก็ไม่ได้หยุดทิ้งไว้ที่คำถามนี้อีก แต่กลับเปลี่ยนประเด็นไป : “สำหรับงานนี้ จะต้องได้รับมาให้ได้ใช่ไหมครับ?”
“จะพูดให้ถูกไม่ใช่ฉันที่จะต้องให้ได้งานนี้มาหรอกค่ะ แต่เป็นบริษัทของเราที่จะต้องทำให้ได้งานนี้มาได้มากว่า อีกทั้ง ผู้จัดการของพวกเราให้ฉันมาทำดีกับคุณฉันทัช มาประจบคุณฉันทัชด้วย…..”
ฉันทัชยิ้ม : “ผมไม่รู้สึกว่าคุณทำดีกับผมเลย แล้วก็มาประจบสอพลอนั่นอีก…..”
“เพราะว่าทัศนคติของฉันกับงานนี้ก็คือการปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติไงคะ ถ้าได้มาก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้มาก็ไม่เป็นไร ถ้าหากฉันได้งานนี้มา ฉันก็จะทำดีกับคุณฉันทัช”เธอเม้มปาก ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าว และทำตัวไม่ถูก
“คุณซื่อสัตย์มาก”แววตาของเขาอ่อนโยน
“นี่เป็นคุณธรรมของฉันค่ะ”ยู่ยี่เอ่ยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
มุมปากของเขาโค้งกว้างขึ้น : “ถ้าหากผมจะให้งานนี้กับคุณล่ะครับ?”
เธอรู้สึกตกตะลึงไปตรงนั้น ราวกับรูปปั้นแกะสลัก มุมปากของฉันทัชโค้งขึ้นเล็กน้อย และชุดสูทก็เลิกขึ้นด้วย : “แล้วพบกันครับ……”
จนกระทั่งเขาออกไปแล้ว ความคิดของยู่ยี่ก็ยังคงหลุดลอยออกไป แต่ก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?
ใกล้จะถึงเวลาประกาศผลแล้ว ฉันทัชกำลังนั่งอยู่ตรงกลาง ด้านหน้ามีแก้วน้ำอุ่นวางเอาไว้ คนที่อยู่ด้านข้างนั้นไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรกับเขา เขาเพียงแค่พยักหน้าลงนิ่งๆ
บริเวณรอบๆนั้นมีตัวแทนของบริษัทนั่งกันอยู่มากมาย ล้วนแต่กำลังตั้งตารอในช่วงสุดท้ายนี้
มือใหญ่ที่เห็นข้ออย่างชัดเจนของฉันทัชยกเอกสารเหล่านั้นที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา หลังจากนั้นพักหนึ่ง ก็เอ่ยชื่อบริษัทออกมา
ความคิดของยู่ยี่ยังคงล่องลอยออกไป แต่ตัวแทนของบริษัทกลับจับมือเธอด้วยความตื่นเต้นดีใจ คิ้วและดวงตาของเธอนั้นบ่งบอกถึงความตื่นเต้น : “สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้ว!”
ได้ยินแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึงแข็งทื่อเหมือนกับรูปปั้นอยู่แบบนั้น สายตาจ้องมองขึ้นไปบนเวที ดวงตาที่ลึกซึ้งของฉันทัชมองมา ทั้งสองคนสบตากัน
หน้าแดง หัวใจเต้น และยิ่งรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นโจร ยู่ยี่รีบละสายตาออกมา คิดไม่ถึงว่าเขาจะมอบงานนี้ให้กับบริษัทจริงๆ!
แยกจากการประชุมแล้ว เธอถูกตัวแทนของบริษัทลากออกมาทางด้านนอก สภาพจิตใจของเธอเหมือนคลื่นที่โหมซัดสาด ใบหน้ากลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่ตัวแทนบริษัทนั้นดีใจราวกับถูกรางวัลที่หนึ่งเลยอย่างไรอย่างนั้น เธอโทรไปรายงานข่าวดีกับผู้จัดการทันที