จวินโม่เซี่ยมองไปยังพวกเขาทั้งสองในขณะที่เท้าของเขาค่อยๆจมลงไปในดินอย่างช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่สงบและท่าทางที่ผ่อนคลาย

ในตอนนั้น ร่างของจวินโม่เซี่ยส่วนหนึ่งก็จมลงไปในดินโดยที่มีเพียงหน้าอกและหัวของเขาที่ยังคงอยู่เหนือพื้น ดินและน้ำที่อยู่บนพื้นนั้นก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม

จวินโม่เซี่ยยิ้มอีกครั้ง และจากนั้นจึงมีสายน้ำพุ่งออกมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว …

ใบหน้าของสัตว์เชวียนทั้งสองนั้นเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ประหลาดใจ และพิศวง พวกเขาเอามืออุดจมูกในทันทีในขณะเดียวกันที่พวกเขากระโดดนออกไปด้านข้างเพื่อไม่ให้เสื้อผ้าของพวกเขาเปอะเปื้อนไปด้วยฉี่ของจวินโม่เซี่ย แววตาที่ตกตะลึงของพวกเขาสามารถบอกได้อย่างชัดเจน 

 เขาทำมันจริงๆ ! เห็นได้ชัดว่ามันคือฉี่ของชายผู้นี้ .. ไม่มีการหลอกลวงอย่างแน่นอน !

จวินโม่เซี่ยดึงตัวขึ้นมาหลังจากที่เขาฉี่จนหมด และถาม

“ ตอนนี้เจ้าว่าอย่างไร ? ”

พวกเขามองหน้ากันอย่างสิ้นหวังและพูด

“ เจ้าทำอย่างที่เจ้าพูด และพวกเรายอมรับความพ่ายแพ้ ! ”

จวินโม่เซี่ยโล่งใจมากที่ได้ยินคำพูดนั้น 

 สุดท้ายแล้วข้าก็ชนะ !

อย่างไรก็ตาม จวินโม่เซี่ยไม่รู้เลยว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาก็มีความคิดเดียวกัน แต่เป็นประโยคที่ต่างออกไป 

 ใช่ ! สุดท้ายพวกเราก็แพ้ !

แม้ว่าผู้ชนะจะถูกบังคับให้ได้รับความยากลำบาก ผู้แพ้ก็ยังคงหวังที่ที่จะไม่เสียเดิมพัน ซึ่งมันยากที่จะได้มา

“ แน่นอน เจ้าต้องการให้พวกเราทำอะไร ? ”

กระเรียนขายาวขมวดคิ้วขณะที่เขาพูด

“ แม้ว่าเราจะทำเพื่อเป็นเกียรติของเดิมพันนี้ แต่ข้าขอเตือนความจำเจ้าว่าเจ้านั้นสามารถให้พวกเราทำงานได้เพียงแค่งานเดียวเท่านั้น ! อีกทั้ง เจ้าจะต้องไม่กลับคำสัญญาของเจ้า ! พวกเราไม่ยอมรับคำแก้ตัวในการกลับคำสัญญาของเจ้า ! ”

“ จริงๆแล้ว ตราบใดที่เจ้าทำงานให้ข้าเสร็จข้าก็จะให้ในสิ่งที่ข้าสัญญา ”

จวินโม่เซี่ยยิ้มขณะที่เขายื่นมือออกไปยังกระเรียนขายาว

กระเรียนขายาวมองไปยังจวินโม่เวี่ยอย่างสับสน แต่จากนั้นเขาค่อยๆยื่นมือออกไปและจับมือกับจวินโม่เซี่ย ในตอนที่มือทั้งสองสัมผัสกัน กระเรียนขายาวสะดุ้งและทั้งร่างของเขาก็เริ่มสั่นในทันที ใบหน้าของเขาเผยถึงความประหลาดใจจนเกินจะบรรยายได้ และจากนั้นเขาจึงหลับตาและเริ่มมีความสุขกับสิ่งที่สัมผัสนี้

