บทที่ 551 กระแสเวลา
หลังจากกลับมาถึงสถาบันอะตอม ลูเซียนก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากไฮดี้และลูกศิษย์คนอื่นๆ

“อาจารย์คะ ท่านนี่เหลือเชื่อจริงๆ! ท่านรวมเอาทฤษฎีการแปลงโอลิเวอร์เข้ามาในระบบและบอกลา ‘อีเธอร์’ อย่างเด็ดขาด!” แคทรีนาพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น อาจารย์ของนางปิดปากเงียบมาตลอดแปดเดือน ก็เพราะว่าเขาเตรียมนำเสนอบทความการค้นพบใหม่ครั้งสำคัญชิ้นนี้!

ไฮดี้ก็บ่นขึ้น “อาจารย์ ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะคะ? ในช่วงแปดเดือนที่ผ่านมา เราถูกพวกนักเวทจากสำนักแม่เหล็กไฟฟ้าและสำนักแสง-ความมืดเยาะเย้ยมาตลอด”

เนื่องจากอาจารย์ของพวกนางเป็นผู้เสนอทฤษฎีนี้ ซึ่งสรุปย้ำว่าระบบการเคลื่อนไหวของดักลาสเป็นการประเมินความเร็วต่ำ เลย์เรียและลูกศิษย์คนอื่นๆ ต่างยอมรับแต่โดยดี และแน่นอน ว่าด้วยเรื่องมุมมองใหม่ของกาลและอวกาศ พวกเขายังคงสับสนเนื่องจากยังมีความรู้อาร์คานาไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียหายมากเกินไป

นอกจากพวกลูกศิษย์แล้ว ลาซาร์และโรเจริโอต่างก็ล้วงมืออยู่ในกระเป๋าแล้วยิ้มให้กับลูเซียน และเจอโรมกำลังถือวารสาร ‘อาร์คานา’ ฉบับหนึ่งอยู่ในมือ ราวกับว่าเขากำลังรอถามคำถาม อัลฟาเลีย โลวี่ และผู้ช่วยคนอื่นๆ ยืนอยู่ไกลออกไป ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นเพราะได้มีส่วนรู้เห็นกับบทความที่อาจส่งให้ใครสักคนขึ้นสู่บัลลังก์มหาจอมเวท รวมถึงช่วงเวลาที่น่าตกตะลึงของหน้าประวัติศาสตร์

เหล่าบรรดาผู้ช่วยก็ยังรู้สึกอิจฉาไฮดี้ แอนนิค และลูกศิษย์คนอื่นๆ เนื่องจากในฐานะลูกศิษย์ของท่านอีวานส์ คนพวกนั้นสามารถร่วมเฉลิมฉลองอยู่รอบตัวเขายังมีความสุข ขณะที่พวกเขาทำได้เพียงยืนดูอยู่ไกลๆ

“ทำไมจู่ๆ ข้าถึงนำเสนอบทความนี้? พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าเตรียมตัวมาหลายเดือน?” ลูเซียนจงใจชี้ให้เห็นประเด็น เพื่อให้ลูกศิษย์และสหายของเขารู้จักคิดให้รอบคอบมากขึ้น แทนที่จะด่วนสรุปหากต้องเจอบทความอื่นๆ อีกในอนาคต

สปรินต์ติดนิสัยชอบเกาหัวของแอนนิคมาบ้างบางครั้ง สีหน้าหยิ่งทะนงของเขาหายไป และเหลือเพียงความชื่นชมอย่างจริงใจที่สุดต่ออาจารย์ “อาจารย์ขอรับ ข้าไม่ค่อยเข้าใจบทความของท่านเท่าไรนัก แต่สูตรที่ระบุว่ามวลเพิ่มขึ้นพร้อมกับความเร็วดูเหมือนจะอธิบายความขัดแย้งระหว่างผลคาดการณ์ทางทฤษฎีกับผลจริงๆ ของเครื่องไซโคลตรอนใช่ไหมขอรับ? เมื่อสักครู่ แอนนิคกับข้าได้ปรับความถี่ของสนามไฟฟ้าหลังจากการคำนวณ และเราก็ได้อนุภาคพลังงานที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อน! บทความของท่านได้รับแรงบันดาลใจมาจากปัญหานี้ใช่ไหมขอรับ?

