ตอนที่ 558 ผมหนาว / ตอนที่ 559 หาจุดเจาะเจอ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 558 ผมหนาว

 

 

           ไป๋จิ่งทำอะไรไม่ได้ นอกจากลูบปลายจมูกปอยๆ เดินเข้าห้องน้ำด้วยสีหน้าโศกเศร้า ตัวเองต้องลงมือเองแล้ว

 

 

           ดวงไฟในห้องน้ำสาดส่องแสงสลัว ไม่รู้ว่ามั่วไป๋ดึงผ้าห่มลงตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

           ใบหน้าขาวผ่องของเขาแดงระเรื่อ มั่วไป๋เงยหน้ามองไฟบนเพดาน แล้วยกมือขึ้นมาปิดดวงตาที่เขินอายอยู่ในที

 

 

           ……

 

 

           เมื่อไป๋จิ่งออกมา มีไอน้ำและไอความเย็นกระจายรอบตัว

 

 

           แต่ในใจร้อนรุ่มไม่ไหว ไป๋จิ่งถือโอกาสอาบน้ำเย็น เวลานี้ถึงฤดูใบไม่ร่วงแล้ว ไป๋จิ่งที่อาบน้ำเย็นออกมาจึงเย็นเยือกไปทั้งตัว

 

 

           ความหนาวเพียงนิดนี้สำหรับไป๋จิ่งแล้วไม่ได้มีผลกระทบอะไร

 

 

           แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอเห็นมั่วไป๋ ไป๋จิ่งก็ตาลุกวาว เข้าไปใกล้แสร้งทำตัวน่าสงสารทันที

 

 

           เขาวิ่งแจ้นไปข้างเตียงมั่วไป๋อย่างหน้าไม่อาย เขารู้ว่ามั่วไป๋ยังไม่ได้หลับจริงๆ

 

 

           “มั่วไป๋ ผมหนาว…”  

 

 

           ไป๋จิ่งทำหน้าทำตาน่าสงสารมองมั่วไป๋อยู่ข้างๆ น้ำเสียงฟังดูแล้วทำให้คนทั้งรักทั้งสงสารเป็นพิเศษ

 

 

           ถึงแม้ว่ามั่วไป๋เอามือปิดตาไว้ แต่ไม่ได้นอนหลับตลอดจนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ไป๋จิ่งเปิดประตูห้องน้ำ หัวใจเขาก็กุมแน่นขึ้นมา

 

 

           เดิมคิดว่าไป๋จิ่งจะสงบอาการได้บ้าง ไปนอนหลับดีๆ ไม่ต้องมาหาเรื่องเขาอีก

 

 

           ใครจะคิดว่าพอไป๋จิ่งออกมาก็วิ่งแจ้นมาอยู่ข้างเตียงเขา ส่ายหางดุ๊กดิ๊กทำตัวน่าสงสาร

 

 

           มั่วไป๋ยังคงอยู่ในท่าเอามือปิดตาอยู่ แสร้งทำเป็นว่านอนหลับลงไปแล้ว คิดว่าต่อให้ไป๋จิ่งจะทำโรคจิตอีก ก็ควรจะไม่ก่อหวอดให้เขาตื่นหรอกมั้ง

 

 

           ถึงอย่างไรแกล้งไม่สนใจเขา ก็ควรจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

 

 

           มั่วไป๋ประเมินค่าไป๋จิ่งต่ำไปอย่างชัดเจน

 

 

           มีหรือที่เขาจะรู้ เวลาไป๋จิ่งเป็นตัวร้าย จะร้ายยิ่งกว่าใครใดๆ เสียอีก

 

 

           ไป๋จิ่งอยู่ข้างๆ รอมาสองนาที เห็นว่ามั่วไป๋ไม่สนใจเขา ด้วยเหตุนี้จึงกัดฟันยื่นมือที่เย็นเฉียบกุมแขนที่วางพาดบนใบหน้ามั่วไป๋

