ตอนที่ 724 ตั้งครรภ์ / ตอนที่ 725 ไม่มีทางปล่อยเจ้าไป

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 724 ตั้งครรภ์

 

 

“เจ้าไม่เคยเป็นแม่คน เจ้าจะรู้อะไร”

 

 

“หม่อมฉันมิเคยเป็นแม่คน แต่หม่อมฉันเคยเป็นลูก”

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ได้ยินเช่นนั้นก็มิได้ตอบโต้หลิงอวี้จื้อแต่อย่างใด เพราะหลิงอวี้จื้อใกล้ชิดกับเฉินมั่วฉือมากกว่าคนเป็นแม่เฉกเช่นพระนางเสียอีก และเฉินมั่วฉือที่ไม่เชื่อฟังคำของพระนาง แต่กลับเชื่อฟังคำของหลิงอวี้จื้อ

 

 

“อีกเดี๋ยวข้าก็จะกลับเมืองหลวง มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องรับปากข้า มิเช่นนั้นข้าจะยอมตายพร้อมกับเจ้าที่นี่”

 

 

“เรื่องอะไรหรือเพคะ?”

 

 

หลิงอวี้จื้อถึงกับกรอกตาบนในใจ

 

 

‘ข่มขู่นางอีกแล้ว ยอมเขาเลย’

 

 

“หากว่ามั่วฉือพ่ายแพ้ จงไว้ชีวิตเขา เจ้าจะฆ่าข้า ย่อมได้ แต่เฉินมั่วฉือมิได้ทำเรื่องที่ผิดต่อเจ้า ความรู้สึกที่เขามีต่อเจ้า เจ้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ หากเจ้ากล้าทำร้ายมั่วฉือ ต่อให้ข้ากลายเป็นผีก็จะไม่ละเว้นเจ้า”

 

 

เดิมทีหลิงอวี้จื้อก็มิได้คิดที่จะฆ่าเฉินมั่วฉือ แม้แต่เซียวเหยี่ยนเองก็ตั้งใจอย่างนั้นเช่นกัน ในเมื่อเป็นสิ่งที่นางและเขาคิดเห็นตรงกันตั้งแต่แรก ดังนั้นหลิงอวี้จื้อจึงได้รับปาก

 

 

“หม่อมฉันรับปากเพคะไทเฮา ขอเพียงหม่อมฉันยังมีชิวิตอยู่ ฝ่าบาทก็จะทรงปลอดภัย”

 

 

เมื่อหลิงอวี้จื้อให้สัญญา มู่หรงกวานเย่ว์ถึงได้วางใจ พระนางมิได้กล่าวอะไรอื่นอีก ชันกายลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที

 

 

มู่หรงกวานเย่ว์ก็เดินทางออกจากเจี้ยนอันกลับเมืองหลวง ส่วนมั่วชิงก็ได้รับปล่อยตัวออกมาในคืนวันเดียวกันนั่นเอง

 

 

เรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านพ้นไปได้เสียที หลิงอวี้จื้อทอดถอนใจขณะที่ดึงมั่วชิงมาตรงเบื้องหน้า นางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงว่า

 

 

“มั่วชิง เจ้ามิได้บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่!”

 

 

“ข้าน้อยไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พระชายา เราจะทำอย่างไรต่อไปดี? ข้าน้อยได้ยินว่าวันพรุ่งนี้ท่านอ๋องก็จะยกทัพมาถึงใต้จมูกเมืองเจี้ยนอันแล้ว”

 

 

“เท่ากับว่าจะเข้าโจมตีเมืองแล้วสินะ?”

