กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 962
“ตู้ม……”
พละกำลังอันทรงพลังปะทุออกมาจากร่างกายของกู้ชูหน่วน และทำให้ท่านผู้เฒ่าหนิงกระเด็นออกไปอย่างแรง
“ตุ่บ……”
ท่านผู้เฒ่าหนิงกระอักเลือดอย่างสาหัสอีกครั้ง พลังของเขาออกมามากกว่าพลังที่รับเข้าไป เขาดูอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงและแทบจะหมดลมหายใจ
กู้ชูหน่วนรีบเข้าไปประคองท่านผู้เฒ่าหนิงขึ้นโดยไม่สนใจว่าวรยุทธ์ได้เพิ่มไปถึงระดับห้าขั้นต้นแล้ว
“ตาเฒ่า……”
“เพิ่มขึ้นมาสองขั้น……ก็……ก็ดี อย่างน้อยพลังของข้าก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”
“เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้”
“เจ้าเป็นหลานสะใภ้ของข้า หากข้าไม่ทำดีต่อเจ้า เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าจะไปทำดีต่อใคร”
“ท่านยังต้องการอะไรอีก ท่านพูดออกมาให้หมด หากข้าสามารถทำให้ได้ ข้าจะพยายามทำตามที่ท่านต้องการ”
“ไม่……ไม่มีแล้ว คนที่ข้าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือโย่วเอ๋อร์และตระกูลหนิง ตระกูล……หนิง……”
ท่านผู้เฒ่าหนิงยังพูดไม่จบก็หมดลมหายใจลง
เขาบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป
อีกทั้งยังส่งมอบพลังทั้งหมดให้กับกู้ชูหน่วนโดยไม่คิดเก็บเอาไว้เลย เดิมทีก็ฝืนทนกับลมหายใจสุดท้ายนี้มาตลอด
ทว่าตอนนี้กลับไม่อาจฝืนทนได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงได้จากไปอย่างสงบ
กู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก นางกอดท่านผู้เฒ่าหนิงแน่นและเก็บกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา
เรื่องราวต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมาผุดขึ้นมาในหัวของนาง
ท่านผู้เฒ่าหนิงเป็นห่วงและดูแลนางอย่างดี และอยากให้นางได้เป็นหลานสะใภ้ของเขา
บ่อยครั้งที่ท่านผู้เฒ่าหนิงมักช่วยนางให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ
ท่านผู้เฒ่าหนิงยอมเป็นศัตรูต่อทุกคน เพื่อปกป้องนางให้ปลอดภัย
และจนวันนี้ เพื่อไม่ให้จักรพรรดินีตัวปลอมเจอตัวนาง ท่านผู้เฒ่าหนิงก็ได้ยอมสละชีวิตของตัวเอง
เดิมทีเขาไม่สมควรตายเลยด้วยซ้ำ
วิชาเฉพาะของตระกูลหนิงสามารถตัดแยกพลังลมหายใจได้
ทว่าเขากลับออกไปเผชิญหน้า
กู้ชูหน่วนวางเขาลงกับพื้น จากนั้นตัวนางเองได้คุกเข่าลงและก้มศีรษะลงโค้งคำนับสามครั้ง
“ท่านผู้เฒ่า ท่านวางใจได้ ขอเพียงข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่มีทางปล่อยให้หนิงเทียนโย่วต้องเป็นอะไรอย่างแน่นอน ตระกูลหนิง ข้าก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยของพวกเขาทุกคน แค้นของท่าน ข้าก็จะเป็นผู้ล้างแค้นให้กับท่านเอง”
“เส้นทางลับนี้สลับซับซ้อนอย่างมาก และตอนนี้ข้าก็ได้หลงทางเข้าแล้ว ข้าขอให้ท่านได้พักผ่อนลงที่นี่ก่อน และหากข้าได้ฆ่านางจักรพรรดินีจอมปลอมนั่นแล้ว ข้าจะกลับมารับท่าน”
แม้ว่าจะไม่ยอมยอม ทว่ากู้ชูหน่วนทำได้เพียงหาห้องลับเพื่อแอบซ่อนร่างของท่านผู้เฒ่าหนิงไว้ จากนั้นนางจึงค้นหาทางออกจากวังใต้ดิน
ไกลออกไปกลับไม่ได้ยินเสียงระเบิดของประตูหินอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจักรพรรดินีรู้ว่าไม่อาจทำลายได้ จึงได้ยอมแพ้ไปหรือไม่
กู้ชูหน่วนร้อนใจมาก
นางออกมานานมากแล้ว
เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลยที่จะกลับไปที่หอดาบในตอนนี้
หากนางไม่ได้กลับไป เยี่ยจิ่งหานจะเป็นอันตรายหรือไม่? เขาจะรับมือได้หรือไม่?
