เป็นอีกครั้งที่เฉินยุนโหลวเหมือนถูกใบมีดหมื่นเล่มปาใส่ร่างเขาได้แต่ยืนเงียบหงุดหงิดอยู่ในใจ หัวใจก็เริ่มอ่อนแอลง ในขณะเดียวกันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเร่งด่วนขนาดนั้น ทำไมฉางกวนยวีซินถึงไม่ลังเลที่จะช่วยชูฮันเลยสักนิด?
ฉางกวนหลงที่ผลักเฉินยุนโหลวออกไปจากทางก็มองลูกสาวตัวเองที่กำลังส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้เขายิ่งโกรธเข้าไปอีกและตะคอกออกมาตามอารมณ์ “ระหว่างพ่อแก่ๆกับชูฮัน ลูกสามารถเลือกได้แค่คนเดียวตอนนี้ ลูกจะไปตายกับไอ้ชูฮันนั่น หรือจะอยู่ที่นี้กับพ่อต่อไป!”
ตาของฉางกวนยวีซินแดงก่ำคอตั้งตรง สบตากับพ่อผู้ให้กำเนิดตรงๆอย่างแน่วแน่ น้ำเสียงชัดเจนและหนักแน่น “ฉันเลือกชูฮัน”
”เฮือก!”
ทุกคนในห้องประชุมร้องอุทานกันมาอย่างพร้อมเพรียงด้วยความตกใจกับการเลือกของฉางกวนยวีซินในสถานการณ์แบบนี้แล้วพวกเขาจะเอาชนะชูฮันแล้วได้แต่งงานกับหญิงสาวได้อย่างไร?
”ลูก!”
ทันใดนั้นฉางกวนหลงก็หน้าดำคล้ำเลือดสูบเฉียดรุนแรง ความดันพุ่งกระฉูดเพราะความโกรธที่มีต่อฉางกวนยวีซิน “ฉันเป็นคนทำให้แกเกิดมา! แล้วไอ้เด็กชูฮันนั่นมันเป็นใคร มันมีอะไรดี!”
”เขาไม่ได้ดีอะไร!”ฉางกวนยวีซินไม่คิดหลบสายตาฉางกวนหลง “แต่เขาช่วยชีวิตหนู ขณะที่เขาเจอกับฝูงซอมบี้มากมายมหาศาล เขาอยู่ตรงหน้าหนู ขณะที่พวกคนชั่วหนีเอาตัวรอด แต่เขากลับปกป้องหนูและช่วยชีวิตหนูออกมาจากเมืองป่าเถื่อน เขาคอยคุ้มกันหนูมาอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายจนกระทั่งหนูได้เจอกับกองทัพทหารที่กำลังมุ่งหน้าไปซางจิง ทั้งๆที่มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดเพราะเป็นช่วงแรกเริ่มของโลกาวินาศแต่เขากลับปกป้องหนูที่เป็นคนแปลกหน้า!”
”แล้วพ่อล่ะ?”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ตาแดงก่ำของฉางกวนยวีซินก็มีน้ำตาเอ่อคลอและเริ่มค่อยๆหยดหลงมาเป็นทาง “พ่ออยู่ที่ไหนในช่วงเวลาที่หนูลำบากที่สุด?!”
นัยน์ตาของฉางกวนหลงหดตัวทันทีเขาไม่กล้าสู้หน้าลูกตัวเอง เขาไม่มีความมั่นใจที่จะสบตากับฉางกวนยวีซิน คำพูดของฉางกวนยวีซินถูกต้องทุกอย่าง เขาไม่ได้อยู่ที่นั่นในเวลาที่ลูกสาวเขาต้องการเขามากที่สุด แม้แต่ในยุคศิวิไลซ์ สิ่งที่คนเป็นพ่อควรจะทำ ถึงแม้เขาจะพยายามชดเชยในตอนนี้ มันก็ยังห่างไกลกับความสัมพันธ์ที่ชูฮันและฉางกวนยวีซินมีด้วยกันเมื่อตอนที่เผชิญกับความลำบากด้วยกัน
เมื่อได้เห็นภาพพ่อและลูกสาวที่ทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ก็เป็นอีกครั้งที่มีคนรอบข้างตัดใจสินเข้ามาเพื่อปลอบประโลมสถานการณ์ เฉินยุนโหลวลังเลหากก็ตัดสินใจที่จะกล้าเสี่ยงฝืนคำห้ามของทั้งคู่ก่อนหน้านี้และเข้าไปแทรกอีกครั้ง “เอาละ เราอย่าพึ่งมาเถียงกันตอนนี้ดีกว่า เรามารีบคิดหาวิธีช่วยชูฮันกันดีกว่า ทหารที่เราพามาก็กลับกันไปหมดแล้วเพราะไม่มีใครคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ตอนนี้ค่ายหนานตู้มีกำลังทหารทั้งหมดเท่าไหร่ครับ?”
