บทที่ 4 บทที่ 63 นี่คือสาเหตุที่คุณกลายเป็นเศรษฐินีงั้นเหรอ?

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

บทที่ 63 นี่คือสาเหตุที่คุณกลายเป็นเศรษฐินีงั้นเหรอ? โดย Ink Stone_Fantasy

โบโลดอฟได้ยินเสียงนี้ ก็ชะงักไปทันที

เสียงเจ้าของสมาคมไม่เหมือนกับในความทรงจำของเขาเลยสักนิด…เสียงนี้ดูหนุ่มกว่ามาก

 “คุณโบโลดอฟ คนตรงหน้านี้เป็นนายท่านคนใหม่ของพวกเราเองค่ะ”

มีเพียงคุณสาวใช้ที่ตอบความสงสัยของโบโลดอฟด้วยเสียงแผ่วเบา

โบโลดอฟเผลออ้าปากค้าง…ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเจอสมาคมนี้ ก็มีเรื่องให้เขาประหลาดใจไม่หยุดหย่อนจริงๆ

แล้วในเวลานี้เอง

ลั่วชิวก็หยิบผงตะไคร้หอมขวดหนึ่งจากบนชั้นตั้งโชว์ ก่อนดูฉลากสินค้าที่แปะไว้ด้านบน โดยไม่ได้หันไปมอง “คุณโบโลดอฟบอกว่าเคยแวะมาหาสมาคมหลายครั้งแล้ว…มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”

โบโลดอฟลอบมองคุณสาวใช้ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อนแวบหนึ่ง แล้วก็ตอบว่า “ไม่มีอะไรครับ ผมก็แค่อยากคุยกับเจ้าของคนก่อนเป็นบางครั้งเท่านั้นเอง”

“ขอคำปรึกษาเหรอครับ?” ลั่วชิวถามอีก

“ก็ประมาณนั้นครับ”

โบโลดอฟพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาประชดหรือหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ “ถ้าปรึกษากับสมาคม ผมรู้สึกเหมือนมันจะได้ผลน่ะครับ”

“แม้ว่าผมกับเขาจะไม่ใช่คนเดียวกัน” ลั่วชิววางขวดในมือกลับไปที่เดิม แล้วก็หยิบอีกขวดหนึ่งขึ้นมา “แต่ว่า เนื้อหาของงานก็ไม่ต่างกันครับ คุณโบโลดอฟอย่าระแวงไปเลย”

โบโลดอฟนิ่งเงียบไปนาน ก่อนเริ่มพูดอีกครั้ง “ผมอยากรู้ สมมติว่าคุณต้องการทำเรื่องหนึ่ง แต่มันดันขัดกับความตั้งใจเดิมของคุณแบบสุดโต่ง ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้คุณไปถึงเป้าหมายได้ทันที…ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกเดินอ้อม หรือก้าวต่อไปข้างหน้าครับ?”

ลั่วชิวตอบอย่างเฉยเมยว่า “แล้วทำไมต้องสมมติว่าเป็นผมด้วยล่ะครับ? คุณโบโลดอฟ จะให้ค่าพิจารณากับผมหรือครับ?”

โบโลดอฟอึ้งไป

จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองถามคำถามโง่เขลาไปเสียแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยแลกเปลี่ยนกับสมาคมแห่งนี้ จนเขาได้รับเงินทุนจำนวนมหาศาลมา ในใจลึกๆ ย่อมรู้สึกเคารพยำเกรงวิธีการอันลึกลับของสมาคมมาโดยตลอด

สมาคมแห่งนี้เปี่ยมไปด้วยพลังลึกลับ หากเจ้าของสมาคมคิดจะทำเรื่องหนึ่ง…ก็คงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร

“ไม่มีให้หรอกครับ” โบโลดอฟส่ายหน้า จู่ๆ ก็หัวเราะเยาะตนเองว่า “ไม่มีค่าอะไร…ผมถามคำถามโง่ๆ ออกไปจริงๆ”

“คุณ…คุณคิดว่าผมจะเปลี่ยนประเทศนี้ได้ไหมครับ?”

