ภาคที่ 27 รักษาการณ์เมืองอลหม่าน ตอนที่ 14 หอหมื่นโลกา

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 14 หอหมื่นโลกา โดย Ink Stone_Fantasy

โลกทิพย์โบราณ

โลกทิพย์โบราณแรกเริ่มสุดได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะศึกใหญ่อันน่าหวาดหวั่นครั้งหนึ่ง โลกทิพย์โบราณที่หลงเหลืออยู่มีขนาดราวหนึ่งในร้อยส่วนของที่แล้วมาเท่านั้น แต่กลับยังคงใหญ่โตที่สุดในบรรดาโลกทิพย์ทั้งห้า

ภายในโลกทิพย์โบราณมีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่ ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่สงบสุขที่สุด ระหว่างผู้บำเพ็ญไม่มีการเข่นฆ่ากัน ไม่ว่าจะเป็นหมื่นปี ล้านปี หรือนับร้อยล้านปี…ทั้งโลกทิพย์โบราณก็หาผู้บำเพ็ญที่เข่นฆ่าซึ่งกันและกันไม่พบเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนล้วนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน

“ฟิ้ววว…”

แม้จะมีดวงอาทิตย์ลอยเด่นอยู่

แต่ก็ยังคงมีแสงสีดำอันยิ่งใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ มันแผ่ออกมาจากศูนย์กลางของโลกทิพย์โบราณแล้วแผ่ออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง ปกคลุมทั่วทั้งโลกทิพย์โบราณ แม้แต่รัศมีของดวงอาทิตย์ก็ยังมิอาจข่มแสงสีดำนี้ได้

หากกล่าวว่ารูปสลักจอมเทพสามารถควบคุมผู้บำเพ็ญได้ แสงสีดำที่ปลดปล่อยออกมาจากศูนย์กลางของโลกทิพย์โบราณนั้นมีอานุภาพไม่แพ้รูปสลักจอมเทพเลยแม้แต่น้อย แต่บริเวณที่แสงแผ่รัศมีออกไปถึงนั้นกลับเป็นวงกว้างกว่ามากนัก แต่ละแห่งของโลกทิพย์โบราณล้วนอยู่ภายใต้การปกคลุมของแสงสีดำ ผู้บำเพ็ญแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นเหนือธรรมดาที่อ่อนแอหรือว่าผู้ที่แข็งแกร่งจนบรรลุถึงยักษ์ใหญ่ขั้นอลวน ก็ล้วนเปี่ยมไปด้วยความภักดีต่อจอมเทพอย่างเต็มที่

ในโลกภายนอก การเผยแผ่ลัทธิทิพย์โบราณก็ยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ

แต่ในโลกทิพย์โบราณ ผู้บำเพ็ญแต่ละคนล้วนแต่เป็นศิษย์ผู้เชื่อในจอมเทพ!

โลกทิพย์โบราณ บนทะเลสาบอันเงียบสงัดมีระลอกคลื่นก่อตัวขึ้น เงาร่างสายหนึ่งบินขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ เขามีผมสีม่วงประบ่า สวมอาภรณ์สีครามที่ปักรูปสัญลักษณ์อันแปลกประหลาดเอาไว้ นัยน์ตาทั้งสองของเขาฉายแววขมขื่นอย่างลึกล้ำ

“น้องชายข้า” บุรุษผมม่วงพูดเสียงเบา

เขาเพิ่งได้รับการขอความช่วยเหลือจากน้องชายของเขา

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”

“พี่ใหญ่ ช่วยด้วย”

การขอความช่วยเหลือของน้องชาย ทำให้เขาร้อนใจขึ้นมา เขาพยายามคิดหาวิธีเข้าใจสถานการณ์ด้วยหมายจะช่วยเหลือน้องชาย แต่หลังจากนั้นติดๆ เขาก็พบว่า น้องชายได้สิ้นใจไปแล้ว ฐานที่มั่นที่น้องชายอยู่นั้นก็ได้ถูกทำลายไปแล้วเช่นกัน

นัยน์ตาของบุรุษผมม่วงเต็มไปด้วยความเศร้าโศกอย่างยากจะปิดบัง บำเพ็ญมาจนถึงบัดนี้ เขาก็มีญาติคือน้องชายเพียงคนเดียว ในวัยเยาว์ น้องชายกับเขาเป็นพี่น้องที่เป็นความภาคภูมิใจแห่งฟ้า ทว่าจากนั้นระดับขั้นก็สูงขึ้นเรื่อยๆ น้องชายค่อยๆ ถูกเขาทิ้งห่าง บัดนี้เขาบรรลุถึงขั้นอลวนและอยู่ในตำแหน่งผู้วิเศษแห่งลัทธิทิพย์โบราณแล้ว…ส่วนน้องชายเป็นเพียงเทพอากาศคนหนึ่งเท่านั้น