เมื่อนึกถึงความเก่งกาจในด้านการต่อสู้ของเยี่ยจิ่งหานแล้วนั้น กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเขา
จักรพรรดินีตัวปลอมแต่งงานกับเขาก็เพียงเพื่อวรยุทธ์ที่เขามีอยู่เท่านั้น นางต้องการดูดพลังของเขาเอาไว้ใช้เอง
เดินมาเนิ่นนานและกู้ชูหน่วนก็ไม่รู้ว่าตัวเองเดินมานานมากเพียงใด นางรู้เพียงเสื้อผ้าเปียกปอนไปด้วยเหงื่อที่ไหลออกมา
ไม่ใช่ว่านางไม่คิดว่าจะเดินกลับไปทางเดิม เพื่อจะหาทางเข้าทางเดิมเจอ
ทว่าหากเดินไปทางนั้น ก็จำเป็นต้องเปิดประตูหินที่ปิดกั้นจักรพรรดินีตัวปลอมเอาไว้
และเมื่อถึงเวลานั้น……
จะต้องเผชิญหน้ากับนางอย่างปฏิเสธไม่ได้
กู้ชูหน่วนเดินต่อไป
เดินจนนางแทบจะหมดแรงและในที่สุดนางก็รับรู้ได้ถึงสายลมพัดอ่อน
นางดีใจมาก และรีบวิ่งไปยังทิศทางของลม
แผงควบคุมถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง และเดินเข้าไปตามเส้นทางที่รายล้อมไปด้วยอันตราย
ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็หาทางออกเจอ
เมื่อผลักฝาครอบด้านที่ปิดอยู่ออก นางได้โผล่ศีรษะออกไป ทว่ากลับเป็นบนภูเขาลูกใหญ่
กู้ชูหน่วนปีนขึ้นไป และหันกลับไปปิดฝาครอบนั้นลง
เมื่อมองไปรอบๆ ที่นี่กลับมีแต่หุบเขาสูงและไม่มีผู้คนแม้แต่คนเดียว มีต้นไม้หนาแน่น คาดว่าน่าจะอยู่นอกวัง ไม่รู้ว่าเหตุผลเส้นทางลับถึงทะลุผ่านมาถึงที่นี่ได้
กู้ชูหน่วนค้นหาทิศทางและเดินตรงไปยังทางที่มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง
เมื่อนางมาถึงเมืองหลวงก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
ในเมืองหลวงเต็มไปด้วยรูปภาพของนาง
กู้ชูหน่วนกังวลว่าจักรพรรดินีจะลงมือทำร้ายตระกูลหนิง จึงได้วิ่งไปยังเรือนของตระกูลหนิงโดยไม่หยุดพัก นางหวังเพียงแค่ได้บอกให้คนในตระกูลหนิงแยกย้ายกันหนีไปหาที่หลบภัยได้ทันเวลา
ไม่เช่นนั้นแล้ว จักรพรรดินีตัวปลอมที่มีจิตใจชั่วร้ายคนนั้นจะต้องมาลงมือกับทุกคนในตระกูลหนิงอย่างแน่นอน
อย่างไรเสีย ผู้มีวรยุทธ์สูงส่งและเก่งกาจอย่างท่านผู้เฒ่าหนิงก็ได้ลาจากโลกมนุษย์ไปแล้ว นางจะยอมได้ง่ายๆ ได้อย่างไร
ดึกสงัด ภายในเมืองหลวงเงียบสงบ
กู้ชูหน่วนรู้จักเส้นทางอย่างดีและไม่นานก็เดินทางมาถึงใกล้บริเวณเรือนตระกูลหนิง
นางรับรู้ได้ว่ามีคนจำนวนหนึ่งแวบหายไปบนหลังคาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะเร็วมาก ทว่ากู้ชูหน่วนก็รู้ได้ว่า
นั่นคือเงาวิญญาณยี่สิบสี่ของราชวงศ์
เงาวิญญาณยี่สิบสี่ก็คือองครักษ์ลับประจำกายของจักรพรรดินี รับผิดชอบปกป้องดูแลจักรพรรดินี พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของจักรพรรดินีคนเดียวเท่านั้น จักรพรรดินีสั่งให้พวกเขาทำอะไร พวกเขาก็จะทำตามคำสั่ง
ว่ากันว่าเงาวิญญาณยี่สิบสี่นั้นมีทักษะเฉพาะตัว และมีศิลปะการต่อสู้ที่โดดเด่น อีกทั้งจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าวรยุทธ์ของพวกเขาไปถึงระดับไหนแล้ว
รู้เพียงแค่น้อยครั้งนักที่พวกเขาจะออกปฏิบัติภารกิจ และเมื่อลงมือ พวกเขาไม่เคยทำพลาดหรือพ่ายแพ้เลยสักครั้ง
ซึ่งสามารถพูดได้ว่าเป็นกองกำลังองครักษ์ของรัฐปิงที่ลึกลับที่สุด และถือเป็นกองกำลังที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด
เมื่อเห็นพวกเขา หัวใจของกู้ชูหน่วนก็เต้นเร็วผิดจังหวะเล็กน้อย และจู่ๆ ก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นเองโดยไม่ทันตั้งตัว
