ตอนที่ 722 ปล่อยมือโดยสมบูรณ์ / ตอนที่ 723 พ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวคนหนึ่ง

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 722 ปล่อยมือโดยสมบูรณ์

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ไม่เคยคำนึงถึงเลยว่าแท้ที่จริงแล้วเฉินมั่วฉือจะมีความสุขหรือไม่ เขา ต้องการสิ่งเหล่านี้จริงๆ หรือเปล่า

 

 

ในฐานะที่เป็นองค์ชาย มีใครบ้างที่ไม่ต้องการเป็นฮ่องเต้ นี่คือชะตากรรมขององค์ชายผู้เกิดราชวงศ์ พระนางคิดว่าสิ่งทีพระนางมอบให้กับเฉินมั่วฉือนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในใต้หล้านี้ทั้งสิ้น นึกไม่ถึงเลยว่าเฉินมั่วฉือกลับมิได้คิดเหมือนกัน

 

 

“มั่วฉือ เกิดในราชวงศ์ ความสุขคือความปรารถนาที่เพ้อฝัน เจ้าไม่สมควรที่จะมีความคิดเช่นนี้”

 

 

“ปีนั้นหากว่าเสด็จแม่ทรงไม่แย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้ หม่อมฉันก็จะเป็นเพียงอ๋องที่ว่างเว้นและมีอิสระเสรีคนหนึ่ง แล้วใครเล่าจะมาจ้องจะลงมือทำอะไรกับลูก ต่อให้คนภายนอกต่อสู้แย่งชิงกันแทบเป็นแทบตายอย่างไร แต่เราสองคนแม่ลูกก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข”

 

 

“ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่เสด็จแม่ทรงต้องการเพียงพระองค์เดียวตั้งแต่แรก ทรงอยากเป็นไทเฮา เป็นหญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดในซีเว่ย แต่ความปรารถนาในวัยเยาว์ของหม่อมฉันก็เพียงแค่สามารถทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ ไม่ต้องถูกใครจำกัดเอาไว้ตลอดเวลาเท่านั้นเอง”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์เริ่มยืนไม่มั่นคง จนต้องค้ำยันเก้าอี้เอาไว้แล้วค่อยๆ หย่อนกายลงนั่ง นางมีนิสัยแข็งกร้าว จึงมิยินยอมอยู่ภายใต้แทบเท้าใคร นางต้องการที่จะเป็นฮองเฮา ต้องการให้บุตรชายของตนกลายเป็นผู้ชนะ เป็นผู้ที่ควบคุมแผ่นดินนี้

 

 

เพราะนอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว นางไม่เหลืออะไรเลย หากว่าแม้กระทั่งสิ่งเหล่านี้พระนางก็ไม่ช่วงชิงเพื่อให้ได้มาละก็ พระนางเองก็ไม่รู้ว่าตนเองมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร จึงทำให้พระนางพาลเข้าใจไปเองว่าสิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นสิ่งที่เฉินมั่วฉือต้องการด้วยเช่นกันไปโดยปริยาย

 

 

“เสด็จแม่ หม่อมฉันรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ว่าตำแหน่งฮ่องเต้จะเป็นสิ่งที่หม่อมฉันต้องการหรือไม่ บัดนี้หม่อมฉันก็นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว ในเมื่อเป็นฮ่องเต้ หม่อมฉันก็จะทำทุกทางเพื่อกป้องรากฐานของสกุลเฉินเอาไว้ หม่อมฉันจะทำสุดความสามารถไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ นี่คือสิ่งที่หม่อมฉันต้องทำเพื่อเสด็จตาและเสด็จพ่อ”

 

 

เฉินมั่วฉือยกน้ำชาให้กับมู่หรงกวานเย่ว์หนึ่งจอกเอ่ยว่า

 

 

“หม่อมฉันจะไม่โต้เถียงกับเสด็จแม่อีกต่อไป หากว่าหม่อมฉันต้องตายด้วยน้ำมือของเซียวเหยี่ยนละก็ ถือเสียว่านี่คือชะตากรรมของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่โทษใคร และไม่ต้องการให้เสด็จมาแม่ทรงมาช่วยเหลือ”

