ส่วนที่ 4 ตอนที่ 57 เจ้าของงู

ความลับแห่งจินเหลียน

ชายชราหลินหันหน้ากลับมาจ้องซีเหมินจินเหลียนและถามขึ้นอีกครั้ง “คุณคงจะเป็นผู้สืบทอดจากทางใต้? ถึงจะไม่ใช่ผู้สืบทอดทางสายเลือดของครูผู้มีพระคุณของผม แต่คุณน่าจะเป็นผู้สืบทอดจากทางใต้ไม่มีผิดแน่?”

 

 

“ฉันไม่รู้ว่าผู้สืบทอดจากทางใต้คืออะไร! เกิดมาฉันก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน” ซีเหมินจินเหลียนออกปากปฏิเสธลูกเดียว เธอยอมให้คุณย่าและคุณครูของตัวเองเป็นผู้หญิงชนบทแถวบ้านธรรมดาๆ มากกว่าจะให้พวกเขาเป็นผู้สืบทอดจากทางใต้อะไรนั่น ถ้าหากพวกเขามีเรื่องราวมหัศจรรย์เกิดขึ้น แล้วแอบตัวตนอยู่ในหุบเขาลึก ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในนั้นน่าจะมีความลับอะไรปิดซ่อนอยู่?

 

 

เธอไม่อยากจะค้นหาต่อไปให้ลงลึก การที่สืบหาความจริงอย่างไม่มีสิ้นสุด มักจะทำให้คนเรารับไม่ได้ในสิ่งที่เกิดขึ้น เธออยากจะแค่เล่นหิน นำหินมาแกะสลักทำเป็นเครื่องประดับแล้วสร้างบริษัทจิวเวอรี่ออกมาเป็นมหาเศรษฐีกับคนอื่นบ้างก็แค่นั้น ไม่อยากให้เวลาไปไหนแล้วถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ เธอไม่อยากกลับไปเป็นคนจนเหมือนเมื่อก่อนที่ไม่เหลืออะไรเลย วันๆ พบเจอแต่คนกลอกตาขาวดูถูกหัวเราะเยาะใส่

 

 

ชายชราหลินถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “ใครเป็นคนสอนให้คุณแกะสลักหยกหรือ”  

 

 

ซีเหมินจินเหลียนกัดริมฝีปากแล้วยิ้มตอบไป “ตอนเด็กมีคุณครูท่านหนึ่งสอนฉันค่ะ แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้สืบทอดจากทางใต้อะไร”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงใช้กระดาษเก่าๆ ห่อหยกนั่นมาให้ฉันล่ะ” ชายชราหลินหัวเราะฝืดฝืนออกมา “คงไม่ได้จะแก้ตัวว่าลืมซื้อกล่องของขวัญมาหรอกนะ”

 

 

“ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้นค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นเดินแล้วพูดว่า “คุณปู่หลินวางใจเถอะนะคะ ถ้าหากฉันเจอผู้อาวุโสหู ฉันจะลองช่วยพูดให้คุณ แต่คุณก็น่าจะรู้ว่าฉันกับเขาไม่ได้คุ้นเคยกัน เรื่องบางเรื่องก็ไม่รู้จะพูดยังไง” สิ่งที่เธอพูดคือความจริง เธอไม่ได้สนิทคุ้นเคยกับผู้อาวุโสหูท่าทางแปลกประหลาดคนนั้นเลยสักนิด พูดไปเธอก็ไม่อยากจะดึงตัวเองไปข้องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ของพวกเขา

 

 

ไม่พูดถึงผู้อาวุโสหูที่ท่าทางลึกลับ ถึงจะเป็นราชาแห่งนักเดิมพันหินอย่างเจียหยวนฮว่าก็รับมือได้ยาก ในอนาคตเธอยังอยากอยู่ในสายเดิมพันหินนี่อยู่นะ

 

 

“คุณปู่หลิน ร่างกายของคุณไม่สู้ดีนัก พักผ่อนแล้วทำใจให้สบายดีกว่าค่ะ เรื่องที่รบกวนใจพวกนี้ ให้พวกเขาไปจัดการเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดปลอบใจ

 

 