ความคิดของเฉินยุนโหลวง่ายมากนอกจากค่ายจินหยางที่หยิ่งผยอง เขาก็ไม่มีคู่แข่งให้ต้องกังวลอีกแล้ว ท้ายที่สุดแล้วอย่างที่ลุงเขาบอกฉางกวนยวีซินคือโอกาสที่ดีที่สุดของเขา แต่เพราะก่อนหน้านี้เหมือนเขาจะไม่มีโอกาสเลย เพราะฉางกวนยวีซินและชูฮันดูเหมือนมีความสัมพันธ์กัน
จงคุยที่ได้ยินแสยะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน”กลุ่มเด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว มองสถานการณ์ไม่ออก จะช่วยชูฮันงั้นเหรอ? ใครช่วยชูฮันต้องตาย!”
ที่จงคุยพูดกับทุกคน…มันหมายความว่ายังไงกันแน่?
ฉางกวนยวีซินสบตากับพ่อของเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามและเอ่ยถามออกมาเสียงแข็ง”นี้มันบ้าอะไร?” ไอลีนโนเวล
”เอ่อ…”ฉางกวนหลงหมดหนทาง ทำได้แต่ถอนหายใจเบาๆกับตัวเอง เขายังคงนั่งนิ่งที่เดิม ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนแก่ลงอีกสิบปี “ฉันไม่ได้อยากจะช่วย ไม่ว่าจะชูฮันจะเป็นคนก่อไฟไหม้สถาบันวิจัยจริงๆหรือจงใจทำร้ายจงไค ในฐานะผู้นำของค่ายหนานตู้ฉันไม่ควรจะนั่งอยู่เฉยๆขณะที่พลเอกชูฮันกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ว่า…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้น้ำเสียงของฉางกวนหลงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัว “แต่ลองคิดดูสิ กลุ่มนักฆ่าที่มีแต่ระดับปรมาจารย์ของจีนทั้ง 15 คนรุมทำร้ายพลเอกชูฮันจนพลเอกชูฮันจนมุมได้ คิดว่าคนพวกนั้นจะธรรมดาเหรอ? คิดว่าเราจะช่วยอะไรได้?”
”ท่านหมายความว่ายังไง?”เฉินยุนโหลวประหลาดใจ “ค่ายไหนกันแน่ที่จะได้ประโยชน์ถ้าพลเอกชูฮอันตาย?”
”หึ!”ฉางกวนหลง “ค่ายไหนล่ะที่ส่งวิวัฒนาการระยะ 5 ถึง 14 คนและวิวัฒนาการระยะ 6 อีกหนึ่งคนมาพร้อมกันทีเดียวได้? เป็นไปได้ยังไงที่คนระดับนี้จะยอมทำตามคำสั่งใครง่ายๆ?”
”ค่ายเขี้ยวหมาป่าไง!”ฉางกวนยวีซินไม่ยอมให้ฉางกวนหลงแม้แต่น้อย “กองทัพของค่ายเขี้ยวหมาป่ามีทหารทรงพลังกว่าคนกลุ่มนี้อีก!”
ทันใดนั้นฉางกวนหลงก็ไม่สามารถเก็บสีหน้าได้อีกต่อไป”ค่ายเขี้ยวหมาป่า…สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรู้จักชูฮันจริงๆ ท้ายที่สุดแล้วค่ายหนานตู้ของฉันที่เป็นค่ายสามอันดับสูงสุดของจีนก็ยังไม่มีพละกำลังคนที่แข็งแกร่งแบบนี้เลย ไม่ต้องพูดถึงค่ายอื่นๆเลย? แล้วไหนมันยังมีวิวัฒนาการระยะ 6 ในกลุ่มนักฆ่าอีก แล้วความสำคัญของวิวัฒนาการระยะ 6 มันมากขนาดไหนก็รู้? ทั่วทั้งจีนมีจำนวนมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระยะ 6 แค่หลักหน่วยเท่านั้น!”
