บทที่ 4 บทที่ 62 ที่อยู่เก่าของสมาคม

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 62 ที่อยู่เก่าของสมาคม โดย Ink Stone_Fantasy

มอร์ส? ยูริ? ดีคาปี้ไม่ชอบให้คนอื่นเรียกตัวเองว่ายูริเอาเสียเลย ปกติแล้วเขามักขอให้คนอื่นเรียกเขาว่าคุณมอร์ส

โดยเฉพาะหลายวันมานี้…เขาเหมือนฝันเรื่องแปลกๆ บางอย่าง

ในฝัน เขาอยู่ในห้องขังของสถานีตำรวจเพราะถูกใส่ร้ายแบบไม่สามารถอธิบายได้ …แต่ความจริง ช่วงนั้นเขากับโบโลดอฟกำลังวางแผนจัดการเยฟิมอย่างลับๆ มาโดยตลอด

แล้วแผนนี้ก็สำเร็จในที่สุด

“โบโลดอฟ ยินดีกับตำแหน่งส.ส.ด้วยนะครับ สภาต้องการคนเก่งแบบคุณจริงๆ”

ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ดีคาปี้ แต่อยู่ในห้องส่วนตัวของร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง

“ลำบากคุณแล้ว คุณมอร์ส” โบโลดอฟดูเป็นคนเรียบง่ายกว่าที่มอร์สคิดอยู่บ้าง ในงานเลี้ยงฉลองนี้ พูดได้เลยว่าเป็นงานเลี้ยงที่พูดคุยกันน้อยมาก

นอกจากนี้ โบโลดอฟยังไม่แตะเหล้าเลยแม้แต่น้อย…นับว่าเป็นผู้ชายรัสเซียประเภทหาพบได้ยากยิ่ง

โบโลดอฟมองมอร์สไม่วางตา พร้อมพูดอย่างเฉยเมยว่า “การแต่งตั้งน่าจะอีกสองเดือนถัดไป พอถึงตอนนั้น ผมจะเสนอเรื่องแก้ไขโครงการขนส่งทางเรือในที่ประชุมสภา ซึ่งเอื้อสิทธิประโยชน์ให้กับ ‘บริษัท’ ของคุณมากกว่าเดิมครับ”

“ฮ่าๆๆๆ! โบโลดอฟผมชอบนิสัยทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรมแบบนี้จริงๆ” มอร์สหรี่ตาพูดอย่างอารมณ์ดี “แต่ทำงานก็ต้องพักผ่อนบ้างนะครับ ตอนค่ำผมจะจัดสาวสวยเด็ดๆ สักสามสี่คนมาให้คุณ…”

“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมกลับบริษัทก่อนนะครับ” คาดไม่ถึงว่าโบโลดอฟจะลุกขึ้นยืนปฏิเสธกลายๆ แล้วจบด้วย “ไว้ติดต่อกันนะครับ”

มอร์สสีหน้าเหมือนเดิม เขาทำท่าถอนหายใจเสียดาย “งั้นผมจะรอครั้งหน้านะครับ”

โบโลดอฟเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วจัดระเบียบเสื้อผ้าบนตัวให้เรียบร้อยเหมือนตอนขามา ก่อนออกไปพร้อมบอดี้การ์ดข้างตัว

“ชิ โบโลดอฟคนนี้ทำให้ผมนึกถึงเผ่าเจอร์แมนิก*” มอร์สดื่มไวน์ไปอึกหนึ่ง “แต่ไม่ใช่คนรัสเซียดั้งเดิม”

“ท่านครับ โบโลดอฟมีสายเลือดรัสเซียดั้งเดิมโดยแท้ นี่ไม่น่าผิดนะครับ” พ่อบ้านพูดเตือนทันที

มอร์สยักไหล่พูดว่า “นั่นก็แค่ความรู้สึก…ฉันเกลียดคนเย็นชาแบบนี้จริงๆ”

ทันใดนั้นมอร์สก็ลดเสียงเบาลง เหมือนฉุกคิดอะไรได้ “จัดคนไปทำงานที่บริษัทของโบโลดอฟ ฉันไม่ชอบที่เขามาจูงจมูกฉัน”

“รับทราบครับ”

“ท่านคิดจะร่วมมือกับตระกูลดีคาปี้ต่อจริงๆ หรือครับ?” เลขาที่นั่งตัวตรงอยู่บนรถเอ่ยถามทันที

ตอนนี้โบโลดอฟที่หลับตาพักผ่อนอยู่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วถามเลขาว่า “ที่นี่ที่ไหน?”