ลมเย็นในตอนกลางคืนพัดมา กลิ่นคาวเลือดได้ปะทะเข้ามายังปลายจมูก กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วแน่น จากนั้นจึงได้วิ่งไปยังเรือนตระกูลหนิงอย่างรวดเร็ว
เมื่อยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่หน้าประตูเรือนของตระกูลเรือน นางมองเห็นศพของทุกคนในตระกูลหนิงที่นอนตายคาพื้นอย่างชัดเจนและมีเลือดไหลเป็นแม่น้ำ
ขาทั้งสองข้งาของนางอ่อนลงทันที หัวใจของนางราวกับถูกทิ่มแทง
กู้ชูหน่วนจ้องมองตระกูลหนิงไม่ละสายตา
บนพื้นมีทั้งผู้หญิงผู้ชาย คนแก่และเด็ก แม้แต่สัตว์ก็ไม่เว้น
ทั้งหมดถูกฆ่าตายอย่างน่าสลด
นางกำหมัดแน่น ความแค้นของกู้ชูหน่วนทวีคูณอย่างมาก และอยากจะเอามีดนับพันนับหมื่นทิ่มแทงจักรพรรดินี
ช่างน่าสลดอย่างมาก……
ตระกูลหนิงที่ยิ่งใหญ่
ตระกูลหนิง หนึ่งในสี่ตระกูลอันยิ่งใหญ่ของดินแดนวิญญาณเยือกแข็ง เพียงค่ำคืนเดียวก็ถูกฆ่าล้างตระกูลไปจนหมด
หากจักรพรรดินีตัวปลอมไม่ตาย เช่นนั้นโลกก็ไร้ความยุติธรรมเกินไปแล้ว
นางหลับตาลงเพื่อสัมผัสหาผู้รอดชีวิตที่อาจยังพอมีลมหายใจอยู่บ้าง
ทว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถสัมผัสได้
นางสัมผัสได้เพียงมีลมหายใจของยอดฝีมือจำนวนมากแอบซ่อนอยู่ในเรือนตระกูลหนิง
พวกเขากำลังรอนางอยู่
รอให้นางเข้าไปติดกับดัก
กู้ชูหน่วนอยากจะเข้าไปใกล้เพื่อให้แน่ใจว่ายังมีคนรอดชีวิตหลงเหลืออยู่หรือไม่ ทว่านางรู้ดีว่าหากนางเข้าไป นางจะต้องตายอย่างแน่นอน
นางเก็บกลั้นความโกรธแค้นเอาไว้และจากไป จากนั้นมุ่งตรงไปยังเรือนของตระกูลซั่งกวน
ประตูเรือนของตระกูลซั่งกวนถูกปิดสนิท คงเพราะรู้ว่าคืนนี้ต้องเกิดเรื่องไม่ปกติขึ้น
นางแอบบุกเข้าไปและทำให้คนในตระกูลซั่งกวนตกตะลึง
เพียงแต่พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงดัง ทว่ากลับพานางไปยังสถานที่เปล่าเปลี่ยวและให้ค่านกลเพื่อปิดล้อมไว้
กู้ชูหน่วนมองไปยังคนทั้งแปดที่ปิดล้อมนางไว้และกล่าวออกมา “ข้าต้องการพบท่านผู้นำตระกูลของพวกเจ้า”
“ท่านผู้นำตระกูลของข้าเป็นคนที่เจ้าอยากพบเมื่อไรก็ได้อย่างนั้นหรือ? มู่หน่วน เจ้าเป็นนักโทษหมายเลขหนึ่งที่ฝ่าบาทต้องการตัว เจ้ายังกล้าบุกเข้ามาในเรือนของตระกูลซั่งกวนของพวกข้าอีกหรือ เจ้าไม่กลัวว่าพวกข้าจะจับเจ้าไปมอบตัวอย่างนั้นหรือ?”
“พวกเจ้าไม่มีทางทำเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคงไม่พาข้ามายังสถานที่เปล่าเปลี่ยวเช่นนี้ ข้ามีเวลาจำกัด พาข้าไปพบท่านผู้นำของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้”
คนที่ปิดล้อมนางเหมือนอยากจะพูดอะไรอีก ทว่ามีผู้ดูแลบ้านเดินมาอีกฝั่งหนึ่งและกระซิบข้างหูพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีคนเปิดค่อยกลออกและพาตัวนางไปยังเรือนข้าง
ภายในเรือนข้าง ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนนั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน หน้าประตูมีคนจำนวนมากยืนคุ้มกันไว้
หลังจากกู้ชูหน่วนเดินเข้าไป ประตูใหญ่ก็ถูกปิดลง
นางก้าวไปข้างหน้าและหยิบถ้วยน้ำชาของท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนขึ้นมา จากนั้นก็ดื่มเข้าไปโดยไม่สนใจท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนแม้แต่นิดเดียว
ท่านผู้นำตระกูลซั่งกวนไม่พอใจ
ผู้หญิงคนนี้ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย
“เจ้ามาหาข้าเพื่ออะไร?”
“มาทำธุรกิจกับท่าน”
“ธุรกิจอะไร?”
“โค่นล้มจักรพรรดินี ฆ่าสังหารจักรพรรดินี”