น้องชายก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง เขาไปยังสถานที่อันตรายเพื่อเผยแพร่ลัทธิและเคี่ยวกรำตนเอง

เขามิอาจขัดขวางน้องชายได้ ทำได้เพียงมอบสมบัติล้ำค่าคุ้มกายบางอย่างให้เขาเท่านั้น แต่บัดนี้ผลนี้กลับทำให้หัวใจของเขาเย็นวาบไปหมด

“น้องชายข้า ไม่ว่าผู้ใดสังหารเจ้า มันจะต้องตายอย่างแน่นอน จะต้องถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า” บุรุษผมม่วงพูดเสียงเบา

……

ณ อีกจุดหนึ่งของโลกทิพย์โบราณ กลางฟากฟ้าเหนือหมู่วังสีดำอันสูงตระหง่านที่ทอดยาวต่อเนื่องกัน พลังฟ้าดินโหมซัดแล้วรวมตัวกันก่อให้เกิดเป็นน้ำวนขึ้นมา มันรวมตัวกันอย่างไม่หยุดหย่อนแล้วค่อยๆ ก่อร่างขึ้นเป็นเงาร่างสายหนึ่ง ซึ่งก็คือบุรุษผมม่วงผู้นั้น

สวบ

ภายในหมู่วังสีดำมีเงาร่างสายหนึ่งทะยานออกมา ซึ่งนั่นก็คือบุรุษเกราะทองคนหนึ่ง

“ผู้วิเศษหวั่งหมิง เหตุใดท่านถึงมาหาข้าถึงที่นี่ได้เล่า” บุรุษเกราะทองถาม

“น้องชายข้าสิ้นใจแล้ว ฐานที่มั่นที่เขาอยู่ก็ถูกทำลายจนหมด ผู้ลงมือก็คือ ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญ” บุรุษผมม่วงกล่าว “ข้าหวังว่าภายในลัทธิจะสามารถส่งกองกำลังย่อยทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สักกองหนึ่งออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราแล้วหาโอกาสกำจัดตงป๋อเสวี่ยอิงทิ้งให้ได้ นอกจากเพื่อล้างแค้นให้น้องชายแล้ว พรสวรรค์ของตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็สู.ส่งนัก หากสามารถกำจัดไปเสียได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็เป็นเรื่องดี อีกทั้งฐานที่มั่นถูกทำลาย พวกเราก็ควรที่จะโจมตีกลับ”

บุรุษเกราะทองฟังแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผู้อาวุโสตำหนักในขั้นกำเนิดตัวเล็กๆ คนหนึ่งไม่ควรค่าแก่การใส่ใจหรอก ต่อให้มีขั้นอลวนโผล่มาอีกคน สำหรับจอมเทพแล้วก็ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงเลย”

จอมเทพเป็นสิ่งมีชีวิตระดับใดกัน

ผู้แกร่งกล้าที่สุดในหมู่สิ่งมีชีวิตระดับยอดสุด! พลังของตนคนเดียว โลกทิพย์อีกสี่แห่งก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

บุรุษผมม่วงเอ่ยขึ้นว่า “ฐานที่มั่นถูกทำลาย แล้วจะทำเป็นเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ”

“นั่นเป็นดินแดนของวังทวีสูญ พวกเราจะสู้สุดแรงไปก็ไม่เหมาะ การเผยแพร่ลัทธิก็ทำได้เพียงลับๆ เท่านั้น เมื่อถูกพวกเขาทำลายฐานที่มั่นแล้ว ก็ได้แต่ตำหนิว่าพวกเราระวังไม่พอเท่านั้น” บุรุษเกราะทองพูดต่อว่า “ในโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา ยิ่งพวกเราสู้อย่างร้ายกาจเท่าใด ความเสียหายก็ยิ่งมากเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็สามารถส่งร่างแปรต่างๆ ลงมาได้อย่างง่ายดายอยู่ดี”

บุรุษผมม่วงก็รู้ในข้อนี้ดี

แต่ทว่า หรือเขาต้องบุกไปสังหารด้วยตนเองเสียแล้ว แค่ส่งร่างแปรไป เขาก็ไม่มั่นใจนัก ส่วนจะใช้ร่างจริงบุกไปสังหาร ต่อให้สังหารตงป๋อเสวี่ยอิงได้สำเร็จ ก็เกรงว่าร่างจริงของบรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่จะร่อนลงมาทันที ร่างจริงของเขาก็คงจะหนีไม่พ้น ถึงตอนนั้นก็ต้องสังเวยชีวิตอย่างแน่นอน