 “ฮะๆ…ตกลง” ชายชราหลินพยักหน้า ซีเหมินจินเหลียนพูดได้เท่านี้ เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้ที่หลินเจิ้งทำไว้ที่เจียหยาง ก็รู้สึกผิดกับครอบครัวเขาด้วย แม้ว่าหลินเจิ้งไม่ได้จัดการได้ดี แต่คำพูดบางเรื่องก็ไม่สามารถพูดต่อหน้าได้ ไม่เช่นนั้นเหมือนกำลังเตรียมตัวลอกหน้ากากตัวเองออก

 

 

ซีเหมินจินเหลียนลุกขึ้นเตรียมกล่าวลา เดิมทีเธอก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจ เธอไม่รู้ว่าชายชราหลินต้องการจะเจอเธอเพื่ออะไร พอมาวันนี้ถึงพึ่งเข้าใจว่าสาเหตุต้นตอมาจากผู้อาวุโสหู

 

 

หลินเสวียนหลานพูดว่าหมดหนทางรักษา แต่นี่ดูเหมือนว่าเขาจะอยากหลบเจ้าหนี้มากกว่า ไม่กล้าไปนอนที่โรงพยาบาล แต่กลับมานอนที่บ้านแทน กลัวว่าชีวิตของเขาคงผ่านได้อย่างลำบาก?

 

 

เมื่อคืนเซียนเอ๋อร์และหวังเซียงฉินทะเลาะกันอย่างหนัก ถึงจะมีคนอยากจะปิดบังเขา แต่ก็เกรงว่าจะปิดไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นการที่อยู่บ้านคิดว่าจะหลบหนีจากผู้อาวุโสหูได้หรือ?

 

 

“จินเหลียน” เสียงหลินเสวียนหลานดังเข้ามาจากด้านนอก

 

 

“พี่หลินคะ เดี๋ยวฉันเรียกรถกลับเองได้ คุณไม่ต้องไปส่งฉันหรอก” ซีเหมินจินเหลียนไม่รอให้หลินเสวียนหลานมีโอกาสพูด เธอก็พูดออกไปพลางรีบเดินลงข้างล่างออกจากประตูบ้านด้วยตัวเอง

 

 

แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ขณะที่ออกจากประตูนั้น บ้านช่างคับแคบกว่าที่คิด เธอบังเอิญเจอเข้ากับหลินเจิ้งที่ดูรีบร้อนเช่นกัน

 

 

ในขณะที่หลินเจิ้งเจอหน้าซีเหมินจินเหลียน เขาก็รู้สึกงงงัน พลันคิดถึงเรื่องที่เจียหยาง ที่ตัวเองหลงเชื่อไปซื้อหยกกลับมา หยกก้อนนั้นพอตัดออกมาแล้วแพ้เดิมพัน เงินปลิวหายไปหมด ทำให้เงินทุนของบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ลงปลักจมอยู่ในบ่อโคลน หาทางขึ้นไม่ไหว

 

 

ที่คุณพ่อป่วยหนักขนาดนี้ เรื่องทั้งหมดก็เป็นเพราะผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนก่อขึ้นทั้งนั้น

 

 

“เธอ หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน!” หลินเจิ้งเรียกเธอด้วยน้ำเสียงโหดเ**้ยม

 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินดังนั้นก็หยุดฝีเท้าลงพร้อมหันหน้าไปถาม “คุณหลินเรียกฉันมีเรื่องอะไรหรือคะ”   

 

 

“เธอมาทำอะไรที่บ้านฉัน?” หลินเจิ้งถาม

 

 

“ฉันจำเป็นต้องรายงานให้คุณรู้ด้วยหรือคะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวและพยายามไม่สนใจเขา เดิมทีไม่ได้รู้สึกดีด้วยอยู่แล้ว เลยไม่อยากจะขอไปยุ่งเกี่ยว รีบเดินจากไป

 

 

“อารอง คุณปู่อยากจะพบจินเหลียนน่ะครับ” หลินเสวียนหลานรีบร้อนพูดอยู่ด้านหลัง เจอหลินเจิ้งเข้าจึงรีบอธิบายเขาสักหน่อย  

 

 

 เมื่อหลินเจิ้งหายจากความสับสน เขาก็ส่งสายตาพิฆาตมองไปที่จินเหลียน แล้วสีหน้าเคร่งเครียดเดินเข้าไปในบ้าน

 

 

“จินเหลียน ให้ผมไปส่งคุณดีกว่านะ” หลินเสวียนหลานพูด

 

 

“ไม่ต้องค่ะ ขอตัวนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบเอ่ยปากปฏิเสธ เมื่อออกจากบ้านตระกูลหลินแล้วเธอก็เรียกรถแท็กซี่ได้ หลินเสวียนหลานเห็นรถแท็กซี่สีแดงขับออกไป เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ ในใจสงสัยไม่หยุด คุณปู่ทำอะไรเธอกันแน่?

