ตอนที่ 649 ลงมือขั้นต่อไป / ตอนที่ 650 เรื่องที่ต้องขอโทษ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 649 ลงมือขั้นต่อไป

 

 

“ที่คุณมีอยู่เท่าไหร่”

 

 

เหยียนเค่อกำลังเหม่อคิดอยู่ว่าเหยียยนเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่ก็ถูกเบลล์ขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

 

 

“หืม?” เหยียนเค่อนิ่งไปกับคำถามของหล่อน นี่ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญนะ “คุณถามเรื่องนี้ไปทำไม”

 

 

“ถ้าเกิดคุณมีหุ้นอยู่ในมือ ต่อให้เขาคิดจะมาแย่งซื้อหุ้นให้มากกว่าคุณมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าหุ้นในมือคุณมันน้อย ก็แสดงว่าเขาอยากจะยึดครองตระกูลเหยียนไว้คนเดียว”

 

 

เหยียนเค่อก็คิดอย่างนี้เช่นเดียวกัน หลายปีที่เบลล์อยู่ข้างกายเหยียนเฟิงมันทำให้หล่อนมองการกระทำของเหยียนเฟิงออกอย่างทะลุปรุโปล่ง

 

 

แต่ว่าเหยียนเค่อจำไม่ได้แล้วจริงๆ ว่าเขาถือหุ้นอยู่เท่าไหร่

 

 

ตามธรรมเนียมของตระกูลเหยียนแล้ว ลูกหลานที่โตแล้วจะได้หุ้นเป็นส่วนแบ่ง แต่ว่าจะได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้นำของตระกูล อีกอย่างหุ้นที่ได้ออกมานั้นได้มาจากส่วนของผู้นำตระกูลที่แบ่งออกมาให้

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าตนจะได้ส่วนแบ่งหุ้นมาเท่าไหร่ แต่ว่าเขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าครั้งนี้ เบลล์จะคาดการณ์ถูกหรือไม่

 

 

“คุณว่าเหยียนเฟิงทำอย่างนี้ไปทำไม”

 

 

เบลล์สะบัดผม รู้สึกลำบากใจ แต่ถ้าอาศัยความเข้าใจที่เธอมีต่อเหยียนเฟิง หลายปีมานี้เขาก็อดกลั้นมานานแล้ว ตอนนี้ทำออกไปแบบนี้มันต้องเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นแน่ “น่าจะคิดอยากจะแย่ง ครอบครองตระกูลเหยียนเอาไว้ก่อน”

 

 

“แต่ว่ามันเสี่ยงมากเลยนะ” เหยียนเค่อขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะคิดเช่นเดียวกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขัด “หุ้นในมือพวกเขาทั้งหมดรวมกันอยู่ที่ประมาณยี่สิบสามเปอร์เซ็นต์ ต่อให้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สนิทกับเหยียนเฟิงมากสุดก็ไม่เกินสิบเปอร์เซ็นต์อยู่ดี ปู่ของฉันคนเดียวก็มีสามสิบเปอร์เซ็นไปแล้ว พ่อฉันอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แม่อีกห้าเปอร์เซ็นต์”

 

 

เบลล์รู้สึกแปลกใจ “ทำไมคุณจำของคนอื่นในครอบครัวได้หมด แต่กลับจำของตัวเองไม่ได้ล่ะ”

 

 

เหยียนเค่อจะพูดอะไรได้ ตัวเลขพวกนี้ของคนอื่นมันต่างเปิดเผยให้เห็นต่อที่สารธารณะอยู่แล้ว ส่วนของตัวเองมันตั้งยี่สิบปีมาแล้ว จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ

 

 

“ไม่มีอะไรน่าพูดหรอก ตกลงคุณคิดว่าอย่างไร” เหยียนเค่อกำลังลองคิดตามความคิดของเหยียนเฟิง

 

 

