กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 961

กู้ชูหน่วนพยายามอย่างสุดความสามารถโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลัง นางรู้เพียงนางต้องรีบเร่ง รีบเร่ง และรีบเร่งเท่านั้น

“เฟี้ยวๆๆ……”

“ตู้มๆๆ……”

“ปังๆๆ……”

ประตูลับแต่ละบานถูกปิดลง ทว่าประตูลับกลับถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง

กู้ชูหน่วนสามารถรับรู้ได้ว่า จักรพรรดินีตามหลังนางมาไม่ไกลนัก และอีกเพียงนิดเดียวก็สามารถไล่ตามทันแล้ว

หลังจากที่ไล่ตามทัน สิ่งที่ทั้งสองคนต้องเผชิญก็คือความตายเท่านั้น

ท่านผู้เฒ่าหนิงรีบกล่าวขึ้นมา “ข้าได้กลายเป็นคนพิการไร้ความสามารถไปแล้ว เจ้าพาข้าไปด้วยเช่นนี้ก็มีแต่ละเป็นภาระให้เจ้าเท่านั้น เจ้าหนีไปเถอะ ปล่อยข้าไว้ที่นี่ ไม่ต้องสนใจข้า”

“มีข้าอยู่ทั้งคน นางไม่มีทางทำอะไรท่านได้”

ประตูหินถูกทำลายลงอีกบาน และเศษก้อนหินเกือบกระเด็นมาโดนใบหน้าของกู้ชูหน่วน

“คิดหนีหรือ ฝันไปเถอะ ข้าจะจับพวกเจ้ามาถลกหนัง จะสับพวกเจ้าให้ละเอียดและนำไปโยนให้สุนัข ฮ่าๆๆ……”

จักรพรรดินีไล่ตามมาใกล้มากเหลือเกิน

ใกล้จนแทบจะมองเห็นเงาของนางแล้ว

กู้ชูหน่วนรู้สึกร้อนใจอย่างมาก

ท่านผู้เฒ่าหนิงก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก

หากกระดูกของเขาไม่ถูกหักไปทั้งตัว เขาก็คงกระโดดลงไปนานแล้ว

เขาอายุมากปูนนี้แล้ว แก่จนแทบจะลงโลงแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่เป็นภาระเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งต่อไป

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงห้องลับห้องนั้นที่สำหรับกักขังจักรพรรดินีตัวจริง กู้ชูหน่วนกัดฟันและเร่งความเร็วอย่างสุดชีวิต

นางวิ่งพลางกัดนิ้วมือของตัวเองพลาง เพื่อให้เลือดที่ไหลออกมาผนึกเข้าไปยังประตูหิน

“ตู้มๆๆ……”

จักรพรรดินีเหาะมา

กู้ชูหน่วนนั่งหอบเหนื่อยอยู่ข้างกำแพงหิน

นางวิ่งอย่างต่อเนื่องอยู่นาน ทำให้เรี่ยวแรงของนางแทบจะหมดลงแล้ว

และหวังเพียงแค่ประตูหินบานนี้จะสามารถปิดกั้นจักรพรรดินีเอาไว้ได้

เมื่อเห็นว่าประตูหินยังไม่ปิดลง

จักรพรรดินีก็พุ่งมาถึงข้างหน้าแล้ว กู้ชูหน่วนจนอดไม่ได้และลุกขึ้นไปรีบปิดประตูหินลงอย่างรวดเร็ว

ท่านผู้เฒ่าหนิงรู้สึกลุ้นระทึกจนหัวใจแทบหยุดเต้น

โชคดีที่

ประตูหินได้ปิดลงแล้ว

อีกเพียงนิดเดียว

อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น จักรพรรดินีเกือบพุ่งเข้ามาในประตูหินเสียแล้ว

“ตู้มๆๆ……”

ฝ่ามือทั้งสองของจักรพรรดินียังคงโจมตีประตูหินอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง

ทำให้เส้นทางลับเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง

ท่านผู้เฒ่าหนิงกล่าวว่า “เจ้าอย่าสนใจข้าเลย เจ้ารีบหนีไปเถอะ หากนางทำลายประตูหินได้จะลำบากเอาเสีย”

กู้ชูหน่วนถอนหายใจและมีเหงื่อไหลหยดย้อย “วางใจเถอะ ประตูหินนี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับเจ็ดก็ไม่อาจทำลายได้”

ท่านผู้เฒ่าหนิงไม่เข้าใจ บนโลกใบนี้ยังมีอะไรที่สามารถขัดขวางวรยุทธ์ของยอดฝีมือระดับเจ็ดได้อีกอย่างนั้นหรือ? “ประตูหินนี้มีน้ำหนักกว่าห้าร้อยตัน ต่อให้นางมีวรยุทธ์ระดับเจ็ด นางก็คือคน ไม่ใช่เทวดา เช่นนั้นแล้วนางจะทำลายลงได้อย่างไร? อีกทั้งภายในประตูหินยังมีเครื่องรางอาคมที่เหนือชั้นกว่าระดับเจ็ดเสียอีก”