 

 

“คุณพ่อเรียกเธอมาทำไม” เมื่อหลินเสวียนหลานเดินกลับเข้าไปข้างใน หลินเจิ้งก็เดินมาขวางทางเขาไว้

 

 

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลินเสวียนหลานพูดความจริงออกไป ในเมื่อคุณปู่ไม่อยากจะบอกเขา เขาก็ไม่มีหน้าจะไปถามอะไรคุณปู่ อยากจะถามซีเหมินจินเหลียน แต่เห็นเธอดูรีบร้อนออกไป เหมือนกับแค่วินาทีเดียวก็ไม่อยากจะอยู่บ้านนี้

 

 

“แกไม่รู้ แล้วใครจะรู้?” หลินเจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกพลางซ่อนสีหน้า “จริงสินะ ตอนนี้แกก็ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ แม้แต่งานหมั้นยังหนีออกมาได้ แล้วยังจะมีเรื่องอะไรที่ไม่กล้าทำอีกล่ะ”

 

 

“นี่มันคนละเรื่องกัน อารองอย่าพูดจาไร้สาระเลยครับ!” หลินเสวียนหลานส่ายหน้า ไม่น่าซีเหมินจินเหลียนถึงรีบร้อนกลับไป บ้านนี้ก็ดูเหมือนกับสถานที่ให้พักพิงอาศัยตรงไหนกัน? เขาไม่ได้สนใจหลินเจิ้งรีบเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อกลับห้องตัวเอง

 

 

หลินเจิ้งนั่งเหม่อลอยอยู่ที่ห้องรับแขก จากนั้นก็รีบลุกขึ้นมาเดินจ้ำอ้าวไปที่ห้องของชายชราหลิน

 

 

“คุณพ่อครับ!” หลินเจิ้งผลักประตูเข้าไปในห้องของชายชราหลินพร้อมเปลี่ยนสีหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น   

 

 

ชายชราหลินหันหน้ามามองแล้วถามเขากลับไปว่า “ทำไมกลับมาเวลานี้ ที่บริษัทไม่มีเรื่องอะไรให้ทำเหรอไง”

 

 

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากกลับมาดูคุณพ่อก็แค่นั้น” หลินเจิ้งพูดพลางนั่งลงบนข้างหน้าเตียง

 

 

ชายชราหลินหัวเราะ ดูเขา? เขายังมีอะไรที่น่าดูอีก

 

 

“คุณพ่อครับ เมื่อครู่นี้ตอนที่ผมกลับมาบังเอิญเจอซีเหมินจินเหลียนเข้า เอ่อ…คนที่ให้หยกกับคุณพ่อตอนงานเลี้ยงวันเกิด…”

 

 

หลินเจิ้งอธิบายอย่างเสร็จสรรพ

 

 

 ชายชราหลินพูด “ฉันให้หลินเสวียนหลานเป็นคนพาเธอมาเอง ทำไมหรือ”

 

 

“คุณพ่อเรียกเธอมาทำไมหรือครับ” หลินเจิ้งถาม เดิมทีเขาคิดว่าหลินเสวียนหลานหาข้ออ้างที่จะพาซีเหมินจินเหลียนมาเที่ยวที่บ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าชายชราหลินจะเป็นคนเชิญเธอมาจริงๆ

 

 

“แกจะถามฉันทำไม?” ชายชราหลินถอนหายใจ “ฉันทำอะไรที่ไหน ต้องคอยตอบคำถามแกด้วยหรือ”

 

 

“คุณพ่อ ที่ผมถามก็เพราะเป็นห่วงสุขภาพของคุณพ่อนะครับ เรื่องของเด็กๆ ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะครับ” หลินเจิ้งยิ้มอย่างมีเลศนัย “ผมรู้ว่าวันนั้นที่หลินเสวียนหลานหนีจากงานหมั้น ทำให้คุณพ่อรู้สึกอับอายมาก แล้วไหนจะยังทะเลาะกับตระกูลลู่อีก เด็กอย่างหลินเสวียนหลาน ตั้งแต่เล็กก็ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจจนโต อยากได้อะไรก็ให้ในสิ่งที่ขอ เมื่อเห็นซีเหมินจินเหลียนคนนั้นหน้าตาสะสวยเข้าหน่อย ก็อาจจะทำให้ใจเต้นแรงชื่นชอบเธอขึ้นมา สงสัยคงอยากจะมาขอให้คุณพ่อช่วยจัดการให้”