”หรือท่านหมายถึงตระกูลลึกลับที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง?”เฉินยุนโหลวประหลาดใจอย่างมาก “เป็นไปได้ยังไง? เมื่อปีที่แล้วตอนที่เกิดการปะทุขึ้น ความช่วยเหลือฉุกเฉินของจีนนั้นรวดเร็วและมากที่สุดในโลก เราก่อตั้งค่ายขึ้นตามภาคเขตต่างๆมากมายเพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตด้วยความเร็วสูงสุดกว่าใครทั้งนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีองค์กร์ที่เหนือยิ่งกว่าพวกเราในจีน!”
”มันเป็นไม่ไปได้เหรอ?”จงคุยประชดประชนเต็มที่ “เคยได้ยินข่าวที่ห้องประชุมในซางจิงถูกถล่มพังทลายลงมาเมื่อปีที่แล้วมั้ยละ?”
ทุกคนในห้องประชุมชะงักจนแทบลืมหายใจความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นเต็มอกไปหมด
”แน่นอนว่าผมเคยได้ยินแต่…” ในหัวของเฉินยุนโหลวตอนนี้กำลังสับสนอย่างมากจนไม่รู้ว่าควรจะจดจ่อกับเรื่องไหนดี “แล้วนี่มันเกี่ยวยังไงกับการลอบสังหารชูฮันกันครับ? การถล่มของอาคารในซางจิงไม่ใช่เพราะว่าพวกเขารีบเร่งและกระตือรือร้นที่จะสร้างอาคารในยุคโลกาวินาศทั้งที่ปัจจัยไม่เพียงพอเหรอครับ? มั่นใจเหรอครับว่าการก่อสร้างตัวอาคารมันมั่นคงดีแล้ว?”
”มันมีเหตุผลที่ไม่ได้บอก”แววตาของฉางกวนหลงคมกริบ สีหน้าจริงจังอย่างมาก “สาเหตุที่เกิดการถล่มมันเป็นฝีมือมนุษย์ต่างหาก”
”ฮือ!ฮา!~~”
ทุกคนอุทานออกมาอย่างตกใจตามมาด้วยเสียงพูดคุยกันระงม
”ฝีมือมนุษย์?ใครกัน?”
”หมายความว่านั้นคือพลังของคน?”
”คนที่ไหนจะสามาถรทำลายอาคารพังถล่มลงมาได้ในคราวเดียว?มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
”มันเป็นไปได้”ฉางกวนหลงจ้องเขม็งไปที่ปฏิทินตรงกำแพงห้องที่อยู่ในระยะสายตาพอดี จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเงียบๆ “ตอนนี้คือ 2 สิงหาคม ยุคโลกาวินาศ มันถึงเวลาที่ความจริงจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณะแล้ว”
หลังจากฉางกวนหลงพูดแบบนั้นออกมาทันใดนั้นทั้งห้องประชุมก็สงบลงอย่างกระทันหัน เหมือนมีกลองรัวอยู่ในใจของเหล่านายพลทั้งหลายรวมถึงผู้นำค่ายที่มาในฐานะตัวแทนจากแต่ละค่าย พวกเขาคิดว่ามาเพื่อการแต่งงานแต่กลับมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นและได้รับรู้
โลกที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นไม่เหมือนกับที่พวกเขามองเห็นสินะ?
”นั่นก็คือฝีมือของตระกูลลึกลับ!”ฉางกวนหลงถอนหายใจอ่อนๆ พร้อมกับความช็อคของเหล่าผู้มีอำนาจทั้งหลายในห้อง “ในยุคศิวิไลซ์ พวกเราใช้ชีวิตก็อย่างราบรื่นไร้ซึ่งวี่แววได้ๆเลยว่ามันจะเกิดโลกาวินาศขึ้น ทั้งซางจิง หนานตู้ จินหยาง ทำไมครั้งแรกจู่ๆมันถึงได้มีการปะทุเกิดขึ้น พวกคุณเคยสงสัยมั้ยว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดนี้?”
”การปะทุของโลกาวินาศนั้นเกิดขึ้นกระทันหันหากและไม่มีใครได้มีโอกาสเตรียมตัวเตรียมใจทั้งนั้น”ฉางกวนหลงไม่สนใจว่าเกือบทุกคนในห้องกำลังช็อคค้างจนแทบจะเป็นลมอยู่แล้ว เขายังคงระบายข้อมูลหนักๆออกมาไม่หยุด “คนที่เป็นคนทำลายอาคารในซางจิงลงมาได้ทันทีคือสมาชิกของตระกูลลึกลับ แค่คนคนเดียวทำได้อย่างง่ายๆ เขาทำให้ทั้งตึกถล่มลงมาได้ภายในแค่พริบตาเดียวเท่านั้น!”