ไฮดี้ อัลฟาเลีย และคนอื่นๆ ทุกคนต่างเงี่ยหูฟัง เพราะวารสาร ‘ทรรศนะอัลลิน’ มีการเสนอรางวัลใหญ่สำหรับเรื่องราวเบื้องหลังทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ อย่างไรก็ตาม ทุกคนต่างรู้ดีว่าตนจะต้องได้รับการอนุมัติจากลูเซียน ก่อนที่จะแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้

“อันที่จริง หลังจากเข้าใจทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าคลาสสิกแล้ว ข้าก็พยายามทำให้ระบบการเคลื่อนไหวของท่านประธานเป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎี แต่ก็มีปัญหามากมายเกิดขึ้น จนท้ายที่สุด การทดลองความเร็วแสงทำให้ข้าเกิดแรงบันดาลใจ หลังจากการทดลองระยะกลางที่คล้ายคลึงกับการแปลงของโอลิเวอร์ ข้าก็สรุปทฤษฎีเหล่านั้นด้วยสมมติฐานที่เป็นไปได้สองสามประการ ปรากฏการณ์สัมพัทธภาพที่เจ้าค้นพบกลายเป็นหลักฐานสนับสนุนทฤษฎีของข้า” ลูเซียนอธิบายข้ออ้างที่เขาคิดไว้นานแล้ว

แอนนิคก็เข้าใจในที่สุด “ตอนนั้น ท่านคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงของมวลไว้ในคำอธิบายอยู่แล้ว แต่ไฮดี้ก็ค้านว่าเป็นไปไม่ได้!”

ฝ้ากระบนหน้าของไฮดี้เกือบจะหายหมดแล้ว นางหน้าแดงและถลึงตามองแอนนิคทั้งความโกรธและความอาย “ข้าจะไปรู้ได้ไง? นั่นมันเรื่องที่มีแต่จอมเวทอาวุโสเท่านั้นที่จะเข้าใจ!”

“แต่ว่า ในฐานะลูกศิษย์ของข้า เจ้าควรจะรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น” ลูเซียนกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของไฮดี้ รอยยิ้มที่สง่างามและช่วยปลอบประโลมใจนี้น่าขนลุกอย่างยิ่งไม่ต่างจากปีศาจที่อำมหิตที่สุด อาจารย์ของพวกเขากำลังส่งสัญญาณบอกใบ้ชัดๆ ว่าลูกศิษย์ทุกคนต้องศึกษาและทำความเข้าใจทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ ซึ่งหมายถึงตำราและตำรา ตามด้วยแบบฝึกหัดและแบบฝึกหัด!

ขณะมองดูลูกศิษย์ที่ทำท่าเหมือนกับถูกลูกเห็บตกใส่หัว ลูเซียนก็ยิ้มออกมา “ยิ่งพวกเจ้าเข้าใจทฤษฎีการแปลงพื้นฐานและมุมมองต่อกาลและอวกาศได้เร็วเท่าไร พวกเจ้าก็จะยิ่งสร้างโลกแห่งปัญญาจากความรู้ระดับสูงที่จะเสียหายจากทฤษฎีที่ล้าสมัยได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ว่านะ ข้าต้องบอกไว้ล่วงหน้าเลยว่าทฤษฎีเกี่ยวกับกาลและอวกาศยังไม่สมบูรณ์ เจ้าต้องไม่ลืมว่าอาจมีการนำเสนอทฤษฎีอื่นๆ อีกในอนาคตเพื่อปรับปรุงแก้ไขทฤษฎีปัจจุบัน”

เหล่าลูกศิษย์ที่เขาเข้าฟูมฟักมาตั้งแต่เป็นเด็กมีความเหมาะสมที่สุดในการศึกษาทฤษฎีใหม่ๆ เพราะพวกเขาไม่เข้าใจทฤษฎีอาร์คานาเก่าๆ ดีเพียงพอ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาจต้องใช้เวลามากขึ้นในการเปลี่ยนความคิดของพวกเขา พวกเขาอาจติดบ่วงความคิดเห็นที่ล้าสมัยและไม่อาจสร้างผลงานที่สร้างสรรค์ออกมาได้