 

 

           มั่วไป๋คิดไม่ถึงว่าเขาจะทำแบบนี้ได้ แขนเขาสั่นสะท้านโดยไม่ตั้งใจ

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเขาก็รู้ว่ามั่วไป๋ยังไม่ได้นอนหลับ ดังนั้นเขาจึงอาจหาญปีนขึ้นเตียงมั่วไป๋

 

 

           ค่อยๆ เบียดมั่วไป๋ทีละนิดๆ

 

 

           ทั้งตัวเขาเย็นยะเยือกเหมือนกับน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น เดิมมั่วไป๋อยากจะถีบให้เขาลงไป ผลปรากฏว่าพอเห็นเขาเย็นยะเยือกไปทั้งตัวจึงไม่ได้ทำอะไร

 

 

           มั่วไป๋สูญเสียพื้นที่เตียงไป ถูกไป๋จิ่งเจ้าหมอนี่ยึดครองอย่างหน้าไม่อาย

 

 

           เขาถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ รู้สึกว่าระดับความอดทนอดกลั้นของตัวเองที่มีต่อไป๋จิ่ง ต่อให้เปลี่ยนไปใหญ่แค่ไหน คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นานก็เปลี่ยนไปเป็นศูนย์ได้แล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งลอบยิ้ม แทรกตัวเข้าใต้ผ้าห่มของมั่วไป๋ เขาไม่ได้กล้าจะกอดคนข้างๆ ทันที

 

 

           แต่รอให้ร่างกายอบอุ่นแล้วถึงค่อยเอื้อมมือไปกอดมั่วไป๋ไว้

 

 

           มั่วไป๋ถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “กลับไปนอนเตียงของตัวเองสิ”

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นเขาแค่ไล่ทางวาจา เขาจึงเริ่มจะทำตัวกะล่อนทันที เขาส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ไป จะอยู่ตรงนี้”

 

 

           มั่วไป๋หลับตาลงทำอะไรไม่ได้ “ไป๋จิ่ง ฉันรู้สึกว่าตอนนี้นายไม่มีหนังหน้าแล้ว”

 

 

           ‘คนอยู่ในอ้อมกอดแล้ว ไม่มีหนังหน้าแล้วยังไง’

 

 

           ไม่ว่ามั่วไป๋พูดอะไร ไป๋จิ่งก็กอดคนอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ปล่อยมือทั้งนั้น แสดงให้รู้ว่า ‘ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมจะไม่ปล่อยมือทั้งนั้น’

 

 

           มั่วไป๋ทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ แล้วปล่อยเขาไปเลยตามเลย

 

 

           ถึงอย่างไรต่อให้ทำแล้วทำเล่า ก็ไม่มีความหมายอะไร ต่อให้เขาพูดจนปากแห้ง ไป๋จิ่งก็ไม่ลงไปอยู่ดี

 

 

           ในเมื่อผลสุดท้ายก็เหมือนเดิม แล้วทำไมเขาจะต้องเสียแรงเปล่าด้วย

 

 

           มั่วไป๋ยอมรับเงียบๆ เขาหลับตาลง อยู่ในท่าที่โดนไป๋จิ่งกอดไว้แล้วหลับตาลงไปทั้งอย่างนี้

 

 

           ไป๋จิ่งมองดูคนในอ้อมกอด เขาหัวเราะแหะๆ เป็นอย่างที่คิดไว้เตียงตัวเองมีอะไรน่านอน กอดมั่วไป๋ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

 

 

           เขายิ่งคิดยิ่งมีความสุข แสยะยิ้มขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

 

 

           ไป๋จิ่งก้มหน้ามองดูใบหน้าของมั่วไป๋ ทันใดนั้นโน้มเข้าใกล้แล้วกดจูบอย่างหนักหน่วงไปทีหนึ่ง เวลานี้ถึงได้นอนกอดมั่วไป๋ด้วยความพอใจแล้วผล็อยหลับไป