“ผู้วิเศษหวั่งหมิง” บุรุษเกราะทองกล่าว “กฎภายในลัทธิเคร่งครัดนัก ข้าก็มิอาจฝ่าฝืนได้ เรื่องนี้ท่านคงได้แต่คิดหาวิธีเองแล้วล่ะ”

บุรุษผมม่วงขมวดคิ้วมุ่น

“เช่นหอหมื่นโลกา จะต้องทำให้ท่านพึงพอใจได้อย่างแน่นอน” บุรุษเกราะทองยิ้มน้อยๆ

“หอหมื่นโลการึ” บุรุษผมม่วงยังคงขมวดคิ้ว

……

หอหมื่นโลกานั้นเร้นลับนัก

สิ่งมีชีวิตที่รู้จักมันก็มีน้อยมาก โดยทั่วไปจะต้องเป็นบุคคลระดับสูงของโลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่านอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะล่วงรู้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้รู้ถึงการมีอยู่ของ ‘หอหมื่นโลกา’ จากรายงานที่ท่านอาจารย์กู่ฉีมอบให้

เนื่องจากในโลกทิพย์โบราณ แต่ละแห่งล้วนถูกแสงของจอมเทพปกคลุมเอาไว้

ดังนั้นภายในโลกทิพย์โบราณจึงไม่มีหอหมื่นโลกาอยู่ บนแผ่นดินอลหม่านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโลกทิพย์โบราณเท่าใดนัก มีตัวเมืองอันคึกคักที่มีไว้สำหรับการแลกเปลี่ยนค้าขายโดยเฉพาะ ผู้บำเพ็ญทั้งหลายของโลกทิพย์โบราณล้วนแต่มาแลกเปลี่ยนกันที่นี่ สถานที่แห่งนี้ก็คือ ‘หอหมื่นโลกา’

“ฟิ้ว”

บุรุษผมม่วงเดินเท้าไปในตัวเมือง เขาเดินมาถึงหน้าหอสุราที่เก่าแก่มากแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

หอสุรานั้นธรรมดาสามัญ แต่ชื่อด้านบนกลับเหิมเกริมนัก…‘หมื่นโลกา’

ภายในหอสุราเวิ้งว้างว่างเปล่า ไม่มีแขกเหรื่อเลยแม้แต่คนเดียว!

บุรุษผมม่วงเดินเข้าไปแล้วกวาดตามองโดยรอบ ก็เห็นว่าข้างโต๊ะไกลออกไปมีชายชราผู้หนึ่งกึ่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ ชายชราผู้นี้ก็คือประมุขหอสุรานั่นเอง

“ประมุขหอหมื่นโลกา” บุรุษผมม่วงเอ่ยปาก

ชายชราเปิดเปลือกตาอันหย่อนคล้อยขึ้นมา แล้วเหลือบมองบุรุษผมม่วงแวบหนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “สถานที่นี้ของข้าแพงนัก หากกินที่ด้านล่าง โต๊ะหนึ่งก็ศิลาปฐมโลกาหนึ่งก้อน หากกินด้านบน โต๊ะหนึ่งก็ศิลาปฐมโลกาสิบก้อน”

นี่เป็นราคาที่น่าหวาดหวั่นนัก

ต้องรู้ไว้ว่าตอนที่จอมมารส่งตงป๋อเสวี่ยอิงจากโลกทิพย์กิเลนบูรพาไปยังโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา บรรพชนทรายก็เก็บแค่ศิลาปฐมโลกาสามสิบก้อนเท่านั้น ซื้อเรือบินอลวนธรรมดาลำหนึ่งก็แค่ศิลาปฐมโลกาห้าสิบก้อนเท่านั้น อาวุธเทพอากาศชั้นบนของตงป๋อเสวี่ยอิงก็แค่เกือบสามสิบศิลาปฐมโลกาเท่านั้น ตอนนี้แค่กินข้าว ชั้นล่างก็ต้องใช้ศิลาปฐมโลกาหนึ่งก้อน ชั้นบนก็ตั้งสิบก้อนเชียวหรือ

ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนก็ยังทำใจกินเช่นนี้ไม่ลงเลย

“ชั้นบน” บุรุษผมม่วงเอ่ย

ชายชรายิ้มพลางยืดกายขึ้น ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนอย่างเนิบช้า

