บทที่ 381 เดี๋ยวผมส่งคุณกลับบ้าน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

นาโนจับข้อมือของยู่ยี่เอาไว้ : “ในเมื่อคุณฉันทัชไม่ถือว่าเป็นการรบกวน แล้วยังบอกอีกว่าสามารถช่วยเธอได้ แล้วเธอจะยังปฏิเสธอะไรอีก!”

ยู่ยี่ : “…..”

ขึ้นมาด้านบนแล้ว ถึงได้รู้ว่าชั้นหนึ่งและชั้นสองแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ชั้นสองล้วนแต่เป็นห้องวีไอพีทั้งหมด อีกทั้งยังทำมาจากไม้ไผ่อีกด้วย อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไม้ไผ่

ฉันทัชอยู่ข้างหน้า ทั้งสองคนอยู่ข้างหลัง

หลังของเขากว้างและหนามาก ดูแล้วแข็งแรงเป็นอย่างมาก และยิ่งความสดใสอิ่มเอิบของเสื้อสีน้ำตาลอ่อน รีดเสียจนเรียบ และมีสไตล์อีกด้วย

นาโนคอยดึงยู่ยี่อยู่ตลอดพลางกระซิบกระซาบกับเธอ เมื่อก่อนเธอรู้สึกว่าออกัสสวมใส่เสื้อผ้าได้อย่างให้ความรู้สึกมากที่สุดแล้ว แต่นี้เทพบุตรอยู่เหนือกว่าเสียอีก

เธอสนใจแต่กับการพูด ไม่ได้ระวังเท้าของตัวเอง ฉันทัชหยุดเดินแล้ว นาโนยังไม่หยุดจึงชนเข้าจังๆจนรู้สึกเจ็บหน้าผาก

“ขอโทษครับ….” ฉันทัชหันมา แล้วเอ่ยพูดขึ้นกับนาโน

นาโนส่ายหน้า แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็ผละออกมา : “ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไรเลย”

รอหลังจากที่ฉันทัชเดินเข้าไปแล้ว นาโนก็ดึงยู่ยี่เอาไว้ : “เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้กลิ่นบนร่างของเขาแล้วก็ยังมีกลิ่นบุหรี่ด้วย”

ยู่ยี่ขมวดคิ้ว เธอไม่เคยได้กลิ่นบุหรี่จากตัวของเขาเลย : “ทำไม ความเพ้อฝันดับลงแล้วรึไง?”

“ผู้ชายไม่สูบบุหรี่ก็เหมือนผู้หญิงมากเกินไป สูบมากก็ทำให้รู้สึกไม่ชอบ ต้องสูบแบบกำลังพอดี กลิ่นอายบนตัวของเขาหอมมากเลย กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นบุหรี่จางๆ ได้กลิ่นแล้วทำให้รู้สึกหลงใหล เมื่อกี้นี้ฉันฉวยโอกาสดมไปหลายทีเลยแหล่ะ โอกาสไม่ได้มีง่ายๆนะ ฉันเกลียดผู้ชายที่ฉีดน้ำหอมแล้วก็ผู้ชายที่สูบบุหรี่จัดๆที่สุดเลย…..”

ยู่ยี่ : “…….”

เดินเข้ามาในห้องวีไอพี หลังจากที่เห็นผู้ชายที่ดูมีอายุนั่งอยู่แล้ว ยู่ยี่ก็รู้สึกตกตะลึงไป ที่แท้ก็เป็นผู้รับผิดชอบนี่เอง มิน่าล่ะเขาถึงบอกว่าช่วยเธอได้

แต่นาโนกลับกำลังคิดว่า สามารถทำให้คนใหญ่คนโตมารออยู่ที่นี่ได้ ดูถูกผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ!

ฉันทัชขยับริมฝีปาก แล้วแนะนำอย่างนิ่งๆ ยู่ยี่สงบนิ่งมาก ไม่มีอาการลนลานเลยแม้แต่นิดเดียว

เพียงแต่ พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว สีหน้าท่าทางของผู้รับผิดชอบนั้นดูไม่ค่อยดีนัก เพราะถึงอย่างไรก็เป็นบุคคลของทางราชการ เข้าใจที่จะระงับอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ได้ นอกจากฉันทัชแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้สังเกตเห็น

โต๊ะนึงมีสี่คน ที่นั่งตรงข้ามนั้นคือนายกรัฐมันตรี ฉันทัชนั่งอยู่ข้างๆ ยู่ยี่ก็ไม่ได้เอ่ยพูดขึ้นมา