ปราณที่สะอาดและบริสุทธิหลั่งไหลจากมือของจวินโม่เซี่ยเข้าไปสู่มือของกระเรียนขายาว และทันใดนั้นเอง กระเรียนขายาวรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่ในสรวงสวรรค์ เส้นลมปราณทุกเส้น กระดูกทุกชิ้น และกล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายของเขาเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกนี้

ปราณเชวียนซึ่งหยุดไหลไปเป็นเวลานานเริ่มเคลื่อนไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในทันที และกระเรียนขายาวก็ยังคงรู้สึกได้ตราบเท่าที่ลมปราณนี้เคลื่อนไปทั่วทั้งร่างว่า เขาสามารถที่จะบรรลุผ่านไปยังขั้นต่อไปได้ย่างง่ายดาย ! กระแสหลังจากกระแสของปรารบริสุทธินี้ทำให้เขามึนเมา 

 โอ้วสวรรค์ ข้าไม่เคยรู้สึกมีชีวิตชีวาแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ! ข้าจะทำงานทุกอย่างที่เขาต้องการจนสำเร็จ …

กระเรียนขายาวที่ปกติแล้วจะสงบนิ่งและใจเย็น แต่เมื่อต้องต่อสู้กับธรรมชาติของเขา ตอนนี้ร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น ! 

 ข้าไม่เคยรู้สึกถึงพลังเช่นนี้ในร่างกายมาก่อน ! แค่คิดมันก็ทำให้น้ำตาข้าอยากจะไหลออกมา … ข้าไม่สามารถบรรลุไปยังขั้นต่อไปได้เป็นเวลานานแล้ว และข้าก็มีเวลาอีกเพียงแค่สามสิบกว่าปีก่อนที่การเพาะปลูกของข้าจะลดลง … หากข้าได้พบเขาหลังจากนี้ มันอาจจะช้าเกินไปที่ข้าจะสามารถเพาะปลูกได้ …

หมีใหญ่มองไปยังพี่ของเขาด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก 

 ท่านพี่สามกำลังทำอะไร ? การจับมือของเขานั้นทำให้เขาหลงไหลขนาดนี้ได้อย่างไร ?

กระเรียนขายาวสามารถสัมผัสได้ถึงการเพาะปลูกของเขาที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นไปอย่างช้าๆ และจากนั้นปราณลึกลับก็หยุดลง ในตอนที่การเพาะปลูกของเขากำลังจะไปถึงจุดที่เขาต้องการ ! การหลุดของปราณนี้ทำให้เขาเป็นบ้าไปชั่วครู่ !

จวินโม่เซี่ยปล่อยมือทันทีและตอนนี้กำลังยิ้มให้กับเขา จวินโม่เซี่ยอ้าปากและพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง

“ เจ้าเห็นแล้วยังว่าข้าสามารถช่วยเจ้าได้อย่างที่ข้าได้สัญญาไว้ ? ”

ในจุดนี้ หัวใจของกระเรียนขายาวนั้นอยากจะคว้าเอามือของจวินโม่เซี่ยมา และดูดกลืนเอาปราณเข้ามาสู่ร่างกายของเขา แต่เขาก็สูดหายใจเข้าออกลึกๆอยู่สักพักเพื่อทำให้ตัวเองสงบลง ในขณะที่ดวงตาของเขายังคงหลับอยู่ตลอดเวลา จากนั้นเขาจึงลืมตา และพูดขึ้นมาแต่ร่องรอยแห่งความตื่นเต้นก็ยังคงปะปนอยู่ในน้ำเสียงที่สั่นเครือของเขา

“ ใช่ ข้ารู้แล้ว ! ข้ากลัวว่าไม่มีสัตว์เชวียนตัวใดที่จะสามารถทนต่อการเย้ายวนนี้ ! สำหรับพวกเรา นี่คือความเย้ายวนที่อันตราย ! ”

หมีใหญ่ยังคงมองไปยังจวินโม่เซี่ยวด้วยความสงสัย ซึ่งเป็นเหตุให้จวินโม่เซี่ยยิ้มและยื่นมือไปที่เขา และทำให้เขาตกใจด้วยสิ่งเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หมีใหญ่ก็มิได้หลับตาดั่งเช่นที่พี่ของเขาทำ เขากลับจ้องมองไปยังจวินโม่เซี่ยราวกับว่าเป็นสิ่งที่มาจากสวรรค์ หมีใหญ่กุมอุ้งมือของเขารอบๆมือจวินโม่เวี่ย และดูราวกับเขาจะไม่ให้มันหลุดไปจากชีวิตของเขา ความจริง เขาเริ่มอ้อนวอน