 

 

มั่วชิงพยักหน้า

 

 

“ศึกใหญ่กำลังจะเริ่มต้น ไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงมีพระดำริอย่างไรบ้าง พระชายา เมื่อครู่ตอนที่ข้าน้อยเข้ามานั้นได้ลองสังเกตการณ์อยู่บ้าง พบว่าที่นี่วางกำลังเอาไว้อย่างแน่นหนารอบทิศทาง ผนวกกับที่ศึกใหญ่กำลังใกล้เข้ามา ที่ประตูเมืองจึงยิ่งเข้มงวดเป็นเท่าตัว ต่อให้ออกไปจากที่นี่ได้ พวกเราก็ออกจากเมืองไม่ได้อยู่ดี เพราะประตูเมืองคงไม่มีทางเปิดเป็นแน่”

 

 

“เช่นนั้นพวกเราก็รออาเหยี่ยนอยู่ที่นี่ หนีออกไปในตอนนี้เป็นวิธีการที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไรนัก”

 

 

หลิงอวี้จื้อกล่าวไปก็หาววอดๆ

 

 

“สองสามวันมานี้ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ อยากนอนตลอดเวลา เห็นทีว่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ถูกกักขังอยู่ในห้องตลอดเวลากระมัง”

 

 

“ยังดีที่ไทเฮากลับไปแล้ว”

 

 

มั่วชิงรู้ดีว่าเฉินมั่วฉือไม่มีทางทำร้ายหลิงอวี้จื้อ หากมิใช่เฉินมั่วฉือยื่นมือเข้ามาช่วยละก็ มู่หรงกวานเย่ว์คงจะไม่ไปจากที่นี่รวดเร็วเช่นนี้ จึงกลับกลายเป็นว่าอยู่ที่นี่ต่อไปจะปลอดภัยมากกว่า เพียงแต่มั่วชิงรู้ดีว่าหัวใจของหลิงอวี้จื้อคะนึงหาเพียงแต่เซียวเหยี่ยน

 

 

ทันใดนั้น ประห้องก็ถูกเปิดออก เป็นเฉินมั่วฉือที่เดินเข้ามา เขาหันมาสั่งการมั่วชิงว่า

 

 

“เจ้าถอยออกไปก่อน ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยกับอวี้จื้อตามลำพัง”

 

 

หลิงอวี้จื้อพยักหน้าน้อยๆ มั่วชิงจึงได้ถอยออกไป นางยกมือเท้าคางหาววอดๆ

 

 

“ฝ่าบาททรงต้องการพูดคุยเรื่องอันใดกับหม่อมฉันตามลำพังหรือเพคะ?”

 

 

“สองสามวันมานี้ท่าทางเจ้าไม่ค่อยสดชื่น ไม่อยากอาหาร กินอะไรได้น้อย อวี้จื้อ เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

 

 

เฉินมั่วฉือนั่งลงข้างกายหลิงอวี้จื้อ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

 

 

“หากว่าหม่อมฉันจับฝ่าบาทกักขังเอาไว้เช่นนี้บ้าง พระองค์ก็คงจะมีอาการเดียวกันนี่แหละเพคะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อเหลือบสายตาขึ้นมองเฉินมั่วฉือเล็กน้อย

 

 

“หม่อมฉันอยากเข้านอนแล้ว”

 

 

“เจ้าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ข้าตามหมอหลวงมาด้วย ให้หมอหลวงตรวจอาการเจ้าดูสักหน่อยเถอะ”

 

 

“หม่อมฉันไม่ได้ป่วย เพียงแต่อุดอู้เท่านั้นเอง”

 

 

แต่เฉินมั่วฉือกลับไม่วางใจ เขายืนยันที่จะให้หมอหลวงตรวจอาการของหลิงอวี้จื้อให้จงได้ ทั้งยังเรียกหมอหลวงเข้ามาทันที หลิงอวี้จื้อจึงมิได้ปฏิเสธ แต่ท่าทางของนางยังเหน็ดเหนื่อยง่วงหงาวหาวนอนเช่นเดิม

 

 

ภายหลังจากที่หมอหลวงตรวจอาการให้กับหลิงอวี้จื้อ เขาก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้ายินดีปรีดา

 

 

“ทูลฝ่าบาท แม่นางท่านนี้ตั้งครรภ์ได้ราวสองเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 725 ไม่มีทางปล่อยเจ้าไป

 

 

“จริงหรือ?”