บุรุษผมม่วงกลับมิกล้าดูถูกชายชราผู้นี้เลยแม้แต่น้อย โลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่านมีหอหมื่นโลกานับพันแห่ง ภายในหอหมื่นโลกาก็ล้วนมีชายชราผู้นี้อยู่ทั้งสิ้น! บุรุษผมม่วงรู้ดีว่า…ชายชราคนนี้ก็คือ ‘ประมุขหอหมื่นโลกา’ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดซึ่งเร้นลับเป็นอย่างมาก

หอหมื่นโลกาชั้นสอง

“มาๆๆ นั่งสิๆๆ มิได้รับแขกมาตั้งนานแล้ว” ประมุขหอหมื่นโลกาหัวเราะคิกคัก เขาโบกมือคราหนึ่งก่อนจะวางสุราไหหนึ่งและผลไม้จานหนึ่งลงไป

สุรา เป็นสุราผลไม้ธรรมดาทั่วไป

ผลไม้ก็เป็นผลไม้ที่พบเห็นได้เป็นประจำ แม้แต่ชีวิตเหนือธรรมดาก็ยังสามารถกินได้ตามอำเภอใจ

แต่สองสิ่งนี้…กลับต้องใช้ศิลาปฐมโลกาถึงสิบก้อน!

บุรุษผมม่วงนั่งลงข้างโต๊ะ มองดูชายชราที่หยิบผลไม้ในจานลูกหนึ่งติดมือขึ้นมาก่อนจะนั่งลงตรงหน้า  ชายชราแทะผลไม้ไปพลางพูดว่า “ว่ามาเถิด จะสังหารผู้ใด”

“ตงป๋อเสวี่ยอิง ผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญ” บุรุษผมม่วงกล่าว

ชายชราพยักหน้า

“เป็นเจ้าหนุ่มที่ร้ายกาจนัก พรสวรรค์สูงส่งมาก เทียนอวี๋และจอมกระบี่ล้วนแต่ให้ความสำคัญกับเขามากทีเดียว ในฐานะผู้อาวุโสตำหนักใน วัตถุรักษาชีวิตก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!”

“ศิลาปฐมโลกาแปดร้อยก้อน ข้าสามารถส่งคนไปลงมือได้ ทว่ามิกล้ารับรองว่าจะสำเร็จอย่างแน่นอนหรอกนะ ล้มเหลวแล้วก็จะลอบสังหารต่อไป หากล้มเหลวสามครั้ง ภารกิจเป็นอันสิ้นสุด”

“อีกแบบหนึ่งก็คือ ศิลาปฐมโลกาห้าพันก้อน ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องตายแน่นอน” ชายชรามองบุรุษผมม่วง

ใบหน้าของบุรุษผมม่วงเครียดขึ้งขึ้นมา

เหตุใดเขาจึงอยากให้กองกำลังย่อยทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ภายในลัทธิลงมือน่ะหรือ ก็เพราะราคาของหอหมื่นโลกาช่างหน้าเลือดเสียเหลือเกินอย่างไรเล่า!

ในฐานะสิ่งมีชีวิตขั้นอลวน ทำให้เขาหยิบสมบัติล้ำค่าออกมาทันที แต่ก็หยิบศิลาปฐมโลกาออกมาได้เพียงสองพันกว่าก้อนเท่านั้น! แม้จะนำอาวุธที่ตนใช้ในการต่อสู้ไปขายทิ้งแล้วรวบรวมขึ้นมา ก็ได้ศิลาปฐมโลกาเพียงหกพันกว่าก้อนเท่านั้น!

ศิลาปฐมโลกาห้าพันก้อนหรือ

แม้แต่เทพจักรวาล สิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดก็ยังต้องเจ็บปวดใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงสามารถจ่ายได้

สำหรับขั้นอลวน ก็พอจะให้ทุ่มสมบัติล้ำค่าที่มีทั้งหมดไปได้แล้ว

“ถึงจะเป็นผู้อาวุโสตำหนักใน ก็ยังต้องตายอยู่ดี” ชายชราพูดยิ้มๆ “เบื้องหลังเจ้าหนุ่มนี่เกี่ยวโยงไปไม่น้อยทีเดียว ข้าดูภาพที่เขาทำลายฐานที่มั่นของพวกเจ้าแล้ว เกรงว่าเบื้องหลังเขาคงจะมีขุมอำนาจอีกแห่งที่ไม่แพ้วังทวีสูญเลย ศิลาปฐมโลกาห้าพันก้อน ไม่สูงเลยแม้แต่น้อย”

 ………………………..