ไฮดี้พยักหน้า ก่อนสงบสติอารมณ์ลงและถามด้วยความสงสัย “อาจารย์คะ ท่านจะเสนอทฤษฎีสัมพันธภาพที่แอนนิคค้นพบในฉบับหน้าไหมคะ? นักเวทหลายคนในสำนักแม่เหล็กไฟฟ้าและสำนักแสง-ความมืดที่ข้ารู้จักบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่านี่เป็นเพียงทฤษฎีสมมุติฐานเท่านั้น ตอนที่พวกเขาอ่านบทความไม่เข้าใจลึกซึ้งพอ ฮ่าๆ พวกนั้นคงอ้าปากพูดอะไรไม่ออก ถ้าเห็นหลักฐานสนับสนุนนี้!”

สปรินต์แอบคิดอยู่ในใจว่าก็ต้องรอดูว่าคนพวกเขาจะยังมีปากให้อ้าหรือไม่

ลูเซียนไม่ได้ตอบอะไรนาง แต่พูดกับทุกคนว่า “บทความนี้มีส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ พวกเจ้าค่อยอภิปรายกันทีหลังเถอะ ตอนนี้มาช่วยกันพัฒนาบทความก่อน”

ช่วงต้นของเดือนแห่งปรารถนา (มิถุนายน) ณ ชั้นที่สิบห้าของหอคอยเวียดนามอัลลิน…

ภายในสำนักงานของคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา สมาชิกของกลุ่ม ‘หัตถ์ไว้ชีวา’ สองสามคนกำลังรวมตัวกันอยู่

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องความทรงจำของเซลล์ เฟลิเปผ่านการรับรองจากคณะกรรมการโดยไร้ข้อกังขา หลังจากเขาขึ้นเป็นจอมเวทระดับเจ็ด มือของเขาล้วงอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุมสีดำ เขาถามสมาชิกของสำนักศาสตร์มืดทั้งเปเซอร์ และทีนา-ทีมอส ขณะกำลังยืนพิงกำแพง “อยากรู้จริงๆ ว่าอีวานส์จะตอบโต้บทความ ‘ว่าด้วยข้อผิดพลาดและข้อขัดแย้งในทฤษฎีสัมพัทธภาพ’ อย่างไร?”

“อัลวาโรเพิ่งยื่นบทความเมื่อสองวันที่แล้ว บทความนี้เฉียบคมมาก ข้าไม่คิดว่าลูเซียน อีวานส์ จะมีเวลาคิดคำถามทัน เราน่าจะต้องรอจนถึงเดือนหน้า” หลังจากความตกตะลึงของควอนตัมแสงและการทดลองของบรูค เปเซอร์ก็สับสนทั้งเรื่องทฤษฎีคลื่นของแสดงและทฤษฎีอนุภาค ดังนั้น เขาจึงไม่ได้แสดงปฏิกิริยาต่อบทความของลูเซียนมากนัก หากไม่มี ‘อีเธอร์’ ก็ปล่อยไปตามนั้น สำหรับการขัดขวางระบบการเคลื่นไหว ลูเซียนก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีการระเหิด และคำอธิบายที่ครอบคลุมและไม่จำกัดยิ่งขึ้น ฉะนั้น เขาก็ยอมรับโดยไม่โต้แย้งมากนัก สำหรับนักเวทสำนักศาสตร์มืดแล้ว นั่นไม่ใช่เรื่องจำเป็น

อีกฝ่ายหนึ่ง ทีนา-ทีมอสกำลังขมวดคิ้ว “ข้าได้ยินมาว่าลูเซียน อีวานส์ ยื่นบทความแล้วเมื่อวาน แต่น่าจะยังไม่ได้ใส่ในห้องสมุดอาร์คานา แม้ข้าจะชอบความเห็นของอัลวาโร ข้าวางตัวเป็นกลางก่อนจะได้เห็นการตอบของลูเซียน”