 

 

หลิงอวี้จื้อดีใจเป็นอย่างมาก จนเกือบลืมไปเลยทีเดียวว่าเฉินมั่วฉือยังยืนอยู่ตรงน้าตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าข่าวนี้สำหรับเฉินมั่วฉือแล้วมิใช่ข่าวดีเลยสักนิด ซึ่งก็ทำให้เฉินมั่วฉือถึงกับหน้าตึงเลยทีเดียว

 

 

หมอหลวงรู้สึกฉงนสงสัยยิ่งนัก เฉินมั่วฉือไม่เคยกล่าวถึงฐานะของแม่นางผู้นี้มาก่อน เมื่อเห็นว่าเฉินมั่วฉือเป็นห่วงเป็นใยแม่นางผู้นี้นักหนา เพียงแค่มองก็รู้ได้ในทันทีว่าความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา หมอหลวงจึงหลงคิดไปว่านางเป็นผู้หญิงของฝ่าบาท ตั้งครรภ์เป็นเรื่องน่ายินดี แล้วเพราะอะไรฮ่องเต้ทรงทราบแล้วกลับมิทรงดีพระทัยกันนะ?

 

 

“เจ้าถอยออกไปก่อน!”

 

 

เฉินมั่วฉือสะบัดมือ เขาพยายามเก็บอารมณ์ความรู้สึกอย่างสุดความสามารถ ขณะที่สะบัดมือเป็นเชิงให้หมอหลวงถอยออกไป

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทูลลา”

 

 

หมอหลวงทำความเคารพด้วยความนอบน้อมแล้วถอยออกไป

 

 

ในเวลานั้นหลิงอวี้จื้อเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือถิ่นของเฉินมั่วฉือ นางจึงรีบหุบยิ้มรอยยิ้มและปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันที นางยกมือทาบที่หน้าท้องตามสัญชาตญาณ

 

 

นี่คือลูกของนางกับเซียวเหยี่ยน ดีจังเลย ในที่สุดนางและเขาก็จะได้เป็นพ่อคนแม่คน

 

 

นับตั้งแต่วันที่นางแต่งงานกับเซียวเหยี่ยน ก็รอคอยเพื่อที่จะมีวันนี้ ในที่สุดวันที่นางเฝ้ารอคอยก็มาถึง ไม่รู้ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย หน้าตาจะเหมือนใครกัน

 

 

หลิงอวี้จื้อเริ่มที่จะจินตนาการถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทว่าเมื่อเห็นเฉินมั่วฉือกำลังจับตามองมายังนาง หลิงอวี้จื้อก็ตวัดสายตาขึ้นประสานสายตากับสายตาของเฉินมั่วฉือที่จ้องมองมานิ่ง โดยไม่พูดจา

 

 

“เจ้ามีลูกกับเขา”

 

 

“เดิมทีหม่อมฉันก็เป็นชายาของเขา ลูกคนนี้ออกจะมาช้าไปเสียด้วยซ้ำ”

 

 

หลิงอวี้จื้อมองมายังเฉินมั่วฉือ

 

 

“พระทัยดีของฝ่าบาท หม่อมฉันซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่หม่อมฉันให้ในสิ่งที่ฝ่าบาทต้องการมิได้จริงๆ หม่อมฉันเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่หวังจะมีครอบครัวที่พร้อมหน้า”

 

 

“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะมีลูกหับเขาหรือไม่ สัญญาระหว่างเจ้าและข้าจะยังคงดำเนินต่อไป หากว่าข้าชนะ เจ้าต้องเอาเด็กคนนี้ออก แล้วเป็นผู้หญิงของข้าแต่โดยดี หากว่าเจ้าอยากมีลูกละก็ ต่อไปพวกเราจะมีสักกี่คนก็ย่อมได้”

 

 

“ข้าอยากมีลูก ก็เพราะพ่อของเขาคือคนที่ข้ารัก”

 

 

หลิงอวี้จื้อทอดถอนใจ

 

 

“ฝ่าบาทจะทรงทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรเพคะ? ฝ่าบาทรักฮองเฮาหรือเปล่า?”