“ ขอข้าอีกเถอะ … ให้ข้าอีกหน่อย เร็วเข้า เร็วเข้า ให้ข้าอีกหน่อย … ข้า … ข้าต้องการมันจริงๆ ! …. ”

สัตว์เชวียนที่มีร่างกายที่ใหญ่และบึกบึนกว่าคนสามเท่า เริ่มทำตัวเหมือนกับเด็กที่ดื้อรั้นผู้ที่จะไม่ปล่อยให้ขนมหวานของเขาหลุดมือไป ในทันที …

จวินโม่เซี่ยพยายามที่จะดึงมือของเขากลับ แต่ก็พบว่ามันติด เขาพยายามดึงแรงขึ้น แต่หมีใหญ่ก็จับมันไว้แน่นขึ้น ไม่ยอมปล่อยให้หลุดไป ในขณะที่เขายังคงอ้อนวอนมากขึ้น ทำให้จวินโม่เซี่ยเสียใจที่ได้โน้มน้าวเขามา …

“ น้องสี่ ! ”

กระเรียนขายาวตำหนิน้องของเขาอีกครั้ง

“ หยุดทำเช่นนี้ ! ทำตัวให้สมกับเกียรติของสัตว์เชวียนที่เราเป็นหน่อย ! เหตุใดเจ้าถึงต้องร้อนรนใจ ? พวกเรายังมิได้คุยกันถึงข้อกำหนดเลย ! ”

“ ข้า ข้า ข้า …. ทำไมข้าจะไม่ร้อนรนละ ? ”

หมีใหญ่มองกลับไปยังพี่ของเขา ความกระวนกระวายในใจของเขานั้นเห็นได้ชัดจากเส้นเลือดในดวงตาของเขา

“ ข้าติดอยู่ในขั้นนี้มาเกือบจะยี่สิบปีแล้ว … ทุกวันที่ผ่านไปมันานนับปีสำหรับข้า … ”

“ เจ้ากลับมานี่และหุบปากซะ ! นายท่าน ต้องการให้พวกเราทำอะไร ? งานอะไรที่ท่านไม่สามารถทำได้ด้วยความสามารถเหนือธรรมชาติของท่านเอง ? ”

นกกระสาขายาวดึงน้องของเขากลับมาด้วยมือข้างเดียว และถามด้วยน้ำเสียงที่รีบเร่ง

“ แม้ว่าข้าสามารถทำงานนี้ด้วยตัวเองได้ แต่ด้วยเห็นผลบางอย่างที่ข้าไม่สามารถบอกได้ ข้าจึงทำไม่ได้ มิเช่นนั้นข้าคงไม่เสนอรางวัลนี้ให้แก่เจ้า … ”

จวินโม่เซี่ยเริ่มเล่าเรื่องงานของเขาอย่างไม่รีบเร่ง

“ โอ้ว ! บอกมาเร็วๆเถิด ! พวกเราสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อรางวัล ! เจ้าไม่เพียงแต่ให้พวกเราลิ้มรสพลังที่หอมหวานนี้ และเอามันไป … มันทำให้ข้าสิ้นหวังอย่างมาก ! ”

หมีใหญ่กระโดดไปรอบๆกระสาขายาวพร้อมกับความหวังที่จะเป็นอิสระจากมือของพี่ของเขาที่จับอยู่

“ ขอพวกเราได้ทุกอย่าง ! พวกเราจะทำทุกอย่างให้แก่ท่าน ! ”

“ เมื่อไม่นานมานี้ อาจารย์ลี่จื้อเทียนทำให้ข้าต้องเจอกับปัญหาบางอย่าง และมันทำให้ข้าไม่สบอารมณ์ ! ”

จวินโม่เซี่ยกล่าว พร้อมกับแสดงสีหน้าของเขาออกมา

“ เจ้าต้องสังหารเขา ”

“ อะไรนะ ? นี่ล้อเล่นหรือ ? ”

กระเรียนหางยาวและหมีใหญ่ร้องออกมาในเวลาเดียวกัน และทั้งคู่ก็เงียบไป

นี่เรากำลังพูดถึงผู้ทรงพลังอันดับสองของโลก ! และคนผู้นี้พูดราวกับว่ามัน ….