วิธีการลับๆ ของเหยียนเฟิงทำเอาเขาเดาทางไม่ค่อยออกจริงๆ เหยียนเค่อมีความรู้สึกว่าต่อไปเขาคงไม่ได้อยู่อย่างสบายแน่ๆ

 

 

เบลล์รู้ว่าเหยียนเค่อเดาทางการกระทำของพี่ชายตัวเองผ่านจากความคิดของเธอ เธอก็อยากจะจะบอกเหยียเค่อให้ชัดเจนเหมือนกันว่าควรจะคาดการกระทำน่ารังเกียจของเหยียนเฟิงอย่างไรดี แต่ว่าเธออยู่กับเหยียนเฟิงมานานเกินไป ความคิดพวกนี้ไม่ใช่ว่ามองเพียงด้านเดียวแล้วจะคิดออกเลย ถ้าจะถามว่าเธอคิดคำตอบแบบนี้ออกมาได้อย่างไร เธอคงต้องบอกตามตรงว่าเธอไม่รู้จริงๆ

 

 

“ที่จริง ถ้าคุณรู้ว่าพี่ชายคุณเป็นคนอย่างไรคุณจะเดาได้ง่ายมากๆ เลยล่ะ” เบลล์รู้จักนิสัยของเหยียนเฟิงเป็นอย่างดี

 

 

“สิ่งที่เขารับไม่ได้ที่สุดคือการไปเป็นตัวประกอบให้คนอื่น อีกอย่างเขาเป็นคนเห็นแก่ผลประโยชน์เอามากๆ ”

 

 

“ถ้าว่ากันตามเรื่องที่พูดกันเมื่อครู่ ถ้าเขาจะมาสู้กับคุณซึ่งๆ หน้ามันก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี ถ้าสุดท้ายคุณได้เป็นผู้นำตระกูลหุ้นของพ่อกับปู่คุณก็ต้องตกเป็นของคุณอยู่ดี ต่อให้เขามีมากแค่ไหนก็เอาชนะคุณไม่ได้อยู่ดี แต่ว่าถ้าเขาแอบซื้อหุ้นเพิ่มแล้วคิดจะล้มอำนาจพ่อของพวกคุณในการประชุมครั้งหน้า ต่อให้คุณมีหุ้นมากขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน” เบลล์พูดจบในคราเดียว เธอรู้สึกว่าตัวเองช่างเก่งจริงๆ

 

 

เหยียนเค่อพยักหน้านิ่งๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่เหยียนเฟิงถึงได้คิดถึงผลสรุปที่มันประหลาดแบบนี้ออกมาได้ ถ้ามันจะแย่งกันขึ้นไปนั่งตำแหน่งได้ง่ายขนาดนี้ อย่างนั้นคนที่ถือหุ้นก็มีอากาศสลับกันขึ้นไปนั่งตำแหล่งนั้นได้ตลอดสินะ

 

 

“ทำไมปฏิกิริยาของคุณมันถึงได้นิ่งนักล่ะ” เบลล์รู้สึกว่าตัวเองพูดได้มีสาระมากแล้ว แต่กลับโดนทำร้ายด้วยปฏิกิริยาที่นิ่งเฉยของชายหนุ่ม

 

 

เหยียนเค่อส่ายหน้า ถอนหายใจ “แค่รู้สึกว่ามันมีช่องโหว่มากเกินไป น่าจะเป็นเพราะฉันคิดได้รอบคอบกว่าเขาเยอะเลยไม่อาจเข้าใจความคิดนี่ได้มั้ง…”

 

 

เบลล์อยากจะกระอักเลือด คุณพูดออกมาเลยก็ได้ว่าคิดไม่เข้าใจความคิดของคนปกติเขา ทำท่าทางราวกับว่าตัวเองน่าสงสารอย่างนั้นแหล่ะ

 

 

“โอเค คุณไม่เห็นด้วยอย่างนั้นฉันก็ไม่พูดอะไรแล้ว รีบเคลียร์เอกสารด่วนด้วยนะคะ ฉันจะได้ไปสั่งงานต่อได้”