เลขาก็ตอบกลับว่า “ใกล้ถึงถนนทเวร์สกายาแล้วครับ”

“หยุดรถที ฉันอยากลงไปเดินเล่นหน่อย” โบโลดอฟสั่งด้วยเสียงเบา

เลขาทำได้แค่ให้คนขับที่อยู่ข้างหน้าหาที่จอดรถข้างถนน หลังลงจากรถ โบโลดอฟกลับพูดดักไว้ “พวกนายรอฉันอยู่ตรงนี้ ฉันอยากเดินเล่นคนเดียว”

“แบบนี้อันตรายมากนะครับท่าน” เลขาขมวดคิ้วพูดเตือน

ถนนทเวร์สกายาเต็มไปด้วยร้านค้า โรงแรม และร้านอาหารจำนวนมาก เป็นที่ที่คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวชอบมาละลายทรัพย์ มีคนผ่านไปมามากมาย ย่อมต้องมีพวกนักล้วงกระเป๋าปะปนอยู่ด้วยไม่น้อย เลขาอย่างเขาจะห่วงเรื่องความปลอดภัยของเจ้านายก็ไม่แปลก

“นายลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อก่อนฉันทำงานอะไร?” โบโลดอฟตบบ่าเลขา แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “รอฉันตรงนี้แล้วกัน”

เลขาหมดหนทาง เขาย่อมรู้ดีว่าเจ้านายของตัวเองทำอาชีพอะไรมาก่อน

เป็นทหารน่ะสิ

ถ้าบอกว่าสมาคมอยู่ในเมืองของลั่วชิว ซึ่งยึดตำแหน่งเดียวกับร้านค้าในถนนย่านการค้า แต่แค่อยู่ต่างมิติกันละก็ ถ้างั้นก่อนที่สมาคมจะมาตั้งในเมืองของลั่วชิว มันก็คงตั้งซ้อนทับกับสถานที่ไหนสักแห่ง

“ร้านเครื่องหอม?”

“ใช่ค่ะ นี่ก็คือที่อยู่ก่อนสมาคมจะย้ายไป”

เจ้าของร้านลั่วพิจารณาร้านค้าที่ขายของจากต่างที่เป็นอย่างดี…อืม หลักๆ คงเป็นร้านเล็กๆ ที่ขายเครื่องหอมร้านแรกในยุโรป

ยังไงเขาก็ไม่ค่อยเชื่อว่าเจ้าของสมาคมคนก่อนติดบ้านแบบนั้น จะตั้งใจเลือกสถานที่นี้เป็นที่ทำการค้า

อืม…คุณสาวใช้คงเลือกสินะ

ลั่วชิวมองโยวเย่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ…คุณสาวใช้ทำได้แค่หรี่ตาลง เอียงคอถามว่า “นายท่าน มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

นี่…เอียงคอแอ๊บแบ๊ว?

ยากนักที่จะได้เห็นคุณสาวใช้ทำตัวแอ๊บแบ๊วใส่

“ไม่มีอะไร” เขามองท่าทางของคุณสาวใช้ และไม่อยากพูดอะไรมาก แต่ยินดีที่จะชื่นชมอยู่เงียบๆ มากกว่า เขายิ้มแล้วพูดว่า “ไหนๆ ก็ไม่ได้มาบ่อย ไปซื้อเครื่องหอมมาสัก…”

แต่จู่ๆ ลั่วชิวก็ชะงักไป แล้วรีบเบนสายตาของตัวเองไปอีกทาง

นั่นมันสัมผัสของการ์ดดำนี่…และการ์ดจะตอบสนองความรู้สึกนึกคิดของผู้ครอบครอง

สัมผัสไม่ได้แรงกล้านัก แต่เหมือนมันกำลังเรียกหาเจ้าของสมาคม โยวเย่เองก็สัมผัสได้เช่นเดียวกัน เธอจึงหยุดฝีเท้าของตัวเองลง พร้อมกับส่งสายตาเชิงสอบถาม

“หาสถานที่คุยกันสักหน่อยเถอะ” ลั่วชิวพูดออกคำสั่งเบาๆ

คุณสาวใช้พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมดวงตาสีฟ้าไพลินส่องประกายวูบวาบ…ลั่วชิวเห็นแบบนั้นก็อดนึกถึงครั้งแรกที่เจอกันไม่ได้ แต่ตอนนั้นเขาเจอเธอในฐานะลูกค้า