ลั่วชิวได้ยินโบโลดอฟยิงคำถามมาอีกแล้ว

แต่ลั่วชิวกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน แล้ววางขวดที่อยู่ในมือลงอีกครั้ง ก่อนหยิบขวดใบที่สามออกมาเริ่มอ่านตัวหนังสือบนฉลาก

โบโลดอฟก็ไม่ได้ถือสาอะไร แต่กลับพึมพำดูไม่มั่นใจ “ตอนนั้น หลังจากผมได้รับเงินทุนก้อนนั้นแล้ว ผมก็อาศัยการลงทุนต่างๆ จนผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว ผมมีทรัพย์สินมากกว่าแต่ก่อนหลายเท่า เรียกได้ว่ามหาศาลเลย แต่ว่า…ก็ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว”

โบโลดอฟหัวเราะอย่างขมขื่น “ใช้เวลาเก็บเงินทุนตัวคนเดียวไปครึ่งค่อนชีวิตแล้ว แต่ผมกลับไม่รู้สึกพอเลยสักนิด…ผมยังต้องปีนขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเส้นชัยที่ทุกวันนี้ผมยังมองไม่เห็น”

“บางครั้งผมก็คิดว่า ผมจะประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า…หรือผมจะทำเรื่องทุกอย่างได้ตามเป้าหรือไม่” โบโลดอฟถอนหายใจพูดต่อ “ผมไม่รู้เลยว่า สุดท้ายแล้วผมจะเดินต่อไปไหวไหม”

ในที่สุดเขาก็หยุดพูด แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ จากเจ้าของสมาคมคนใหม่อยู่นาน

ดูเหมือนว่าในที่สุดเจ้าของสมาคมคนใหม่ก็หาของถูกใจได้ หลังจากเลือกเครื่องหอมเป็นขวดที่สาม เขาจึงใส่ลงตะกร้าในมือของคุณสาวใช้

หลังจากนั้น…เขาก็เดินไปถึงบนตู้โชว์อีกตู้หนึ่ง

โบโลดอฟนิ่งอึ้งไป เขารู้สึกเหมือนถูกมองข้าม จนเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว เพียงแต่ความรู้สึกนี้กลับค่อยๆ สงบลงตามเวลาที่หมุนไป

สงบลงรวดเร็วชนิดที่ว่าเขาเองก็คาดไม่ถึง

“รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมครับ” จู่ๆ ลั่วชิวก็ถามขึ้น หลังจากบิดฝาเปิดผงหอมข่าขวดหนึ่งออกแล้วก็ก้มหน้าดม

โบโลดอฟขยับริมฝีปากเล็กน้อย เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เผลอพยักหน้าเล็กน้อย

แล้วลั่วชิวถึงได้พูดเบาๆ ว่า “เมื่อก่อนผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ลืมแล้วว่าใครเขียน ในหนังสือเขียนไว้ว่า ถ้าเป็นผู้ให้คำปรึกษา แต่ตอนแนะนำไม่อยากใส่ความคิดเห็นส่วนตัวมากจนเกินไป ถ้าอย่างนั้นแค่ช่วยรับฟังผู้ขอคำปรึกษาก็พอ”

เขาวางผงหอมขิงในมือลงไปในตะกร้าที่โยวเย่ถือ แล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นอีกว่า “ในเมื่อตอนแรกคุณโบโลดอฟเลือกใช้ความรักมาแลกเป็นค่าธรรมเนียม ก็พอมองออกว่าคุณต้องการเงินทุนก้อนนั้นมากจริงๆ…เพื่อทำสิ่งที่คุณต้องการ ดังนั้นผมคิดว่า คุณจะเดินก้าวนี้หรือไม่ คุณน่าจะรู้ตัวเองดี โดยเฉพาะคุณเคยตัดสินใจไปแล้วครั้งหนึ่ง อืม ยังต้องการตัวช่วยเพื่อก้าวเดินนี้หรือเปล่าครับ?”

 “ไม่ครับ” โบโลดอฟส่ายหน้าเบาๆ ราวกับว่าปล่อยวางได้แล้ว “ไม่ต้องการเลยจริงๆ ครับ และก็ไม่จำเป็นด้วยครับ…อันที่จริงผมแค่อยากหาคนรับฟังเท่านั้น ขอบคุณที่ยินดีรับฟังเรื่องของผมนะครับ”

 “ด้วยความยินดีครับ” ลั่วชิวพูดอย่างเฉยเมย “ถือว่าเป็นบริการหลังการขายอย่างหนึ่งครับ”

 “ถ้ามีโอกาส ผมจะมาอีกแน่นอนครับ” โบโลดอฟสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อยไปทางลั่วชิวที่หันหลังให้

จากนั้นโบโลดอฟก็เดินไปตรงหน้าโยวเย่อีกครั้ง เขายิ้มเล็กน้อยพลางพูดว่า “คุณโยวเย่ คุณยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ เพื่อแสดงความเคารพของผม…อืม ผมมีคฤหาสถ์หลังหนึ่งอยู่ริมทะเลสาบลาโดกาในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หากไม่รังเกียจ ยินดีต้อนรับคุณไปพักผ่อนที่นั่นเสมอนะครับ มันเป็นของคุณแล้ว ถ้าอย่างนั้น…ขอตัวก่อนนะครับ”