หาได้ยากที่นาโนจะเงียบแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้ ไม่เหมาะที่จะพูดในสิ่งที่ไม่สามารถใช้การไม่ได้ และไม่เหมาะที่จะล้อเล่นอีกด้วย

เอ่ยถามยู่ยี่เกี่ยวกับเรื่องงานสองสามประโยค เธอเองก็ตอบออกมาได้อย่างนิ่งมาก ถึงอย่างไรก็ทำงานมาได้หลายสัปดาห์แล้ว ความก้าวหน้ามีอยู่ไม่น้อยเลย เธอชอบตัวเองที่มาถึงขั้นนี้ได้ มีความรู้สึกพอใจและรู้สึกถึงความสำเร็จเล็กๆที่พูดไม่ออกนี้อยู่ด้วย

ถึงแม้ทิวทัศน์จะสวย ถึงแม้จะดูงดงาม แต่ก็ไม่มีใครชื่นชม และไม่มีใจที่จะชื่นชมด้วยเช่นกัน กาแฟสองแก้วเห็นก้นแก้ว ยู่ยี่อยากจะใช้ถ้อยคำเตรียมตัวหาข้ออ้างจะกลับ แต่ฉันทัชกลับเอ่ยขอโทษกับทั้งสามคน มือใหญ่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกางเกงสูท ไม่ได้หลบเลี่ยง ยืนรับโทรศัพท์อยู่ตรงด้านหน้าของหน้าต่าง

ดูเหมือนกับมีเรื่องด่วนอะไร เขาตอบรับเบาๆ บอกว่าจะไปถึงในไม่ช้า

รับสายเสร็จแล้ว เขาก็หันกลับมาเอ่ยขอโทษกับคนรับผิดชอบ ซึ่งมีความหมายว่าตัวเองจะต้องไปแล้วนั่นเอง

นายกรัฐมนตรีเอ่ยพูดกับยู่ยี่และนาโน : “จะขอตัวออกไปด้วยหรือเปล่า ทั้งสองคนดูจะเลี่ยงมาพักหนึ่งแล้ว บอกได้นะครับ…..”

ทั้งสองแทบจะรีบออกมาจากห้องวีไอพีนั้นทันที นาโนกระซิบ ผู้รับผิดชอบจะต้องขอเทพบุตรไว้แล้วแน่ๆ ท่าทางของเขาสามารถอธิบายทุกอย่างได้

ยู่ยี่ไม่ได้สนใจเธอ หมุนกลับไปแล้วลูบข้างๆลำตัว พบว่าตัวเองลืมกระเป๋าสตางค์เอาไว้ เธอให้นาโนรออยู่ข้างๆก่อน แล้วหันกลับไปเอากระเป๋าสตางค์

ประตูห้องวีไอพีเปิดอยู่ แล้วก็ไม่เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ด้วย ยู่ยี่คิดว่าทั้งสองคนกลับไปแล้ว จึงเดินเข้าไปเลย

หลังจากที่เธอเดินเข้าไปแล้ว เสียงผู้รับผิดชอบก็ดังขึ้นมา : “เรื่องของเจ้าลูกชาย ต้องรบกวนคุณฉันทัชด้วยจริงๆ คุณฉันทัชอยู่ที่ฮ่องกง……”

หางตาเหลือบไปเห็นยู่ยี่ที่เดินเข้ามา เขาหยุดลงอย่างกะทันหัน ยู่ยี่คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะยืนอยู่ตรงด้านหลังประตู จึงรู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง

“ลืมอะไรครับ?” ฉันทัชหันมามองเธอ เสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อนพาดอยู่ที่แขน

“กระเป๋าสตางค์ค่ะ”ยู่ยี่รีบเอ่ยขึ้นแล้วเดินไปตรงด้านหน้าโต๊ะอย่างรวดเร็ว หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา : “ไม่รบกวนแล้วค่ะ…..”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ฉันทัชก็เอาเสื้อคลุมที่แขนนั้นวางลงบนมือของเธอ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน : “รอผมหนึ่งนาที เดี๋ยวผมไปส่งคุณกลับบ้าน”

เสื้อคลุมนั้นยังอุ่นๆอยู่ ยู่ยี่รู้สึกอึ้งไป อยากจะเอ่ยพูดขึ้นมา แต่เขากลับแย่งพูดขึ้นก่อน : “แล้วก็มีที่จะบอกอีกคือ ยืนรออยู่ตรงประตูด้านนอก อย่าดื้อนะครับ”

ประโยคนี้พูดออกมาแล้ว เสื้อคลุมที่อยู่ในมือก็คืนกลับไปไม่ได้แล้ว เธอจึงทำได้เพียงแค่เดินออกไปจากห้อง…..