 

 

“ขอเสด็จแม่อย่าทรงก้าวก่ายเรื่องของหม่อมฉันอีกเลย ให้หม่อมฉันได้เลือกเองสักครั้ง ทรงปล่อยมั่วชิงแล้วเสด็จกลับเมืองหลวงเถิดพ่ะยะค่ะ”

 

 

“เจ้าไม่เสียใจภายหลัง?”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์มิได้รับจอกชาที่เฉินมั่วฉือส่งให้ เฉินมั่วฉือเองก็ไม่ยอมชักมือกลับ คนทั้งสองยังแข็งกร้าวใส่กันต่อไปเรื่อยๆ

 

 

“ไม่เสียใจ”

 

 

สามคำนี้ เฉินมั่วฉือกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำ

 

 

“ดี ข้าจะปล่อยคน วันพรุ่งนี้ข้าจะกลับเมืองหลวงทันที ต่อไปเจ้ามิต้องมาพบข้าอีกแล้ว ความเป็นแม่ลูกของเรา ให้สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้เถอะ”

 

 

เฉินมั่วฉือขยับริมฝีปาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับมู่หรงกวานเย่ว์ ทว่าพระนางมิได้เหลือบมองมาแม้แต่น้อย กลับหมุนกายเดินออกไปจากห้องหนังสือทันที

 

 

จื่ออีประคองมู่หรงกวานเย่ว์เดินกลับเรือน ซึ่งมู่หรงกวานเย่ว์ก็ก้าวเท้าอย่างรวดเร็วมาตลอดทางจนจื่ออีเกือบจะเดินตามพระนางไม่ทันอยู่หลายครั้ง เมื่อกลับถึงห้อง มู่หรงกวานเย่ว์ก็นั่งเอนกายลงบนอาส์น

 

 

“ไทเฮาอย่าทรงคิดเหลวไหลเลยนะเพคะ ที่ทรงทำทั้งหมดนี้ก็เพราะหวังดีต่อฝ่าบาท”

 

 

“แต่เขากลับไม่คิดเช่นนั้นนะสิ เขาบอกว่าสิ่งที่ข้าทำทั้งหมดหาใช่สิ่งที่เขาต้องการไม่ ตำแหน่งฮ่องเต้นี้ก็เป็นข้าที่บังคับเขา การที่ข้ายกเขาขึ้นครองราชย์ แม้ว่าจะเพราะส่วนตัวอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เพื่อต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ให้กับเขาทั้งสิ้น ข้าสู้วางแผนมายี่สิบกว่าปี กลับแลกมาด้วยทุกอย่างในวันนี้ จื่ออี ข้าทำอะไรผิดไปกันแน่”

 

 

จื่ออีที่อยู่ข้างกายต้องเอ่ยวาจาโน้มน้าวว่า

 

 

“ไทเฮาทรงไม่ผิด ฝ่าบาทต่างหากที่มิทรงเข้าพระทัยไทเฮา”

 

 

“ช่างเถอะ พรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางกลับกัน!”

 

 

“ไทเฮาจะมิทรงทำอะไรกับเรื่องนี้จริงหรือเพคะ?”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ทอดมองไปยังเบื้องหน้า แววตาว่างเปล่า

 

 

“จื่ออี เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ แพ้ชนะยังมิรู้ผล แต่จุดจบกลับถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ข้าทำอะไรไม่ได้และไม่อยากที่จะทำด้วย พวกเราจะกลับเมืองหลวง!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 723 พ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวคนหนึ่ง

 

 

จื่ออีเองก็รู้สึกว่าสิ่งที่มู่หรงกวานเย่ว์กระทำในวันนี้เป็นการทำเรื่องให้ยุ่งยากวุ่นวายและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ส่วนเฉินมั่วฉือตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยเข้าใจมู่หรงกวานเย่ว์เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกยิ่งห่างเหินจนเข้าหน้ากันไม่ติด

 

 

ด้วยเหตุนี้จื่ออีจึงมิได้เอ่ยเตือนสติใดๆ อีก

 

 