 

 

           

 

 

ตอนที่ 559 หาจุดเจาะเจอ

 

 

           เช้าวันต่อมา ไป๋จิ่งกลับมาสู่โหมดปกติแล้ว ไม่ได้มาวอแวมั่วไป๋แล้ว

 

 

           แล้วตื่นขึ้นมาตอนเช้า เขานั่งอยู่ข้างๆ ยื่นมือไปเปิดโน้ตบุ๊ก ไมเคิลส่งข้อความมาหาเขาเมื่อคืนนี้ บอกว่าของที่เขาต้องการสืบได้ทั้งหมดแล้ว

 

 

           เมื่อคืนเขาสนใจแค่วนเวียนอยู่กับมั่วไป๋ เขาเองก็ไม่รีบร้อนจะดู แต่วันนี้ต้องออกไปเจอเซียวเย่ว์ ดังนั้นไป๋จิ่งถึงได้ลุกขึ้นมาดู

 

 

           ถึงอย่างไรเขาก็แค่เรียนรู้ในสิ่งที่ควรเรียนรู้ ถึงจะดูได้ว่าต่อไปจะต้องเดินทางไหน

 

 

           เขาถือโน้ตบุ๊กไว้ลงชื่อเข้าใช้เข้าอีเมล เปิดดูเมลที่ไมเคิลส่งมาให้เขา

 

 

           ไป๋จิ่งใช้เวลาสิบนาทีดูคร่าวๆ อย่างรวดเร็วไปรอบหนึ่ง สุดท้ายก็หยุดค้างอที่ชื่อนี้ ‘เปาเหวินซิง’ ไว้อยู่ไม่กี่วินาที

 

 

           ตามข้อมูลที่ไมเคิลให้มาแสดงชัดเจนว่า เปาเหวินซิงคนคนนี้เป็นลูกชายของเจ้าของเหมืองถ่านหิน ถือว่าเป็นทายาทเศรษฐีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

 

           หลังจากเจอเซียวเย่ว์ เขาก็ตกหลุมรักเซียวเย่ว์ทันที ตามจีบมาแล้วหลายปี แต่จีบไม่เคยติดสักที

 

 

           เซียวเย่ว์คนคนนี้หลงคิดว่าตนเองดีงามสูงส่ง คิดว่าเปาเหวินซิงไม่ดีพอ รูปร่างหน้าตาธรรมดา ชาติตระกูลก็ธรรมดา

 

 

           ดังนั้นจึงดูแคลนเปาเหวินซิงมาโดยตลอด

 

 

           ถ้าเอาแต่ดูแคลนเปาเหวินซิงก็ช่างเถอะ เซียวเย่ว์ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบเปาเหวินซิง แต่กลับชอบความรู้สึกที่เปาเหวินซิงตามจีบ ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธเปาเหวินซิงชัดเจน เธอมักจะให้ความหวังเปาเหวินซิงนิดหน่อยเสมอ

 

 

           เปาเหวินซิงตามจีบเซียวเย่ว์อย่างหน้าไม่อายแบบนี้ เปาเหวินซิงคิดว่าเซียวเย่ว์ยังพอมีใจให้ตัวเอง ไม่ช้าก็เร็วสักวันจะสำเร็จผลได้ในที่สุด

 

 

           แต่ใครจะรู้ว่าตัวเองเป็นแค่ตัวสำรองของเซียวเย่ว์ ยังเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ให้ความสัมพันธ์เลยสักนิด

 

 

           หลังจากรู้เรื่องนี้ เปาเหวินซิงโมโห ก็สารภาพกับเซียวเย่ว์ไปตรงๆ ครั้งหนึ่ง

 

 

           ใครจะรู้ว่าเซียวเย่ว์เห็นว่าสองคนไม่ไว้หน้ากันแล้ว จึงพูดฉีกหน้าเปาเหวินซิงอย่างรุนแรง พูดไม่น่าฟังมากเหลือเกิน