นางได้เห็นบรรยากาศ ‘การถกเถียงอันดุเดือด’ ในปีที่แล้วด้วยตาตัวเอง

“เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ในสาขาที่เขาช่ำชอง คนอื่นคงรู้สึกไม่มั่นใจจนกว่าเขาจะตอบ” เฟลิเปมองไปที่เหรียญตราบนหน้าอกของเขา วงแหวนสีดำเจ็ดวงและดวงดาวสีเงินเจ็ดดวงดูเหมือนไม่ห่างไกลจากดวงดาวสีเงินแปดดวงและวงแหวนสีดำแปดวงของลูเซียน แต่สำหรับจอมเวทคนอื่นๆ ลูเซียนถูกนำไปเปรียบเทียบกับมหาจอมเวทที่มีอยู่สองสามคนและมีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไม่ต่างจาก ‘เจ้าแห่งนรก’ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับระดับของเขาแล้ว

นอกจากนี้ เขาก็จวนเจียนจะขึ้นเป็นมหาจอมเวท หากเขาปรับแก้หรือพิสูจน์ทั้งสองทฤษฎีให้สมบูรณ์ได้ เขาจะได้รับตำแหน่งสูงในอาร์คานาในทันทีและสร้างเวทมนตร์ระดับตำนานของตัวเอง

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ นิตยสาร ‘อาร์คานา’ ฉบับล่าสุดก็ถูกส่งเข้ามา เฟลิเปยืนขึ้นและคว้ามาฉบับหนึ่ง เขาเปิดไปยังหน้าสารบัญและเห็นว่าบทความแรกไม่ใช่ ‘ว่าด้วยข้อผิดพลาดและข้อขัดแย้งในทฤษฎีสัมพัทธภาพ’ หรือการอภิปรายของมหาจอมเวทและนักเวทชั้นตำนานเกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ แต่กลับเป็น ‘การวิเคราะห์และการพัฒนาความไม่สอดคล้องของผลจริงและผลเชิงทฤษฎีของเครื่องไซโคลตรอน และการอภิปรายว่าด้วยสัมพัทธภาพ’ โดยลูเซียน อีวานส์ เอ็กซ์

ทีนา-ทีมอสอ่านบทความพร้อมกับขมวดคิ้ว แล้วก็ถอนหายใจยาว “ข้าไม่คิดว่าอัลวาโรต้องรอการตอบกลับอย่างเป็นทางการของลูเซียนในเดือนหน้าแล้ว”

เปเซอร์ยิ้มเจื่อนๆ และเฟลิเปก็กำหมัดแน่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อ รู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเขากับอีวานส์ยิ่งห่างไกลกันมากยิ่งขึ้น

เขาไม่ได้สนิทกับเทพอสูร-ลิชซึ่งเป็นอาจารย์ของเขา แต่เขาพร้อมจะแก้แค้นให้กับอาจารย์ หากมีโอกาส อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงโหดร้ายยิ่งนัก

ในสหพันธ์บทเพลงจันทรา สาขานครอัลลิน องครักษ์หอคอยใช้มาตรการฉุกเฉิน หลังจากสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในห้องทดลอง

ในฐานะสมาชิกของ ‘แผนกลงทัณฑ์ของสภา’ จูรีเซียนก็มาถึงจุดเกิดเหตุโดยเร็วที่สุด เขาเห็นร่างไร้หัวนอนกองอยู่ตรงหน้าเครื่องไซโคลตรอน รวมถึงเลือดและเศษสมองสีขาวและแดงดั่ง ‘ดอกไม้’ ที่เปรอะเปื้อนผนัง โต๊ะทดลอง และพื้น

“ท่านอัลวาโร…” จูรีเซียนสันนิษฐานตัวตนของศพโดยไม่ต้องดูเหรียญตรา เขาน่าจะเป็นนักเวทระดับอาวุโสเท่านั้นที่โลกแห่งปัญญาเพิ่งล่มสลาย

จอมเวทติดตามเขามาต่างตกอยู่ในความเงียบงัน

ณ ตอนนี้ จู่ๆ จูรีเซียนก็สัมผัสได้ถึงมวลอากาศที่กำลังกระเพื่อมต่อหน้าเขา แล้วทุกอย่างก็กลับสู่เหตุการณ์ปกติ ห้องทดลองข้างๆ ห้องหนึ่งก็เปิดออก

อันทูนส์ จอมเวทระดับแปดซึ่งติดอยู่ในระดับนี้มานานหลายปี เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มและต้องตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า

จูรีเซียนเข้าใจสถานการณ์ได้ดี เขาใช้มือขวาแตะหน้าผากแล้วพูดขึ้นว่า “ขอแสดงความยินดีกับโลกแห่งปัญญาอันสมบูรณ์ของท่านอันทูนส์ด้วยขอรับ ท่านกำลังจะขึ้นเป็นผู้วิเศษแล้วสินะขอรับ”