ก่อนจะกลับมู่หรงกวานเย่ว์ต้องการที่จะพบหลิงอวี้จื้ออีกครั้ง ซึ่งเฉินมั่วฉือเองก็รับปาก

 

 

สองสามวันมานี้หลิงอวี้จื้อรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างที่สุด วันๆ เอาแต่นับวันเวลาที่ผ่านไปอย่างเรื่อยเปื่อยในแต่ละวัน ตอนนี้ถึงได้พอมีอารมณ์ลากสังขารขึ้นมานอนฟุบลงบนโต๊ะอยู่บ้าง

 

 

หลังจากมั่วชิงถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว นางควรที่จะคิดหาวิธีการหนีออกไปจากที่นี่เสียที เพราะหากว่าต้องรอคอยบทสรุปอยู่ที่นี่ต่อไปละก็ นางต้องเป็นบ้าจริงๆ เป็นแน่

 

 

พลันก็ได้ยินเสียงประตูห้องถูกผลักเข้ามา เมื่อหลิงอวี้จื้อจึงเงยหน้าขึ้นมองถึงได้เห็นว่าเป็นมู่หรงกวานเย่ว์นั่นเองที่ผลักประตูเข้ามา โดยที่จื่ออีมิได้ติดตามเข้ามาด้วย แต่กลับยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกแทน

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่รู้ว่ามู่หรงกวานเย่ว์มาหานางด้วยเรื่องอะไร แต่ก็ชันกายลุกขึ้นทำความเคารพพระนาง

 

 

“ไทเฮา เชิญประทับเพคะ”

 

 

“เจ้าสินะที่เขียนจดหมายเชิญท่านพ่อของข้าและจู่จิ่นมายังฮุ่ยโจว?”

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่ปฏิเสธ

 

 

“พระองค์ยังจับตัวหม่อมฉันมาได้ แล้วจะมิให้หม่อมฉันทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือเพคะ? ใช่เพคะ หม่อมฉันเขียนจดหมายฉบับนั้นเอง”

 

 

“เจ้าให้ร้ายท่านพ่อของข้า”

 

 

หลิงอวี้จื้อยิ้มเยาะ

 

 

“ไทเฮาทรงรับสั่งเช่นนี้น่าขันนัก เรื่องนี้พระองค์ทรงเป็นผู้เริ่มต้น หากมิใช่พระองค์จับเซียงหนานไป ก็คงจะไม่เกิดเรื่องราวมากมายตามมา”

 

 

“ในเมื่อพระองค์โยนความผิดทั้งหมดให้กับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็มิอาจเป็นหุ่นเชิดที่พวกท่านจะบงการอย่างไรก็ได้ๆ อีกต่อไป เมื่อพระองค์กระทำสิ่งเหล่านี้ก็ควรที่จะคิดได้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วยสิเพคะ”

 

 

“ข้าเพียงแต่นึกไม่ถึงว่า ในท้ายที่สุดแล้ว ข้าจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่ง สิ่งที่ข้าทำไม่ได้ เจ้ากลับทำมันได้สำเร็จ”

 

 

นางใช้เวลาไปกว่ายี่สิบปี แต่ก็มิอาจทำให้บุตรชายมีความสุขได้ แต่หลิงอวี้จื้อกลับทำได้ เรื่องนี้สำหรับมู่หรงกวานเย่ว์แล้วนับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจยิ่งนัก พระนางสามารถควบคุมได้ทุกสิ่ง แต่มิอาจควบคุมหัวใจของเฉินมั่วฉือได้ ตรงกันข้ามหลิงอวี้จื้อไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับสามารถกุมหัวใจของเฉินมั่วฉือได้ จุดนี้เอง ที่ทำให้พระนางถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าต้องพ่ายแพ้ให้แก่หลิงอวี้จื้อ

 

 

ชายที่นางรัก บุตรชายของนาง น้องชายของนาง ทุกคนล้วนแต่รักใคร่หลิงอวี้จื้อทั้งสิ้น เดิมทีนางไม่จำเป็นต้องแย่งชิงสิ่งใดกับเด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ แต่พระนางก็ริษยาหลิงอวี้จื้อยิ่งนัก เพราะหลิงอวี้จื้อได้รับในสิ่งที่ชั่วชีวิตของพระนางไม่มีทางได้รับ