 

 

           ต่อมาทั้งสองคนตัดเป็นตัดตายไม่ข้องเกี่ยวกันอีก

 

 

           ถ้าเป็นแค่แบบนี้ก็แล้วกันไป แต่ต่อมาเซียวเย่ว์ก็รนหาที่ตาย คิดไม่ถึงว่าตอนที่คุยกับเพื่อนจะพูดถึงเปาเหวินซิงขึ้นมา

 

 

           เธอทำหน้าดูถูก พูดถึงเปาเหวินซิงถึงขนาดเป็นขยะก็ไม่ปาน

 

 

           เพื่อนกลุ่มนั้นของเซียวเย่ว์ เดิมก็เป็นเพื่อนกินอยู่แล้ว จึงเอาคำพูดวันนั้นไปบอกเปาเหวินซิง

 

 

           หลังจากเปาเหวินซิงได้ยิน เขาก็คิดว่าตัวเองผ่านประสบการณ์ตาบอดมาแล้วหลายปี ทุกอย่างทั้งหมดกลายเป็นความอาฆาตพยาบาท คิดวิธีแก้แค้นเซียวเย่ว์มาเสมอ

 

 

           ไป๋จิ่งหรี่ตาลง

 

 

           ‘เปาเหวินซิง…’

 

 

           สำหรับจุดที่เขาจะเจาะเข้าไปอาจจะเป็นเรื่องที่ดีมาก

 

 

           เพียงแต่ว่าไฟแค้นของเปาเหวินซิงที่มีต่อเซียวเย่ว์ในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาเติมเชื้อไฟก็เรียบร้อย

 

 

           ‘หนามยอกเอาหนามบ่งไม่เกินไปหรอกมั้ง’

 

 

           ไป๋จิ่งมองดูเวลายังเช้าอยู่ เขาก็ลงมาซื้อข้าวเช้าอยู่ข้างล่าง

 

 

           ตอนที่เขากลับมา มั่วไป๋ยังไม่ตื่น เขาเห็นใบหน้าที่สงบนิ่งยามหลับใหลของมั่วไป๋ ทันใดนั้นหัวใจก็เกร็งแน่น เขาก้มหน้าลงจูบมั่วไป๋

 

 

           ยามที่ริมฝีปากประกบกัน จู่ๆ ไป๋จิ่งก็ควบคุมการกระทำของตัวเองไม่อยู่ จูบจนคนตรงหน้ารู้สึกตัวขึ้นมา

 

 

           มั่วไป๋นอนสลึมสลืออยู่ เขาก็รู้สึกหายใจติดขัด เขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นไป๋จิ่งกำลังคร่อมตัวเองและจูบเขาอยู่

 

 

           จิตใต้สำนึกสั่งให้มั่วไป๋คิดยกเถ้าถีบเขา แต่จะทำอย่างไรได้ไป๋จิ่งทับขาเขาพอดี ยกเตะไม่ได้ทันที

 

 

           จนกระทั่งไป๋จิ่งปล่อย มั่วไป๋ถึงได้ถลึงตาใส่ไป๋จิ่งอย่างดุดัน

 

 

           ไป๋จิ่งรู้ว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองออกจะทำเกินไปสักหน่อย ด้วยเหตุนี้จึงปล่อยให้มั่วไป๋ถลึงตาใส่อย่างว่าง่าย ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้มองเขา

 

 

           ท่าทางแบบนี้ของเขาทำเอามั่วไป๋ด่าไม่ออกปากแล้ว สุดท้ายก็กุมขมับอย่างจนใจ “เช้าขนาดนี้นายมาจูบฉันทำไม”

 

 

           ไป๋จิ่งกะพริบตาปริบๆ ทำไขสือ “อดไม่ได้แป๊บนึงไง” เขาหยุดสักพักแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ต้องโทษที่คุณยั่วเสน่ห์เกินไป ผมควบคุมไม่อยู่”