ดูเหมือนว่าโบโลดอฟจะสบายใจแล้ว จึงก้าวออกจากร้านเล็กๆ นี้ไปด้วยใจนิ่งสงบ

 “เมื่อก่อนคุณโบโลดอฟเป็นนายทหาร เคยเข้าร่วมสงครามเชชเนียในช่วงเริ่มต้น…ดูเหมือนว่าบ้านเกิดของเขาถูกทำลายไม่เหลือซากจากไฟสงครามครั้งนั้น คนในครอบครัวตายหมดแล้ว”

จู่ๆ โยวเย่ก็เล่าเรื่องของเขา

 “อุดมการณ์ของคนคนเดียวไม่อาจสั่นคลอนอุดมการณ์ของทั้งประเทศได้…วิญญาณดวงเดียวก็ไม่เพียงพอจะเปลี่ยนวิถีของประเทศหนึ่งได้เหมือนกัน” ลั่วชิวยักไหล่ “ดูท่าคงจะทำการค้ากับคุณโบโลดอฟคนนี้ได้ยากซะแล้ว แต่ว่า…”

สายตาลั่วชิวทอดมองมาที่คุณสาวใช้อย่างตะลึงงัน

จู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดที่คุณสาวใช้เคยพูดไว้ว่า ‘อืม บางครั้งก็จะเจอลูกค้าที่มีไมตรีจิตสักหน่อย ส่งของขวัญเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างให้ค่ะ’

นี่ก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงกลายเป็นเศรษฐินี…และน่าจะเป็นมหาเศรษฐินีคนหนึ่งเลยล่ะสินะ?

ของขวัญเล็กๆ…คฤหาสน์ริมทะเลสาบหลังหนึ่งเลยเนี่ยนะ

 “นายท่าน?” คุณสาวใช้เดาความคิดของเจ้าของร้านลั่วไม่ออก

ลั่วชิวกลับยิ้ม ตบตะกร้าซื้อของที่โยวเย่ถืออยู่เบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันเอาแค่นี้แล้วกัน เธออยากได้อะไรก็เลือกเอาเลย”

เขาดีดนิ้วเสียงดังทีหนึ่ง

วินาทีที่เสียงดีดนิ้วดังขึ้น บริเวณรอบๆ ก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ด้านนอกยังคงมีรถสัญจรไปมาเต็มถนน

ตอนที่คิดเงิน ลั่วชิวก็พูดขึ้นทันที “สถานีต่อไปเป็นเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นไง? ถ้าได้พักผ่อนในคฤหาสน์ริมทะเลสาบก็คงวิเศษไปเลย กว่าจะถึงกำหนดกลับก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง อย่าหายใจทิ้งไปเปล่าๆ เลย”

 “ค่ะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปวางแผนเส้นทางนะคะ”

 “ท่าน ท่านกลับมาแล้ว”

เลขาเห็นโบโลดอฟเดินกลับมา ก็โล่งอกทันที เขากังวลมากว่าเจ้าของบริษัทจะเป็นอะไรไป ยังไงเจ้าของก็เป็นส่วนสำคัญของบริษัท

ธุรกิจแบบนี้ มีอนาคตที่ยากจะจินตนาการได้

โบโลดอฟเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น แล้วก็ขึ้นรถไป หลังจากเข้าไปนั่งแล้ว เขาก็พูดทันทีว่า “กลับบริษัท ต่อไปพวกเราต้องยุ่งกันอีกนานเลยล่ะ จริงสิ ผมขอรายชื่อนายทหารที่คุณพูดถึงคราวก่อนด้วยนะ”

 “อีกอย่าง เรื่องโครงการที่แก้ระบบขนส่งทางน้ำ ก็เริ่มดำเนินการแล้วใช่ไหม ถึงไม่ได้แต่งตั้งให้อย่างเป็นทางการ แต่ผมต้องเตรียมทุกอย่างไว้ล่วงหน้า…อืม คืนนี้ช่วยนัดนายกเทศมนตรีให้ผมหน่อย ดูว่าเขาว่างหรือเปล่า แล้วขอนัดกินข้าวสักมื้อ”

เลขาอึ้งไป แล้วจึงรีบพยักหน้ารับเล็กน้อย…รู้สึกว่าหลังจากเจ้าของไปเดินเล่นเพียงลำพังรอบเดียว ก็มีแรงใจในการทำงานเต็มเปี่ยมเลยทีเดียว

นี่กะจะอัดตารางเวลาแน่นเอียดเลยสินะ เล่นอัดเรื่องของสองวันไว้ในวันเดียวเลยเหรอ?