 

 

อีกไม่นานตำแหน่งไทเฮาของพระนางก็ต้องหลุดลอย หลิงอวี้จื้อจะกลายเป็นหญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดในแผ่นดินแทนที่นาง ทั้งยังมีเซียวเหยี่ยนที่คอยให้ความรักแก่นางอีกด้วย

 

 

“ไทเฮา พระองค์ทรงวางแผนการเพื่อช่วงชิงมาชั่วชีวิต เพียงแต่พระองค์ทรงหลงลืมเรื่องที่ง่ายดายที่สุดไป ทรงมิใช่คนที่ไร้หัวใจ เพียงแต่พระองค์ทรงเอาพระทัยของพระองค์ฝากไว้กับคนอีกคน ซึ่งสำหรับฝ่าบาทแล้วอาจมิใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะยิ่งรักมาก็ยิ่งคาดหวังมาก”

 

 

“เจ้าจะรู้อะไร”

 

 

น้ำเสียงของมู่หรงกวานเย่ว์เศร้าสลด

 

 

“ชีวิตในวังยากลำบากยิ่งนัก หากว่าไร้ซึ่งที่พึ่งพิงละก็ ไม่มีทางที่จะมีชีวิตต่อไปได้ แต่เดิมข้าฝากความหวังเอาไว้ที่เซียวเหยี่ยน แต่ต่อมาเซียวเหยี่ยนก็ถูกเจ้าชิงไป ข้าจึงทำได้เพียงแค่ฝากวามหวังทั้งหมดเอาไว้ที่ลูกชายของข้า แต่สุดท้ายลูกชายก็ถูกเจ้าแย่งชิงไปอีก”

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงกวานเย่ว์เผยความอ่อนแอและความเสียใจของตนเองต่อหน้าหลิงอวี้จื้อ ที่ผ่านมาพระนางเอาแต่รักษาภาพลักษณ์ที่สูงส่งของตนเองมาโดยตลอด นับตั้งแต่ไร้ซึ่งช่องโหว่ใดๆ จนได้เผชิญเรื่องราวต่างๆ มากมาย นางเหนื่อยเหลือเกิน วันนี้ที่มามิใช่เพื่อต้องการกล่าวโทษหลิงอวี้จื้อ เพราะนางก็มีศักดิ์ศรีในตัวเอง

 

 

“ไทเฮา เซียวเหยี่ยนมิใช่ของพระองค์ นับตั้งแต่วันที่พระองค์เข้าวัง พระองค์กับเซียวเหยี่ยนก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก มิใช่หม่อมฉันแย่งชิงเขาไป แต่เพราะเขาไม่ใช่ของพระองค์ตั้งแต่แรกต่างหาก”

 

 

“และหม่อมฉันมิได้แย่งชิงฝ่าบาท เพราะฝ่าบาทยังคงเป็นพระโอรสของไทเฮา ปัญหาของพวกท่านมิใช่เพราะการมีตัวตนของหม่อมฉัน แต่เพราะไทเฮาต่างหากที่มิทรงเคยเข้าใจฝ่าบาทเลย”

 

 

“สิ่งที่ไทเฮาและฝ่าบาทต้องการนั้นแตกต่างกัน และพวกท่านต่างก็ไม่มีใครยอมที่จะหันหน้ามาพูดจากันดีๆ ไม่มีใครยอมที่จะเป็นฝ่ายถอย ถึงได้เป็นดังเช่นวันนี้”

 

 

“คนเป็นแม่ย่อมรักและเป็นห่วงลูกนี่เป็นความรู้สึกของมนุษย์ปกติทั่วไป แต่หากว่าใช้ข้ออ้างว่าหวังดีมาควบคุมลูกละก็ ความหวังดีเช่นนี้นอกเสียจากทำให้ตนเองมีความสุขแล้ว มันมิได้ทำให้คนเป็นลูกรู้สึกดีแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับทำให้ลูกอยากที่จะหนีออกไปให้ไกลจากพระองค์”