คนผู้นั้นแข็งแกร่งเกือบจะเทียบได้กับ ยุนเบ้ยเฉิน ! และหากพวกเราแข็งแกร่งมากพอที่จะสังหารเขา แล้วทำไมพวกเราไม่สังหารยุนเบ้ยเฉินในตอนที่เราเผชิญหน้ากับเขาในตอนนั้น ?

ลี่จื้อเทียน … เขาเรียกชื่อนั้นราวกับว่าเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นเทพชเวียน …

“ ค้นหาลี่จือเทียน และสังหารเขา ! ”

จวินโม่เซี่ยทวนคำสั่ง

เจ้าคิดว่ามันจะง่ายเหมือนเชือดไก่หรือ ?! คนผู้นี้กำลังเล่นอะไรกับพวกเราหรือ ? เขาคิดว่ามันง่ายจริงๆหรือ ? ทำไมเจ้าไม่ขอให้พวกเราขึ้นไปบนฟ้า และจากนั้นก็เอาดวงจันทร์และดวงดาวมาให้เจ้า ?

ข้าคิดว่าแม้แต่พี่ใหญ่ของเรา ตัวนายท่านเองโจมตีใส่ลีจือเทียน ดีที่สุดเขาทำได้แค่ล้มลีจื้อเทียนลง ! แต่เขาไม่สามารถสังหารชายผู้นั้นได้ ! มีทางเดียวที่พวกเราจะสังหารลีจื้อเทียนได้ คือเราจะต้องสร้างสถานที่ซึ่งลี่จือเทียนไม่สามารถจะหนีออกมาได้ และเราก็โจมตีเขาพร้อมด้วยความช่วยเหลือของพี่ใหญ่ … นั่นคือทางเดียวที่เป็นไปได้ แม้ว่าเราจะสามารถสร้างข้อได้เปรียบนี้ขึ้นมาได้ แต่ข้าคิดว่าต้องมีพี่น้องของเราจนนึงต้องจบชีวิตไปพร้อมๆกับร่างของลี่จือเทียน !

เจ้าของให้พวกเราเอาชีวิตไปเสี่ยง … ไม่สิ เจ้ากำลังจะขอชีวิตพวกเรา !

“ เกิดอะไรขึ้น ? มีปัญหาอะไร บอกข้ามาสิ ”

จวินโม่เซี่ยมองไปยังพวกเขาทั้งสองและถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“ นี่มิใช่งานที่ยาก … มันเป็นไปไม่ได้ ! ”

หมีใหญ่กลืนน้ำลายสองครั้งก่อนพูดขึ้นมา

“ เจ้าของให้พวกเราสังหารลี่จือเทียนจริงๆหรือ ? เจ้าคิดว่ามันเหมือนกับการฆ่าหมูฆ่าวัวหรือ ? หึ เพียงเจ้าพูด เขาก็ตายอย่างนั้นหรือ ?! ”

“ แล้วจะเป็นอย่างไรหลังจากนั้น ? คฤหัสน์จือฮั่นเป็นปัญหาเดียวของข้าในตอนนี้ และเหตุใดข้าต้องขอให้เจ้าทำงานที่ใครๆก็ทำได้ละ ? หากงานของข้านั้นง่ายดาย เหตุใดข้าถึงต้องเอารางวัลนี้มาแลกเปลี่ยน ? ”

จวินโม่เซี่ยยกมือขึ้นมาที่ระดับหน้าอก และมองไปที่พวกเขาทั้งสองอย่างหมดหนทาง

“ ในเมื่องพวกเจ้าไม่สามารถทำงานนี้ได้ ข้าเกรงว่าสัญญานี้จะเป็นโมฆะ ค้าคิดว่าข้าคงจะต้องไปจัดการกับลีจื้อเทียนด้วยตัวเอง … มันจะต้องทำให้ข้าต้องเสียเวลาไปอีกสองสามวัน และทำให้มือข้าต้องสกปรก แต่ข้าจะทำด้วยตัวข้าเอง ข้าคิดว่า … ”