 

 

เหยียนเค่อโบกมือ แสดงว่าเขารู้แล้ว และก็เป็นการไล่ไปในตัว

 

 

เบลล์จ้องมองมือสวยงามของชายหนุ่มอยู่ครูหนึ่ง จากนั้นก็เดินเบ้ปากออกไป

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 650 เรื่องที่ต้องขอโทษ

 

 

ช่วงบ่ายเหยียนเค่อเรียกให้ผู้ช่วยหวังมาเอาเอกสารออกไป สายตาที่ผู้ช่วยหวังมองมายังเหยียนเค่อมีแววไม่พอใจอยู่

 

 

“เอาเอกสารพวกนี้ไปให้เบลล์ทั้งหมดเลย” เหยียนเค่อกำชับเสร็จเรียบร้อย ยกแก้วน้ำขึ้นเพื่อจะดื่มแต่กลับเห็นผู้ช่วยหวังยังคงยืนอยู่ไม่ยอมไป “ยังมีอะไรอีก”

 

 

เมื่อคืนเขานั่งจ้องตาอยู่กับหมาในใจรู้สึกแย่จนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาแล้ว “บอส เมื่อไหร่คุณจะมาเอาหมาของนายหญิงกลับไปสักที”

 

 

“ฉันกับนายหญิงของนายยังไม่มีเวลา ดังนั้นรบกวนนายช่วยดูแลมันก่อนแล้วกัน” เหยียนเค่อมองที่ผู้ช่วยอย่างยิ้มๆ

 

 

ผู้ช่วยหวังรู้สึกว่าเจ้านายที่ชอบหาเรื่องให้เขาคนก่อนได้กลับมาแล้ว มันช่างน่ากลัวเสียจริงๆ “อย่างนั้นผมช่วยเลี้ยงต่ออีกสองสามวัน ถ้าเห็นว่าเจ้าโกลเด้นมันทนไม่ไหวแล้วผมจะส่งมันกลับไปนะครับ”

 

 

ช่างมีสายตามแหลมคมแบบนี้ทำให้เหยียนเค่อรู้สึกพอใจมาก “วันหยุดปีนี้เดี๋ยวให้นายหยุดยาวสามอาทิตย์เลย”

 

 

“คุณแน่ใจว่าจะให้ผมพักได้ยาวๆ ทั้งสามอาทิตย์แน่เหรอครับ” รู้สึกจะจำได้ว่าครั้งก่อน ก่อนหน้าโน้น แล้วก็อีกหลายๆ ครั้ง เขาไม่เคยได้พักเต็มที่สำเร็จเลยสักครั้ง

 

 

“จริงสิ” มีซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ เหยียนเค่อคิดว่าเขาคงไม่ว่างไปหาเรื่องผู้ช่วยหวังหรอก

 

 

ตอนเย็นหลังเลิกงาน ซย่าเสี่ยวมั่วยืนรอเหยียนเค่อมารับด้านล่างตึก อันหรานยืนรออยู่เป็นเพื่อนสักพักหนึ่งจากนั้นก็ถือโอกาสแขวะ “เธอดูแฟนเธอสิ ทำไมถึงได้ช้าขนาดนี้ วันแรกที่มารับก็สายซะแล้ว หักคะแนน”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเหล่มองหล่อนอย่างขำๆ “เพื่อนจ๋า รู้สึกว่าวันนี้พวกเราเลิกก่อนเวลานะ”

 

 

อันหรานรีบหยุดพูด “อย่างนั้นฉันไปรับแฟนฉันก่อน พวกฉันไปรอพวกเธอที่ร้านอวี๋เซียนฟางนะ”

 

 

“อือ”

 

 

อันหรานเพิ่งเดินไป ซย่าเสี่ยวมั่วที่กำลังอ่านข้อความก็ถูกรวบเข้าไปกอด

 