 

 

ชายชราหลินได้แต่มองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร

 

 

หลินเจิ้งคิดไปเองว่าตนพูดถูกเลยรีบพูดต่อว่า “คุณพ่อครับ คุณพ่อจะใจดีปล่อยหลินเสวียนหลานก่อเรื่องวุ่นวายแบบนี้ไม่ได้นะครับ! ผู้หญิงอย่างซีเหมินจินเหลียนก็แค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง หลินเสวียนหลานคงแค่หลงใหลในความสวยของเธอ แค่ชั่วคราวเท่านั้น…”

 

 

“จริงเหรอ?” ชายชราหลินไม่รอให้เขาพูดจบ ก็ขัดจังหวะเขาเข้า “เสวียนหลานก็หล่อใช้ได้เลย”

 

 

หลินเจิ้งสับสน หลินเสวียนหลานรูปร่างหน้าตาดี นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างยอมรับ แต่เมื่อได้ยินชายชราหลินเยินยอหลานตัวเอง คนเป็นลูกได้ยินเข้าแล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์

 

 

“อาเจิ้ง แกบอกว่าคุณซีเหมินสนใจหลินเสวียนหลานอย่างนั้นหรือ?” ชายชราหลินถามขึ้นมา

 

 

“คุณพ่อล้อเล่นแล้วครับ ผู้หญิงแบบนั้นจะมีอะไรมาคู่ควรกับตระกูลของเรา?” หลินเจิ้งยังคงพูดต่อ “ผมดูแล้วลู่เฟยอวี๋คนนั้นก็ดูใช้ได้เลย นิสัยดีแถมยังโตมาพร้อมกับหลินเสวียนหลานตั้งแต่เด็ก แต่ไม่รู้ว่าทำไมเสวียนหลานถึงได้หลงผิด เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเขาสักหน่อย คุณพ่อ คุณพ่อก็อย่ามัวแต่เอาเรื่องของเสวียนหลานมากลัดกลุ้มใจอีกเลย ตอนนี้พักผ่อนให้มากๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดนะครับ”

 

 

“ฉันไม่ได้ถามแกเรื่องนี้ ฉันแค่อยากถามแกว่า…ในฐานะที่แกดูจะเข้าใจผู้หญิงดี คุณซีเหมินเธอสนใจในตัวหลินเสวียนหลานหรือเปล่า” จู่ๆ ชายชราหลินก็รู้สึกว่าลูกชายของตนคนนี้ก็เป็นคนเข้าใจอะไรยากนัก การที่เถาคุยเรื่องนี้กับลูกชายก็รู้สึกกระอักกระอ่วนมากพออยู่แล้ว แต่เจ้าหมอนี่ยังไม่เข้าใจอีก

 

 

“เรื่องนี้…” หลินเจิ้งรู้สึกสงสัยในตัวคุณพ่อของตัวเอง “ผู้หญิงที่เกิดในพื้นเพแบบนั้น ก็ต้องอยากจะแต่งงานเข้ามาในตระกูลของพวกเราอยู่แล้วสิครับ”

 

 

“ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนหรอกนะที่เป็นเหมือนผู้หญิงของแก!” ชายชราหลินผ่อนลมหายใจออก

 

 

สีหน้าของหลินเจิ้งเก็บอาการไม่อยู่ คนที่พูดประโยคนี้กลับเป็นพ่อของตน

 

 

“แกออกไปเถอะ คราวหน้าระวังผู้หญิงของตัวเองไว้ให้ดี เรื่องอื่นแกก็ยุ่งให้น้อยลงหน่อยแล้วกัน!”       ชายชราหลินพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ

 

 

 “คุณพ่อ คุณพ่อหมายความว่ายังไง?” หลินเจิ้งดุดันขึ้นมา

 

 

“ที่ฉันพูดก็ชัดเจนพอแล้ว แกเอางานของแกส่งต่อให้เหวินเอ๋อร์ ไม่ต้องจัดการแล้ว คอยดูแลจัดการผู้หญิงของแกไว้ให้ดี แล้วค่อยมาจัดการเรื่องอื่นก็ไม่สาย”

 

 

หลินเจิ้งไม่เข้าใจอยู่ชั่วขณะ เดิมทีเขาอยากจะมาเจอชายชราหลินเพราะมีเรื่องจะมารายงาน แต่วันนี้ตอนเช้ากลับถูกเขามองข้ามไม่มีตัวตน

 

 

“ออกไป!” ชายชราหลินน้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้น

 

 

ในใจของหลินเจิ้งทำได้แค่จิตตก หันหลังเดินออกไปข้างนอก คนเฝ้าอยู่หน้าประตูรีบเดินเข้าไปพร้อมได้ยินคำสั่ง “เรียกเสวียนหลานให้มานี่หน่อย!”