 อะไรนะ ? ยกเลิกข้อตกลง ? ไม่ เราจะปล่อยให้มันพังไปไม่ได้ … หาเจ้าไม่ได้ให้พวกเราลิ้มลองรสชาติของปราณนั้นพวกเราคงจะละทิ้งข้อตกลงนี้ แต่ตอนนี้พวกเราจะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น หากหมีใหญ่ไม่กลัวต่อความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ของชายผู้นี้เขาคงจะต้องใช้กำลังแล้ว

“ เดี๋ยวก่อน ! ”

กระเรียนขายาวยกมือขึ้นและพูด

“ เจ้าบอกว่าปัญหาของเจ้าคือการโดนคฤหัสน์จือฮั่นคุกคาม มิใช่ตัวลี่จื้อเทียนใช่ไหม ? ”

กระเรียนขายาวพยายามสรุปประเด็นอีกครั้ง และทันใดนั้นเขาตื่นเต้นอีกครั้ง

สวรรค์ไม่เคยขัดขวางคนดี !

พวกเขาทั้งสองรองออกมาในเวลาเดียวกัน

พวกเราคงจะเสียใจที่ต้องเสียโอกาสนี้ไป แต่ดูเหมือนว่าพวกเราอาจจะเปลี่ยนมันให้ดีขึ้นได้

“ ข้าไม่เข้าใจคำพูดของเจ้า คฤหัสน์จือฮั่นและลีจื้อเทียนนั้นเกี่ยวข้องกันมิใช่หรือ ? นั้นทำให้พวกเขาเป็นอย่างเดียวกัน แล้วมีอะไรที่แตกต่างกันระหว่างพวกเขาทั้งสองละ ? ”

น้ำเสียงของจวินโม่เซี่ยสงบอย่างมาก ราวกับว่ามันเป็นรายละเอียดที่เขาไม่ได้สนใจ

“ ไม่ มีใช่สิ่งเดียวกัน ! ”

หมีใหญ่โพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น

“ ลีจื้อเทียนนั้นท่องเที่ยวไปอย่างไร้จุดหมาย มิได้อาศัยอยู่ในคฤหัสน์จือฮั่น ความจริงแล้ว เขาจะกลับมาแค่ปีละครั้ง ! เจ้าจะถือว่ามันเป็นสิ่งเดียวกันได้อย่างไร ? งานนี้จะไม่มีปัญหาอะไรหากไม่ได้เกี่ยวข้องกับลีจื้อเทียน หากเจ้าต้องการความตายของคฤหัสน์จือฮั่น พวกเราสามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ! ”

“ เป็นเช่นนั้นหรือ ? อืม … หากการสังหารลีจื้อเทียนนั้นไม่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคฤหัสน์จือฮั่น ก็ไม่จำเป็นต้องสังหารลีจื้อเทียน ! ”

จวินโม่เซี่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สับสน เขาตบหน้าผากตัวเอง

“ ข้าเกือบจะสังหารคนผิดซะแล้ว ”

พี่น้องทั้งสองมองบนด้วยความดูถูก

 เกือบจะสังหารคนผิดอย่างนั้นหรือ ? เจ้าคิดว่าเจ้าสังหารลีจื้อเทียนได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ? เจ้าเกือบจะพาชีวิตพวกเราไปทิ้งแล้ว !

“ หากเจ้าต้องการเพียงแค่ต่อกรกับคฤหัสน์จือฮั่น พวกเราสามารถรับมือกับงานของเจ้าได้อย่างง่ายดาย ”

กระเรียนขายาว ยิ้มอย่างมีความรับผิดชอบ

“ แม้ว่าคฤหัสน์จือฮั่นจะมีเทพเชวียนอยู่บ้าง แต่นั้นก็มิใช่ปัญหาของพวกเรา เช่นเดียวกับที่น้องสี่ว่า พวกเราสามรถทำมันให้เสร็จได้โดยง่าย ”