 

กลิ่นกายมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำมันออยอ่อนๆ ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเอื้อมมือไปกอดเอวชายหนุ่ม “ทำไมมาถึงเร็วจัง”

 

 

น้ำเสียงอู้อี้ดังมาจากแผ่นอก เหยียนเค่อใช้มือแตะไปที่ใบหน้าของหญิงสาว ความเย็นที่มือสัมผัสได้ทำเอาเหยียนเค่อขมวดคิ้ว “ยืนอยู่ข้างนอกนานเท่าไหร่แล้ว”

 

 

“เพิ่งออกมาไม่ถึงสิบนาที” ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้ามองดวงตาสีดำขลับของชายหนุ่ม มือก็ลูบคลำไปทั่วภายในเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่มีเสื้อไหมพรมกั้นอยู่อีกชั้น “นายอุ่นจังเลย”

 

 

“เฮ้อ” เหยียนเค่อไม่รู้จะพูดอะไรดี เอาตัวหล่อนเข้ามาอยู่ในเสื้อคลุมด้วยกันจากนั้นเดินกอดหล่อนไปที่รถ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกระโดดไปมาอย่างไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เธอถึงได้ดูตื่นเต้นนัก

 

 

“เป็นอะไร เก็บเงินได้เหรอ” เหยียนเค่อยัดหล่อนเข้าไปในรถ พอขึ้นรถเรียบร้อยจึงเอ่ยถามอยากแปลกใจ

 

 

วันนี้ซย่าเสี่ยวมั่วเชื่อฟังมาก ใช้มือที่สวมทับด้วยถุงมือสีแดงอันหนากุมไว้ที่ใบหน้าตัวเอง โผล่ให้เห็นแค่ดวงตา “อื้อ เก็บนายได้”

 

 

“หึ” ทำไมวันนี้ถึงได้เชื่องขนาดนี้นะ เหยียนเค่อยิ้มทั้งปากทั้งตา กระดิกนิ้วให้หล่อน ซย่าเสี่ยวมั่วเอื้อมหน้าไปหาอย่างเชื่อฟัง แล้วก็ถูกจูบเบาๆ ที่เปลือกตา “ถ้าเธอยังมองฉันแบบนี้อยู่ฉันจะหันรถกลับบ้านแล้วนะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรีบหดคอกลับไป “ก็ได้ อย่างนั้นนายตั้งใจขับรถไปนะ”

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกงงเป็นอย่างมาก เมื่อเช้าหล่อนยังโกรธตนอยู่เลย ทำไมพอเลิกงานแล้วถึงได้น่ารักแบบนี้ แต่ในใจเริ่มมีสัญญาณเตือน ว่ากันว่า ถ้าแฟนมาทำตัวดีเป็นพิเศษแสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล

 

 

“เธอทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อฉันมาหรือเปล่า” เหยียนเค่อเอ่ยถามออกไป

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วที่กำลังฮัมเพลงอยู่ได้ยินคำถามของเหยียนเค่อก็ชะงักไป

 

 

ชะงักเหรอ? เหยียนเค่ออาศัยจังหวะที่ไฟจราจรกำลังจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวหันไปมองหน้าหล่อน “ทำไมเธอไม่ตอบ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกัดฟัน ไม่รู้ควรจะพูดดีหรือไม่ ถ้าเกิดให้เหยียนเค่อเห็นตอนต่อไปของการ์ตูนไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะขำเธอหรือเปล่า ในเมื่อตอนก่อนมันมีแทรกอยู่เป็นบทเล็กๆ เพื่อที่จะให้มันเป็นตอนจบที่แฮปปี้เอ็นดิ้ง เธอเลยแอบเปลี่ยนบทนิดหน่อย แต่ว่าเหยียนเค่อน่าจะไม่ชออบอะไรที่มันเป็นเรื่องหลอกๆ แบบนี้