 

 

ทำไมถึงปล่อยเขาไว้แบบนี้ เดิมพันหยกแพ้มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียว ทำไมผลร้ายที่เกิดขึ้นถึงต้องเป็นเขาที่ต้องรับผิดชอบ? ไม่ได้ ตอนนี้ร่างกายของคุณพ่อไม่ค่อยจะสู้ดี ถึงสติยังครบถ้วน แต่อายุปูนนี้ ถึงจะไม่ขนาดวัยหายใจลำบาก แต่ก็อันตรายมาก เขาต้องคิดแผนการขึ้นมา จะไม่ให้ตัวเองคอยเสียเปรียบ ใช้เขามาเป็นหุ่นเชิดทำงานแค่นั้นหรอกนะ

 

 

 

 

ซีเหมินจินเหลียนเรียกรถกลับบ้าน เมื่อถึงหน้าบ้านก็มีเด็กผู้ชายอายุราวสิบสี่ปีมาขวางทางเธอไว้

 

 

 “พี่สาว!” สายตาของเด็กผู้ชายจดจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ พร้อมยิ้มเล็กน้อยอย่างเหนียมอาย “พี่สาวครับ ผมถามอะไรพี่หน่อยได้ไหม”

 

 

“เรื่องอะไรเหรอ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างสงสัย เธอจำได้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนบ้านฝั่งทางตะวันออก เธอเคยเห็นเข้าออกอยู่หลายครั้ง

 

 

“คือเรื่องเป็นแบบนี้ครับ” เด็กผู้ชายมีสีหน้าลังเลใจแต่ก็พูดออกไป “พอดีผมเลี้ยงงูไว้ตัวหนึ่ง แต่พี่สาววางใจได้นะ งูตัวนั้นไม่มีพิษ เมื่อวานไม่รู้ว่ามันหายไปไหน ไม่รู้ว่าเลื้อยมาที่บ้านพี่สาวบ้างหรือเปล่าครับ”   

 

 

“งู?” ซีเหมินจินเหลียนสับสน ไม่ทันไรก็รู้สึกว่าเกิดเรื่องแล้ว เจ้าของงูมาหางูถึงหน้าบ้าน ถ้ารู้อย่างนี้เธอก็ไม่น่าใช้มีดปลิดชีวิตงูตัวนั้นเลย! แต่เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเด็กผู้ชายข้างบ้านจะมีงานอดิเรกพิเศษแบบนี้กันล่ะ เธอคิดว่าจ่านป๋ายเป็นคนซื้องูตัวนั้นจากตลาดสดมาเพื่อแกล้งให้เธอตกใจเสียอีก

 

 

“พี่สาวให้ผมเข้าไปหาข้างในได้ไหมครับ ผมคิดว่างูตัวนี้น่าจะอยู่ที่สวนดอกไม้บ้านพี่” เด็กน้อยหน้าตากระอักกระอ่วนพูดขึ้น “กลัวว่าจะทำให้พี่สาวตกใจ ผมสร้างความเดือดร้อนมากพอแล้ว!”

 

 

ซีเหมินจินเหลียนคิดเช่นนั้นก็แบกหน้าพูดออกไป “มันก็เลื้อยมาที่นี่จริงๆ”

 

 

“พี่สาวเห็นมันแล้วเหรอ” แววตาของเด็กน้อยสว่างวับขึ้น

 

 

“แต่ฉันนึกว่าผู้ชายบางคนอยากจะจงใจแกล้งฉัน ฉันเลยเอามีดฆ่ามันไปแล้ว…” ซีเหมินจินเหลียนมองหน้าเด็กผู้ชายคนนั้น “ถ้าอย่างนั้นให้พี่ชดใช้ให้เธอได้ไหม”

 

 