ไม่ถึงสามสิบวินาที เขาก็เดินออกมา ผู้รับผิดชอบเดินอยู่ทางด้านหลังเขา หลังจากที่ทักทายกันแล้ว เขาก็ออกไปทางประตูหลัง

ยู่ยี่เอาเสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อนวางในอ้อมแขนของเขา มุมปากของฉันทัชยกขึ้นเล็กน้อย เบาบางมากจนแทบจะไม่สังเกตเห็น….

นาโนยังรออยู่อีกทางด้านหนึ่ง เห็นทั้งสองคนเดินออกมา เธอจึงเดินเข้าไปหา

“พวกคุณสองคนยังมีกิจกรรมกันต่อหรือเปล่าครับ?” ฉันทัชขยับมือ แล้วเอาเสื้อคลุมสีน้ำตาลอ่อนคลุมไว้บนบ่า พลางเอ่ยถามทั้งสองคนอย่างนิ่งๆ

ไม่ต้องรอให้นาโนเอ่ยพูดขึ้น ยู่ยี่ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน : “ไม่มีค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมไปส่งพวกคุณแล้วกันนะครับ….”

ยู่ยี่เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว : “ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ….”

แต่นาโนเอ่ยพูดตัดบทเธอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว : “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนคุณฉันทัชด้วยนะคะ ตอนที่พวกเราออกมาไม่ได้ขับรถมาด้วย”

ฉันทัชยิ้มบางๆออกมา : “ไม่รบกวนครับ….”

ยู่ยี่ : “…..”

วันนี้โก๋ไม่ได้มาด้วย ฉันทัชเป็นคนขับรถ เขานั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ กำลังใช้หูฟังบลูทูธคุยโทรศัพท์กับอีกฝ่าย ดูเหมือนกำลังยุ่งมาก

นาโนกับยู่ยี่นั่งอยู่เบาะหลัง สำหรับเทพบุตรที่นั่งอยู่ตรงหน้า นาโนรู้สึกสนใจอยู่มากเป็นพิเศษ สายตาจ้องมองตามร่างสูงนั้น ทุกๆการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับความมีเสน่ห์และความเป็นผู้ใหญ่ของเขา

ปฏิกิริยาแบบนี้ของเธอ ทำให้หางตาของยู่ยี่อดที่จะกระตุกขึ้นมาไม่ได้

ตลอดทาง เขารับสายอยู่ตลอด ทั้งสามคนไม่ได้พูดคุยกันเลย

ถึงหน้าคอนโดของนาโนแล้ว นาโนลงจากรถ ยู่ยี่จึงฉวยโอกาสดึงแขนเสื้อของเธอเอาไว้ แล้วลงรถตามมาด้วย

“ไม่กลับหรือครับ?”เสียงของฉันทัชดึงดูดและดูใจเย็น

“ฉันคิดว่าจะนั่งซักพักน่ะค่ะ พวกเราไม่ได้เจอกันมานาน”ยู่ยี่ตอบ

ดูเหมือนว่าคิ้วจะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ฉันทัชลึกซึ้งและมืดสนิทจ้องมองมาที่ยู่ยี่ แต่เธอกลับรู้สึกว่าดวงตาที่อ่อนโยนและนิ่งๆนั้นดูมีความเฉียบคมอยู่มาก เธอหันหน้าไปเพื่อเลี่ยงที่จะสบตากับเขา

นาโนไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติระหว่างทั้งสองคนนี้ จึงเอ่ยเชิญด้วยความกระตือรือร้น : “คุณฉันทัช เข้าไปดื่มชาก่อนแล้วค่อยกลับดีไหมคะ?”

“ขอบคุณครับ ยังมีธุระต้องไปจัดการอีก ยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้เลยครับ…..” ฉันทัชชี้ไปที่หูฟังบลูทูธ มือที่เป็นข้ออย่างชัดเจนถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ น้ำเสียงเนิบๆ

“ครั้งหน้าจะต้องเลี้ยงข้าวคุณฉันทัชให้ได้อย่างแน่นอนค่ะ”นาโนไม่ได้บังคับอีก

“แน่นอนครับ….”เขายกริมฝีปากขึ้นบางๆ ไม่ได้ห่างเหิน และไม่ได้ใกล้ชิด ดวงตานิ่งๆนั้นละออกจากทั้งสองคน พยักหน้าลงเล็กน้อย หลังจากที่ทักทายแล้วนั้นก็ขับรถจากไป

ดนัยไม่อยู่บ้าน นาโนดึงตัวยู่ยี่มา ให้เธออยู่คุยเป็นเพื่อน และนี่เธอก็อยู่จนถึงสามทุ่ม