อันทูนส์พยักหน้าและสางผมสีเทาของเขา เขาตอบด้วยความรู้สึกที่สับสน “ฝังศพอัลวาโรด้วย…”

กระแสของเวลาไม่เคยหยุด เขาทำได้เพียงถอนหายใจที่อัลวาโรถูกลบทิ้งและรู้สึกโชคดีที่เขามีแนวคิดตามกระแส

ช่วงเริ่มต้นเดือนแห่งไฟ (กรกฎาคม) จอมเวททุกคนกำลังเฝ้ารอวารสาร ‘อาร์คานา’ ฉบับล่าสุด ซึ่งตั้งใจบรรจุการตอบโต้คำถามต่างๆ เกี่ยวกับทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของลูเซียน อีวานส์

หลุยส์ซึ่งมีหมาป่าขาวอยู่ข้างกายได้รับวารสารอาร์คานาฉบับที่เจ็ด ประจำปี 824 และได้เห็นชื่อเรื่องที่แปลกประหลาดกว่าที่นางคิด ‘คำตอบของคำถามบางประการและการบรรยายเชิงมิติ ‘3+1’ ว่าด้วยทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษและการแปลงของโอลิเวอร์’

บทความนี้ตอบคำถามมากมายที่มีมาตั้งแต่เดือนก่อนอย่างเป็นระบบและครอบคลุม แม้บทความนี้ยอมรับถึงปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับกรอบอ้างอิงเฉื่อย ที่ยังไม่ได้รับการไขปริศนา แต่ตัวบทความก็ไขปัญหาส่วนอื่นๆ ที่เชื่อว่าเป็นข้อผิดพลาดและข้อขัดแย้ง การเปลี่ยนแปลงกรอบอ้างอิงและคำอธิบายที่เข้าใจยากนั้นซับซ้อนเกินไป

“นี่เกือบจะเป็นการแสดงถึงการสร้างทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษขึ้นมาจริงๆ เมื่อกรอบอ้างอิงเฉื่อยไม่ถูกนำมาใช้ในระบบอ้างอิงสากล ท่านอีวานส์จะได้รับการยอมรับในฐานะมหาจอมเวท” นักเวทระดับห้าคนหนึ่งซึ่งเพียรพยายามจนเข้าใจบทความนี้พูดขึ้นข้างๆ หลุยส์

สหายของเขาพยักหน้าเห็นด้วย “แต่ข้าคิดว่าจอมเวทหลายคนที่ไม่เข้าใจคำอธิบายนี้ก็จะคลางแคลงใจต่อไป แล้วอะไรคือประเด็นของการบรรยายเชิงมิติ ‘3+1’ ว่าด้วยทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษที่ท่านอีวานส์ระบุไว้ในส่วนท้าย? หรือเป็นเพียงแบบจำลองคณิตศาสตร์จากอีกมุมมองหนึ่ง?”

“แกนสามมิติบวกด้วยแกนเวลาก็สอดคล้องกับความหมายทั่วไป แต่แน่นอนว่าการแปลงเชิงคณิตศาสตร์จะซับซ้อนยิ่งกว่า บางที ท่านอีวานส์อาจต้องการให้คนเข้าใจเขามากขึ้น…” จอมเวทระดับห้าอีกคนก็สับสนเช่นกัน

หลุยส์พยายามอ่านบทความนั้น แล้วนางก็คิดอยู่ในใจ “ท่านอีวานส์คงไม่ทำอะไรที่ไม่มีความหมายแน่นอน”

ภายในสถาบันอะตอม ลูเซียนกำลังอ่านวารสาร ‘อาร์คานา’ ขณะที่ทอมป์สัน ‘โทร’ หาเขา

“ลูเซียน จูเลียนาและมินสค์ ที่เจ้าเสนอให้เราติดตามอย่างใกล้ชิด จู่ๆ ก็หายตัวไป” ทอมป์สันพูดด้วยเสียงเบา

ลูเซียนค่อนข้างประหลาดใจ เวลาลงมือใกล้เข้ามาแล้ว เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น?

…………………………………………………………………