 

 

“การที่ข้าแต่งงานกับฮองเฮาหาใช่ความต้องการของข้าไม่”

 

 

“หม่อมฉันรู้ดีว่าฮองเฮาคือหญิงที่ไทเฮาทรงเลือกให้กับฝ่าบาท และฝ่าบาทก็มิเคยยอมรับฮองเฮาเลย ดังนั้นจึงทรงปฏิบัติต่อฮองเฮาอย่างเย็นชา ซึ่งแท้ที่จริงแล้วทั้งฝ่าบาทและฮองเฮาต่างก็เป็นทุกข์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย”

 

 

“ฝ่าบาททรงเคยคิดหรือไม่ หากว่าทรงบังคับให้หม่อมฉันอยู่ข้างกาย หม่อมฉันก็จะเป็นเฉกเช่นเดียวกันกับฝ่าบาท ชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวันของเราไม่ต่างอะไรกับฝ่าบาทและฮองเฮา เมื่อมีคนต้องโชคร้ายอยู่แล้ว เพราะเหตุใดฝ่าบาทจึงต้องทรงเลียนแบบซ้ำสองเล่าเพคะ”

 

 

“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป ข้าคือโอรสสวรรค์ เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าข้าจะต้องทำตามเป็นแน่ ส่วนเรื่องสัญญาของเราก็ยังคงเดิม เจ้าพักผ่อนเสียเถอะ”

 

 

กล่าวจบเฉินมั่วฉือก็หมุนกายเดินออกไปจากห้องทันที เดิมทีเขาตั้งใจที่จะรับมื้อเย็นพร้อมกันกับหลิงอวี้จื้อที่นี่ แต่เมื่อได้รู้ว่าหลิงอวี้จื้อตั้งครรภ์ลูกของเซียวเหยี่ยน ทำให้หัวใจของเขาไม่เป็นสุข

 

 

จะบอกว่าไม่ถือสาเลย นั่นก็เป็นไปไม่ได้ เขาแทบอยากที่จะประทานยาขับเลือดให้กับนางเสียเดี๋ยวนี้ ทั้งยังรู้สึกริษยาเซียวเหยี่ยนยิ่งนัก

 

 

แต่เฉินมั่วฉือก็รู้ดีว่า หากตนเองทำเช่นนั้นจะต้องทำร้ายถึงหลิงอวี้จื้อ เขาจะรอคอยให้บทสรุปของศึกในครั้งปรากฏ ขึ้น รอให้ถึงตอนที่หลิงอวี้จื้อเอ่ยปากไม่ออก ศึกนี้ เขาต้องชนะให้จงได้

 

 

แม้ว่าหลิงอวี้จื้อจะเป็นกังวล แต่ก็ความรู้สึกดีใจมีมากกว่า นางวางมือลงที่หน้าท้องแผ่วเบา ยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ นี่คือลูกของนางกับเซียวเหยี่ยน นางจะต้องปกป้องลูกคนนี้เอาไว้ให้ดี

 

 

‘อาเหยี่ยน เจ้าจะต้องชนะ ข้าและลูกเอาใจช่วยเจ้าอยู่ พวกเราจะรอเจ้ามารับกลับบ้าน’

 

 

หลังจากเฉินมั่วฉือกลับออกไป มั่วชิงก็รีบเดินเข้ามา บทสนทนาของทั้งสองเมื่อครู่นางได้ยินหมดแล้ว ดังนั้นจึงถามขึ้นด้วยความยินดี

 

 

“พระชายา ท่านตั้งครรภ์แล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ?”

 

 

ก็ใช่นะสิ มั่วชิง เจ้าว่าลูกจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง เขาจะหน้าตาเหมือนใครกัน เติบโตขึ้นเขาจะมีนิสัยเช่นไร ข้าหวังให้เขาเป็นเด็กผู้หญิง