 “ทราบแล้วครับท่าน!”

สนามบิน

เยียร์เกอร์หิ้วถุงสัมภาระใบหนึ่งอยู่ บนตัวยังสะพานกระเป๋าเป้ใบใหญ่ๆ อีกใบหนึ่ง เขากำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางผู้คน ในที่สุดก็ผ่านขั้นตอนขึ้นเครื่องได้สำเร็จ ก่อนหาที่นั่งของตนเองเจอด้วยความช่วยเหลือของพนักงานบนเครื่องบิน

ในที่สุดก็ได้นั่งลงเสียที

เยียร์เกอร์รู้สึกโล่งอกเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็ตื่นเต้นดีใจอยู่บ้าง เขารู้ว่าอีกไม่นานเขาก็จะย่างกรายสู่ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าตื่นเต้นเร้าใจกว่าเดิม

แต่ก็มีเรื่องที่เขาอดห่วงไม่ได้เช่นกัน นั่นก็คือเรื่อง ‘อาการป่วย’ แปลกๆ ของเขา

เขารู้มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ว่าพอโกรธถึงขีดสุดก็จะเริ่มกลายร่าง เขาจึงต้องพยายามเก็บความลับนี้ไว้ตลอดเวลา

บอกไม่ได้ว่าหากมีคนพบเห็นเข้าแล้วจะมีผลลัพธ์อะไรตามมา…มนุษย์หมาป่าป่วนเมืองเหรอ? บางครั้งเขาก็เคยคิดว่า บนโลกใบนี้จะมีพวกเดียวกับเขาอยู่บ้างไหม และยังคิดว่าถ้าเจอแล้วจริงๆ เขาควรจะทำอย่างไร

สาเหตุหลักๆ ที่เข้ามาเป็นตำรวจก็คือ ต้องการเข้าถึงข้อมูลที่คนทั่วไปไม่สามารถอ่านดูได้

แต่เห็นได้ชัดว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นตำรวจสายสืบมาหลายปีแล้ว แต่เขากลับไม่เจอข้อมูลที่มีประโยชน์เลย เขาหวังว่าตัวเองจะได้ข้อมูลลับจากการเข้าไปอยู่ในองค์กรระหว่างประเทศของทางฝรั่งเศส

อย่างเช่น…เหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์?

“คุณเยี่ยอยู่ไหนกันนะ?” เยียร์เกอร์พูดพึมพำกับตัวเอง

“ผมคิดว่าคุณเยี่ยคนนั้นน่าจะอยู่ข้างๆ คุณนี่แหละ”

จู่ๆ ข้างที่นั่งของเขาก็มีเสียงพูดดังขึ้น เป็นภาษารัสเซียที่เพี้ยนมากเลยก็ว่าได้

“งั้นเหรอครับ? อยู่ข้างๆ ผมนี่เองเหรอครับ!” เยียร์เกอร์พยักหน้าขอไปที “อยู่ข้างๆ ผมนี่…คุณ คุณเยี่ย! ทำไม ทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?”

เยี่ยเหยียนที่นั่งอยู่ข้างๆ วางหนังสือพิมพ์ในมือลง แล้วยื่นมือออกมา ลุงอายุสามสิบกว่าปีเผยรอยยิ้มอันน่าหลงใหล “สวัสดีครับ ผมคือเยี่ยเหยียน ผมจะบอกคุณไว้ล่วงหน้า ต่อไปนี้ผมจะเป็นคู่หูของคุณ”

“คู่ คู่หู???”

คุณวิคเตอร์…เพื่อนคุณคนนี้น่ากลัวเหลือเกินครับ!!

“เวร่า! เวร่า! เรียบร้อยหรือยังครับ? ต้องออกรถไปสนามบินแล้ว!”

เสียงวิคก้าดังออกมาจากด้านนอกประตูห้อง

“ใกล้แล้ว”

เวร่าตอบส่งๆ ไป เธอสวมชุดสูทเท่ทั้งตัว กำลังส่องกระจกคิดจะหวีผมตัวเองให้เหมือนลีโอนาโด (เวอร์ชั่นหนุ่ม)

แต่เธอไม่ทันได้สังเกตว่าการ์ดดำที่เธอเคยเขวี้ยงออกไปเป็นไพ่บินแล้วร่วงอยู่มุมผนัง ในชั่วพริบตานี้มันจะลอยขึ้นมา แล้วเข้าไปอยู่ในกระเป๋าสัมภาระของเธอทันที

ในที่สุดเธอก็หวีผมเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็จับกระเป๋าเดินทางตั้งขึ้นแล้วลากออกจากประตูไป