“พี่สาว พี่ฆ่าเสี่ยวฮวาไปแล้วจริงๆ เหรอครับ?” เด็กผู้ชายตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เธอฆ่างูตัวนั้นแล้ว? เป็นไปได้อย่างไรกัน งูหายไป เขาเลยกลัวว่าจะออกมาทำให้คนตกใจ แต่คิดไม่ถึงว่างูโชคร้ายตัวนั้น ที่ไม่ได้คิดทำร้ายคนจะมาจบชีวิตลงแบบนี้

 

 

“ขอโทษด้วยนะ” ซีเหมินจินเหลียนปัดมือบอกอย่างช่วยไม่ได้

 

 

“มะ…ไม่เป็นไรครับ” เด็กผู้ชายก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเพราะตัวเอง นี่จะโทษใครไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสลดใจ “ไม่ต้องชดใช้อะไรทั้งนั้นหรอกครับ เดี๋ยวอีกกี่วันผมค่อยซื้อมาใหม่ เพียงแต่ว่าผมเลี้ยงเสี่ยวฮวามาได้สองปีแล้ว…”

 

 

“สองปีน้องก็เลี้ยงให้โตเท่านี้เองเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็สงสัย “น้องให้มันลอกคราบหรือยัง”

 

 

เด็กผู้ชายท่าทางเห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจ เขาส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ผมได้ยินมาว่างูสามารถลอกครอบได้ แต่ว่ามันไม่เคยลอกมาก่อน”   

 

 

“ตอนหน้าหนาวถือศีลหรือเปล่า” ซีเหมินจินเหลียนถามอีกรอบ

 

 

“ผมให้ความอบอุ่นมัน ไม่ได้ให้มันถือศีลครับ” เด็กผู้ชายรู้สึกประหลาดใจถามไป “พี่สาวก็เข้าใจการเลี้ยงงูด้วยเหรอครับ”

 

 

“ไม่ใช่หรอก” ซีเหมินจินเหลียนส่ายหน้า “เคยเห็นคนอื่นเลี้ยงมาน่ะ” เมื่อก่อนตอนที่อยู่ชนบท มีชายแก่ท่าทางจิตไม่ปกติอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านชอบเลี้ยงงู งูที่เขาเลี้ยงไม่ใช่งูเลี้ยง แต่เป็นงูพิษ ได้ยินว่างูพิษสามารถนำมาทำเป็นยารักษาโรคได้หลายขนาน ตอนที่เธอเด็กก็เคยแอบไปดูอยู่ครั้งหนึ่ง ถึงกระทั่งเคยถามชายแก่เกี่ยวกับความรู้ในการเลี้ยงงู แต่ตัวเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเอามันมาเป็นงานอดิเรกความชอบส่วนตัว

 

 

แต่ทว่างูที่เลี้ยงมาถึงสองปี กลับยังตัวไม่ใหญ่เท่างูตัวเล็กๆ ที่เธอเคยจับมาเล่น ต้มใส่หม้อกินยังไม่อิ่มเลย

 

 

เด็กผู้ชายได้ยินดังนั้นก็หมดหวังอีกรอบ ถึงแม้ซีเหมินจินเหลียนฆ่าสัตว์เลี้ยงของเขา แต่เขาก็ยังมีมารยาทบอกลาเธอแล้วเดินจากไป ซีเหมินจินเหลียนจึงหันหน้าเดินเข้าบ้านตัวเอง ในใจรู้สึกสงสัย ถึงงูตัวนี้จะเป็นงูที่เด็กผู้ชายทำหาย แต่ทำไมถึงต้องเลื้อยไปที่ห้องของเธอ ทำไมถึงไม่เลื้อยไปห้องของจ่านป๋ายล่ะ?

 

 

แต่ว่าเรื่องนี้ก็ได้ล้างมลทินให้กับจ่านป๋ายแล้ว

 

 

เมื่อถึงหน้าประตู จ่านป๋ายก็เปิดประตูออกมาทักทาย “กลับมาแล้วเหรอครับ เรื่องของหลินเสวียนหลานเป็นยังไงบ้าง เขาไม่มาส่งคุณเหรอ”

 

 

“ฉันก็ไม่ได้ไม่มีแข้งไม่มีขาขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องให้เขามาส่งหรอก” ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไป สายตาหันไปเห็นตรงกลางของห้องรับแขกมีหินราชางูวางไว้อยู่ ได้แต่ถามจ่านป๋ายอย่างสงสัย “คุณเอามันมาวางไว้ตรงนี้ทำไม”