พูดไปเช่นนั้น ทว่าประตูหินถูกโจมตีอย่างหนักและมีเสียงระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง กู้ชูหน่วนจึงหามท่านผู้เฒ่าหนิงเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

ไม่รู้ว่าเดินไปนานมากเพียงใด ทว่าเสียงระเบิดไม่ได้ดังรุนแรงเหมือนเดิมแล้ว จากนั้นกู้ชูหน่วนจึงได้วางท่านผู้เฒ่าหนิงลง และทำการห้ามเลือดและรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา

ท่านผู้เฒ่าหนิงกล่าวออกมาอย่างอ่อนล้า “ไม่จำเป็นแล้ว ข้า……ข้าใกล้จะไม่ไหวแล้ว”

กู้ชูหน่วนรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก

ท่านผู้เฒ่าหนิงไม่เพียงถูกหักกระดูกทั้งร่างกาย ดวงตาของเขาก็ถูกควักออกไปข้างหนึ่ง อีกทั้งร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลที่มีเลือดออกอย่างสาหัส มีบาดแผลทั้งภายในและภายนอกเต็มไปหมด ต่อให้เทวดามาโปรดก็เกรงว่าจะรักษาไม่หาย

“ไม่เป็นเช่นนั้นหรอก ข้าจะทำการห้ามเลือดให้ท่านก่อน และหลังจากออกไปจากที่นี่ได้ ข้าจะทำการรักษาอาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างดี”

“เด็กน้อย แค่นี้ข้าก็ดีใจมากแล้ว ที่ได้เจอเจ้าก่อนที่ข้าจะตาย”

“ท่านจำได้ด้วยหรือ”

กู้ชูหน่วนเปิดผ้าคลุมใบหน้าออก และเผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงามที่ไม่มีใครเทียบได้

“ท่านเป็นคนตัดขาดลมหายใจของข้า ทำให้จักรพรรดินีไม่สามารถรับรู้ได้ว่าข้าอยู่ข้างในใช่หรือไม่”

กู้ชูหน่วนไม่ได้ถาม แต่นางมั่นใจอย่างมาก นางกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “คนที่จักรพรรดินีสัมผัสได้คือข้า แต่ไม่ใช่ท่าน ท่านปรากฏตัวออกไปเพื่อต้องการปกป้องชีวิตของข้าใช่หรือไม่?”

ท่านผู้เฒ่าหนิงหัวเราะยิ้ม และไม่ตอบคำถามกู้ชูหน่วน

เขายังคงใจดีและแสดงความเป็นมิตรเหมือนเก่า “เจ้าช่างเก่งกล้าสามารถเช่นนี้ นอกจากเจ้าแล้ว ยังจะมีใครสามารถบุกเข้ามายังวังใต้ดินได้อีก อะแอ่ม……”

“ท่านผู้เฒ่า……”

“ข้า……ข้าเกรงว่าข้าจะไม่ไหวแล้ว เด็กน้อย เห็นแก่ที่ข้าและเจ้ารู้จักกันมา เจ้าสัญญาอะไรกับข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”

“ท่านบอกข้ามา”

“โย่วเอ๋อร์ได้หายตัวไป หลายปีมานี้ชายหนุ่มวัยรุ่นในดินแดนวิญญาณเยือกแข็งได้ต่างพากันหายตัวไปอย่างลึกลับ พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว พวกเขาล้วนถูกจักรพรรดินีตัวปลอมทำร้าย……อะแอ่ม……”

“เพื่อดูดกลืนพลังของพวกเขา?”

ท่านผู้เฒ่าหนิงพยักหน้า “วิชาอาคมของนางชั่วร้ายอย่างมาก เจ้าจะต้องระมัดระวังให้ดี การที่นางสามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ไปถึงระดับเจ็ดได้นั้นเป็นเพราะการดูดกลืนพลังและแก่นสารแท้ในร่างกายของคนอื่น”

“ข้า……ข้าสงสัยว่า การที่โย่วเอ๋อร์หายตัวไปเกี่ยวข้องกับนาง ดังนั้นข้าจึงคิดหาวิธีบุกเข้ามา และในที่สุดก็มาถึงห้องลับในวังใต้ดินแห่งนี้”

“โย่วเอ๋อร์เป็นสายเลือดภรรยาเอกเพียงคนเดียวของตระกูลหนิง หากเขาเป็นอะไรไป เช่นนั้นแล้วตระกูลหนิงจะต้องไร้สิ้นคนสืบสกุลอย่างแน่นอน หากข้าตายไป ข้าคงไม่มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษตระกูลหนิง”

เมื่อพูดถึงหนิงเทียนโย่ว สีหน้าอันซีดเผือดของท่านผู้เฒ่าหนิงก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก

ดวงตาข้างหนึ่งของเขาถูกควักไป และตอนนี้เลือดก็ยังไหลไม่หยุด ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ดูแล้วช่างน่าสยดสยองอย่างมาก

ทว่ากู้ชูหน่วนกลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด นางรู้สึกเห็นใจและสงสารท่านผู้เฒ่าหนิงอย่างมาก

“ข้าเข้าใจที่ท่านพูดมา ข้าจะพยายามตามหาหนิงเทียนโย่วให้เจอและปกป้องเขาให้ปลอดภัย”

“ขอบใจมาก ขอบใจเจ้ามาก……ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนดี ขอเพียงแค่เป็นเรื่องที่เจ้ารับปากตกลง เจ้าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”

ท่านผู้เฒ่าหนิงกระอักเลือดออกมา

กู้ชูหน่วนน้ำตาคลอ

“ตาเฒ่า ท่านหยุดพูดได้แล้ว รักษาร่างกายของท่านให้ดี ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่”

“ไม่……ไม่มีประโยชน์แล้ว ข้าโชคดีมากที่พลังของข้าไม่ถูกนางผู้หญิงบ้าคลั่งคนนั้นดูดพลังไป ไม่เช่นนั้น……หากวรยุทธ์ของนางเพิ่มขึ้นอีก ไม่รู้จะทำร้ายคนอื่นอีกเท่าไร”

เมื่อพูดถึงพลังวรยุทธ์ ดูเหมือนท่านผู้เฒ่าหนิงจะนึกอะไรขึ้นได้

เขาดูมีสติมากขึ้นและมองไปยังกู้ชูหน่วน

“เด็กน้อย เจ้าจับมือข้าไว้”

กู้ชูหน่วนจับมืออันเหี่ยวย่นของเขาไว้ และนางคิดว่าเป็นเพราะเขาเอ็นดูนาง จึงคิดอยากจะจับมือนางก่อนจะตายจากโลกนี้ไป

นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่จับมือท่านผู้เฒ่าหนิงแล้ว จะมีพลังงานอันแข็งแกร่งส่งผ่านฝ่ามือเข้าสู่ร่างกายของนาง และเข้าไปถึงแขนขาทั้งสองข้าง ทำให้ร่างกายของนางรู้สึกสบายและอุดมสมบูรณ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

กู้ชูหน่วนรู้สึกตกใจอย่างมากและคิดอยากจะดึงมือตัวเองกลับ ทว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถดึงกลับไปได้

“ตาเฒ่า ท่านทำอะไรน่ะ รีบหยุดเดี๋ยวนี้”

“วรยุทธ์ของข้านี้ ข้าขอส่งมอบให้กับเจ้ายังดีเสียกว่าที่จะตายไปพร้อมกับข้า มันอาจจะมีประโยชน์กับเจ้าบ้าง อะแอ่ม……”

วรยุทธ์ในร่างกายของกู้ชูหน่วนยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนจะสามารถเพิ่มระดับขึ้นไปได้

ทว่าท่านผู้เฒ่าหนิงกลับอ่อนล้าลงเรื่อยๆ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นอยู่แล้ว กลับดูดซูบเซียวลงราวกับหนังหุ้มกระดูก เพราะสูญเสียวรยุทธ์ไปจำนวนมาก

เส้นผมของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีหงอกอย่างรวดเร็ว ไม่มีเส้นผมสีดำเลยแม้แต่เส้นเดียว

กู้ชูหน่วนสามารถรับรู้ได้ว่าลมหายใจของเขากำลังจะหมดไปในไม่ช้า

นางร้อนรนอย่างมาก “ตาเฒ่า ข้าไม่ต้องการวรยุทธ์ของท่านข้าก็สามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ไปถึงระดับเจ็ดได้ ท่านรีบหยุดเถอะ”

“ตระกูลหนิงมีวิชาเฉพาะจำนวนมาก นี่เป็นวิชาหนึ่งในนั้น ต่อให้กระดูกของข้าจะแตกหักไปทั้งหมด แต่ข้ายังคงสามารถส่งมอบวรยุทธ์ของข้าให้แก่เจ้าได้ เด็กน้อย เจ้าหยุดพูดได้แล้ว รีบตั้งใจดูดพลังเถอะ”

กู้ชูหน่วนจะมีสมาธิตั้งใจดูดพลังได้อย่างไร

เดิมทีท่านผู้เฒ่าหนิงก็บาดเจ็บสาหัสมากแล้ว และยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาจะต้องตายลงอย่างแน่นอน

ร่างกายของนางเสมือนกับลูกบอลที่ลอยอยู่ในอากาศที่ถูกเป่าลมครั้งแล้วครั้งเล่า

เป่าจนนางแทบจะแตก

“ตู้ม……”

เมื่อร่างกายอดทนจนถึงขั้นสุด กู้ชูหน่วนได้เพิ่มระดับวรยุทธ์ไปถึงระดับสี่ขั้นสูง และเพิ่มไปถึงระดับห้า……