เธอยังน่าหลงใหลไม่เปลี่ยนไปเลย

โบโลดอฟค่อยๆ รู้สึกผิดปกติ เหมือนเขายิ่งเดิน คนก็ยิ่งบางตาลงเรื่อยๆ

แปลกจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาเดินไปในที่เปลี่ยว แต่เป็นผู้คนที่ค่อยๆ หายลับไปต่อหน้าเขาบนถนนเส้นเดิมทีละคนต่างหาก

บนพื้นเริ่มมีควันเทาอึมครึมลอยวนรอบตัวเขา ฉับพลันนั้นโบโลดอฟก็รีบกดหน้าอกตัวเอง

เพราะตรงนั้นมีกระเป๋าด้านในเสื้อสูทอยู่ช่องหนึ่ง ซึ่งเก็บงำความลับที่เขาไม่อาจเปิดเผยได้ชั่วชีวิตนี้…เขาจึงเริ่มเร่งฝีเท้าของตัวเองก้าวฉับๆ สุดท้ายก็มาอยู่ด้านหน้าร้านขายเครื่องหอมร้านหนึ่ง

ใช่ ร้านค้าเล็กๆ แห่งนี้…บางครั้งเขามักจะเผลอเดินมาถึงร้านนี้ แล้วหยุดดูอยู่เงียบๆ สักพักหนึ่ง

หลายครั้งแล้ว ที่เขาไม่ได้อะไรกลับไป แต่ทว่าครั้งนี้…เขามองเห็นสิ่งที่ต่างไปเล็กน้อย

บรรยากาศภายในร้านเงียบไปในฉับพลัน…ราวกับเขาเข้าไปอยู่ในช่องว่างแห่งกาลเวลา

เขามองไม่เห็นเจ้าของร้าน แล้วก็เห็นเพียงลูกค้าสองคน…เป็นเพียงชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งชายผู้นั้นกำลังหันหลังมองดูสินค้าเรียงรายในตู้โชว์

ส่วนผู้หญิงคนนั้น…

“คุณโยวเย่! ไม่เจอกันนานเลยครับ”

โบโลดอฟสูดลมหายใจลึกๆ พอเงยหน้าขึ้นก็ลังเลอยู่สักพัก แต่ยังคงก้าวเข้าไปในร้านเครื่องหอมนี้

“ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ ค่ะ คุณโบโลดอฟ” คุณสาวใช้ต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

แล้วโบโลดอฟก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หลังจากครั้งนั้นมา ผมก็ผ่านมาที่นี่หลายครั้ง แต่ว่า…”

“สมาคมย้ายไปจากที่นี่สักระยะหนึ่งแล้วค่ะ” โยวเย่ยังคงพูดพร้อมรอยยิ้มตามหน้าที่ “แต่หากลูกค้ามีความปรารถนาแรงกล้าพอ คุณก็จะมาถึงร้านของเราค่ะ…คุณโบโลดอฟคงจะลังเลอยู่แถวๆ นี้ทุกครั้งเลยสินะคะ?”

โบโลดอฟหัวเราะเฝื่อน “ยี่สิบปีก่อนผมใช้ความรักของตัวเอง หลังจากมีเงินตั้งตัวเพียงพอแล้ว…จนมาถึงตอนนี้ ก็ยังอยู่ตัวคนเดียว”

เขาส่ายหน้าพูดว่า “หลายปีมานี้ แม้ว่าข้างกายจะมีสาวสวยมากแค่ไหน แต่หัวใจของผมกลับไม่เคยหวั่นไหว ผมคิดว่าความลังเลของผมก็ใช่ว่าจะไม่มีสาเหตุ”

“เป็นแบบนี้นี่เอง” โยวเย่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับหันไปมองนายท่านของเธอเงียบๆ

ตอนนี้โบโลดอฟถึงได้สูดหายใจลึกๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่เจอกันนานนะครับ เจ้าของร้าน”

“แต่ผมคิดว่า พวกเราไม่ได้เจอกันอย่างเป็นทางการ…ใช่ไหมครับ คุณโบโลดอฟ?”

ถึงแม้ว่าหลายวันก่อนผมเพิ่งจะเห็นคุณ แต่คุณมองไม่เห็นผมก็ตาม แต่เจ้าของร้านลั่วก็ยังแอบคิดในใจว่า  ‘ไม่ได้เจอนานกับผีน่ะสิ… ’

______________________________________________________________________________________

*เผ่าเจอร์แมนิก เป็นกลุ่มชนในประวัติศาสตร์ที่เดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตอนเหนือของยุโรป