ตอนที่ 696 ยิงธนูสะท้านรอบทิศ โดย ProjectZyphon
ผึง!
แทบจะในเวลาเดียวกับที่เสอเจิ้นลงมือ หลินสวินได้ยิงธนูลูกหนึ่งออกไปโดยไม่ลังเล
การเคลื่อนไหวต่อเนื่องตั้งแต่ง้างคันธนู ดึงสายธนู และยิงออกไป รวดเร็วจนเหลือเชื่อ เหมือนเสร็จสิ้นในชั่วเสี้ยวพริบตา
แต่ที่ไม่มีใครสังเกตเห็นก็คือ ก่อนหลินสวินยิงธนูลูกนี้ พลังทั้งหมดของถ้ำสวรรค์ภายในร่างโคจรถึงขีดจำกัดอย่างไม่เคยมีมาก่อน!
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ตั้งแต่หลินสวินยิงธนูลูกนี้ออกไป เขาสำแดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตน ไม่ออมมือสักนิดแล้ว
ตูม!
ชั่วเสี้ยวพริบตา เสียงลมและสายฟ้าสั่นสะท้านดังขึ้นราววิญญาณร้ายคำรามพิโรธ รอยสลักลี้ลับรอยหนึ่งได้ปรากฏขึ้นจากตัวคันธนูที่สร้างขึ้นจากโครงกระดูกขาว
ดวงตะวันดวงแล้วดวงเล่าในรอยสลักกำลังจมจ่อม กาทองตัวแล้วตัวเล่าถูกแทงทะลุร่าง เลือดอาบท้องนภา ตกลงสู่ทะเลสีคราม
ส่วนเบื้องหลังหลินสวินกลับบังเกิดเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งทำท่าง้างคันธนูเหมือนกับเขา ท่วงท่าโอหังไร้เทียมทานนั้นดุจเทพบรรพกาลจุติลงมายังโลกองค์หนึ่ง
โครม!
สายฟ้าสีเลือดที่เสอเจิ้นสะบัดแขนเสื้อออกมาก็ถูกอานุภาพธนูลูกนี้สลายกลายเป็นจุณ แปรสภาพเป็นละอองแสงปลิวว่อนแทบจะในชั่วพริบตา
“แย่แล้ว!”
เสอเจิ้นตระหนกจนลูกตาแทบหลุดออกมา ขวัญหนีดีฝ่อ จะคิดได้อย่างไรว่าเพิ่งลงมือกลับเกิดเรื่องน่ากลัวปานนี้ได้
ในช่วงชี้เป็นชี้ตาย เขาคำรามพลางต้านทานสุดกำลัง สายฟ้าสีเลือดรอบกายหวีดร้องเสียงดัง ไหววูบราวน้ำตก โคจรพลังปราณทั่วร่างถึงขีดสุด
ในเวลาเดียวกัน กระดูกสัตว์ชิ้นหนึ่งขวางกั้นอยู่เบื้องหน้าเขา นี่เป็นสมบัติป้องกันตัวของเขา ถ้าไม่อยู่ในสถานการณ์คับขันจะไม่นำออกมาใช้เลย
แต่ตอนนี้ เพิ่งเริ่มต่อสู้ก็ถูกเขานำออกมาใช้แล้ว นี่ทำให้เขาทั้งอัดอั้นและหวาดหวั่น และออกจะไม่อาจทำใจเชื่อได้
เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง เหตุใดถึงน่ากลัวปานนี้
แต่พลังที่อันตรายถึงชีวิตนั้นกลับไม่ผิดแน่!
ตู้ม!
เร็วไปแล้ว ทำให้เสอเจิ้นยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก โล่กระดูกสัตว์ที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็แหลกสลายอย่างสะเทือนเลือนลั่น ในขณะเดียวกันร่างของเขาก็ถูกพลังทะลุทะลวงน่าหวาดหวั่นกระแทกเข้าใส่อย่างรุนแรงเหมือนถูกสายฟ้าฟาด
ต่อมาเขาก็ร้องโหยหวน แขนขวากับครึ่งร่างด้านข้างถูกโจมตีให้สลายในพริบตา เลือดเนื้อสาดกระเซ็น ร่างกระเด็นตกลงไปกับพื้นอย่างหนักหน่วง
ปึ้ก!
ฝุ่นควันตลบอบอวล พื้นดินถูกกระแทกเป็นหลุม เสอเจิ้นที่ถูกทำร้ายสาหัสกระอักเลือดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ทั้งตัวประหนึ่งหายไปแล้วครึ่งชีวิต
ทั้งหมดนี้พูดแล้วเหมือนเชื่องช้า แต่แท้จริงแล้วกลับเสร็จสิ้นลงในชั่วพริบตา!
หลายคนไม่ทันได้มีท่าทีตอบสนอง ในสายตาก็เห็นภาพเสอเจิ้นถูกธนูลูกหนึ่งยิงทะลุ กระอักเลือดตกลงสู่พื้นดิน
น่าตื่นตระหนกเมื่อได้เห็น!
ภาพน่าตกใจที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศในที่นั้น ณ เวลานี้ถึงกับเงียบเชียบไร้เสียงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่ว่าเป็นศัตรูหรือพวกเดียวกัน ล้วนนัยน์ตาเบิกกว้าง สีหน้าตกตะลึง
เสอเจิ้น ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทผู้อื้อฉาวในสมรภูมิกระหายเลือด สองมือย้อมคาวเลือด จัดอยู่ในอันดับที่เจ็ดสิบสองของกระดานรางวัลค่าหัวระดับมหาเวทแห่งจักรวรรดิ!
ผู้โหดเหี้ยมใหญ่ยักษ์เช่นนี้ผู้หนึ่ง หลายปีมานี้สังหารผู้ฝึกปราณในจักรวรรดิไปไม่รู้เท่าไร ย่อมเป็นตัวร้ายที่พูดถึงก็พาให้คนหน้าเปลี่ยนสี
แต่ตอนนี้เขากลับถูกธนูลูกหนึ่งทำให้บาดเจ็บสาหัส! หากไม่ใช่ว่าหลบทันก็เกือบสิ้นชื่อแล้ว!
นี่เพิ่งเริ่มต่อสู้เองนะ!
ใครจะเชื่อได้กัน
ที่ยิ่งเหลือเชื่อก็คือ คู่ต่อสู้ของเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนหนึ่ง เพิ่งมีพลังปราณระดับหยั่งสัจจะเท่านั้น…
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทเผ่าพ่อมดเถื่อนคนอื่นๆ เวลานี้ก็แข็งทื่อไปทั้งตัว ใบหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง สูดหายใจเยียบเย็น
พลังต่อสู้ของเสอเจิ้นย่อมเป็นที่หนึ่งที่สองในหมู่พวกเขา แต่ตอนนี้… กลับถูกธนูลูกหนึ่งยิงทะลุเสียแล้ว!
นี่ก็ดูน่ากลัวเกินไปแล้ว
ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทเหล่านี้ล้วนตื่นตะลึงเช่นนี้ เพียงคิดก็รู้ว่าความรู้สึกของเหล่าผู้เก่งกาจเผ่าพ่อมดเถื่อนคนอื่นๆ จะเป็นอย่างไร แต่ละคนสีหน้าอึ้งงันราวรูปปั้น
ส่วนพวกอาปี้และหยางสยงล้วนนิ่งอึ้งสับสนงงงวย ในใจมีความตะลึงพรึงเพริดบอกไม่ถูกกำลังพลุ่งพล่าน
นี่หรือลูกคุณหนูรุ่นที่สองซึ่งไร้วิชาไม่มีทักษะผู้นั้นหรือ
นี่หรือเด็กหนุ่มที่ต้องให้พวกเขาปกป้อง รู้จักแต่ชุบมือเปิบ ทำให้ผู้อื่นรังเกียจและกีดกัน
นี่…
พวกเขาล้วนไม่อาจสรรหาคำใดๆ มาบรรยายความรู้สึกในเวลานี้แล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายถึงที่สุด
โดยเฉพาะหลิวเหวิน เขาแทบกระโดดเหยงเหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ ร้องเสียงหลงว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไร… เป็นไปได้อย่างไรกัน…”
เขากลับไม่รู้เลยสักนิดว่าเวลานี้ตนเสียอาการมากขนาดไหน
ขนาดเหยียนชื่อสิงผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสายคนเถื่อนอัคคีกับหูทงที่กำลังห้ำหั่นกันห่างออกไป เวลานี้ก็พากันหวาดผวาไปครู่หนึ่ง เหม่อลอยช่วงสั้นๆ
ผึง!
ก็ในตอนนี้เอง ที่หลินสวินยิงธนูออกมาอีกลูกหนึ่งโดยไม่ลังเล
เสียงลมสายฟ้าครั่นครืนราววิญญาณร้ายคำรามพิโรธดังขึ้นอีกครั้ง สั่นสะท้านไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดินราวเสียงปีศาจ
ส่วนเบื้องหลังของหลินสวิน เงาร่างสูงใหญ่และโอหังนั้นก็ทำท่าง้างธนูยิงลูกศรเช่นเดียวกันตามไปด้วย บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดสะท้านโลก ตะวันตกลงมาจากเบื้องฟ้า กาทองเลือดสาดกระเซ็นบนทะเลคราม
เหยียนชื่อสิงตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อ!
ก่อนหน้านี้เขายังไม่เชื่ออยู่บ้าง นึกว่าเข้าใจผิดไปเอง แต่ชั่วขณะที่ถูกลูกธนูดอกนี้เล็งมา ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกของเสอเจิ้น
นั่นคือความรู้สึกที่ถูกความตายจดจ้อง กลิ่นอายอันตรายถึงชีวิตทำให้หัวเขาแทบระเบิด เลือดราวกับจะแข็งตัวแล้ว
ไม่ทันรู้ตัว เขาก็ตัดสินใจละทิ้งหูทงที่กำลังห้ำหั่นกันอยู่ หนีไปยังที่ไกลออกไปเหมือนกระต่ายที่ถูกทำให้ตื่นกลัว
ตูม!
แต่เขายังประเมินความน่ากลัวของลูกธนูดอกนั้นไว้ต่ำไป ชั่วพริบตาใต้ท้องของเขาก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรงระเบิดแหลก แล้วสลายกลายเป็นหมอกโลหิต เหลือเพียงร่างครึ่งท่อน
ภาพนองเลือดและอหังการนั้นกระตุ้นจนทุกคนในที่นั้นตะลึงพรึงเพริดขึ้นอีกระลอกหนึ่ง
นี่เป็นเรื่องจริง!
ในที่สุดทุกคนก็มั่นใจได้แล้ว เพราะไม่เพียงแต่เสอเจิ้น ขนาดเหยียนชื่อสิงยังถูกลูกธนูดอกนี้โจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส น่าอนาถสะบักสะบอม แทบสิ้นชีพ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่หลินสวินมอบให้!
และตั้งแต่ปรากฏตัวในที่นั้นจนถึงตอนนี้ ตั้งแต่เริ่มจนจบเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เขากับใช้ลูกธนูสองดอกทำร้ายผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนสองคนให้บาดเจ็บสาหัส!
ผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนในที่นั้นต่างไม่อาจสงบใจได้แล้ว เสียงคำรามเดือดดาลและเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นไม่ว่างเว้น ราวกับพายุกึกก้อง
พวกเขาแต่ละคนต่างสีหน้าฉงนและโกรธจัดจนหน้าเขียว มองไปยังเงาร่างเด็กหนุ่มซึ่งง้างคันธนูใหญ่กระดูกขาวที่อยู่ไกลออกไปนั้น ในใจมีความหนาวยะเยือกบอกไม่ถูก
หมอนี่เป็นใครกัน
ในจักรวรรดิมีบุคคลเย้ยฟ้าเช่นนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไร
“เจ้าหน้ามนนี่ที่แท้ก็ร้ายกาจขนาดนี้ ต้องโทษข้าที่นึกว่าเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ที่แท้ก็ถูกเขาหลอกมาโดยตลอด!”
อาปี้กัดริมฝีปากอิ่ม บนใบหน้างดงามแต่ดุดันถึงที่สุดยามนี้มีอารมณ์ซับซ้อนนัก ทั้งตื่นตระหนกและงงงัน ทั้งพาลโกรธและยินดี
ในใจพวกหยางสยงกลับตระหนกและอับอาย พวกเขานึกถึงท่าทีที่ปฏิบัติต่อหลินสวินมาตลอดทาง เวลานี้ถึงเพิ่งรู้ว่า พวกเขาต่างหากที่เป็นจำอวด ดูน่าตลกขบขันยิ่งนัก
เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินไม่เอาไหนเลยสักนิด แต่เป็นบุคคลประหนึ่งมังกรเทพบนสวรรค์ แต่พวกเขากลับท้าทายพลานุภาพของมังกรเทพครั้งแล้วครั้งเล่าราวปลวกน่าหัวเราะ นี่…
ทำให้พวกเขาอับอายจนอยากตาย อยากแทรกแผ่นดินหนี
ทว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ล้วนเริ่มสิ้นหวัง คิดจะเอาชีวิตเข้าแลกแล้วตายจากไป แต่ตอนนี้ การออกโรงอย่างแข็งกร้าวของหลินสวิน กลับทำให้พวกเขาล้วนฮึกเหิมขึ้นมา มองเห็นความหวังราวกับรอดตาย
“หัวหน้าหูทง เชิญมาทางนี้หน่อย”
หลินสวินเอ่ยปากแล้ว เขายืนตระหง่านอยู่เช่นนั้น ร่างสูงโปร่ง อาภรณ์สีขาวพระจันทร์โบกสะบัดกลางลมจนเกิดเสียง บนใบหน้าหล่อเหลาสุภาพมีความเชื่อมั่นในตัวเองและความโดดเด่นเหนือธรรมดา
คันธนูไร้แก่นสารถูกเขาง้างอยู่ในมือ ตัวคันธนูที่สร้างขึ้นจากกระดูกสีขาวกับสายธนูสีแดงสดราวโลหิตสร้างบรรยากาศน่ากลัวที่ป่าเถื่อนน่าหวาดหวั่น ขับเน้นให้บุคลิกของเขาดุจเทพมารหนุ่มองค์หนึ่ง!
ไม่ต้องสงสัย หลินสวินในตอนนี้ใช้พลังของลูกธนูเพียงสองดอกก็สร้างความสะท้านสะเทือนไปทั้งที่นั้น กลายเป็นจุดสนใจที่ถูกจับตามอง
หูทงเองก็ตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็รู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่สู้ดีดังเดิม ในฐานะเป็นยอดฝีมือที่ประสบการณ์ต่อสู้มากมาย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลินสวิน เขาก็เคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล เข้าประชิดฝั่งนี้
เขารู้ดีว่าวันนี้จะสามารถหลุดพ้นจากความยากลำบากได้หรือไม่ ความหวังเพียงหนึ่งเดียวก็อยู่ที่คุณชายหลินผู้นั้น เพียงแต่ นี่ทำให้หูทงมีความรู้สึกที่พูดไม่ถูก
ทั้งทำใจเชื่อได้ยาก ทั้งรู้สึกผิด ทั้งตื่นเต้นและทอดถอนใจอย่างพูดไม่ถูก ความรู้สึกนั้นเหมือนมองเห็นแมลงดูดเลือดที่ต้องการการปกป้อง ฉับพลันทันใดกลับกลายเป็นมังกรเกรียงไกรโผทะยานเหนือเก้าชั้นฟ้าตัวหนึ่ง!
ไม่มีใครขัดขวางหูทง
เวลานี้สายตาในที่นั้นรวมอยู่ที่หลินสวินเพียงผู้เดียว เสอเจิ้นและเหยียนชื่อสิงได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบสิ้นชีพ ถูกผู้อื่นช่วยไว้ก่อนแล้ว แต่ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก
ทว่าแม้ขาดพวกเขาไปสองคน ในที่นั้นก็ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทเผ่าพ่อมดเถื่อนอีกเจ็ดคน ทั้งยังมีกำลังแก่กล้าชั้นยอดของเผ่าพ่อมดเถื่อนนับร้อยพัน!
ที่สำคัญที่สุดคือ อาณาเขตที่หุบเขาพยัคฆ์นี้ตั้งอยู่ ถูกค่ายกลรอยสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ค่ายหนึ่งปกคลุมและผนึกไว้ก่อนแล้ว!
พูดได้ว่า สถานการณ์ของพวกหลินสวินก็ยังไม่สู้ดีดังเดิม
“ไม่คิดว่าในหมู่คนรุ่นเยาว์ของจักรวรรดิ ถึงกับมีตัวร้ายที่มีพลังพลิกฟ้าเช่นนี้คนหนึ่งโผล่มา”
ชายชราที่ทั้งกายเต็มไปด้วยแสงสีครามผู้หนึ่งเอ่ยปาก เขามีนามว่าจวี้สวิน มาจากสายคนเถื่อนพฤกษา ท่าทางน่าเกรงขามถึงที่สุด
ยามเขาเอ่ยปาก ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทอีกหกคนได้แยกกันโอบล้อม ปิดผนึกอยู่ไกลๆ สีหน้าเย็นชาและมีเจตนาร้าย
ก่อนหน้านี้พวกเขาถูกเล่นงานโดยที่รับมือไม่ทัน ไม่ทันไปช่วยเหลือและขัดขวาง ทำให้เสอเจิ้นและเหยียนชื่อสิงล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส
นี่ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตะลึงอย่างล้นเหลือ ใบหน้าอึมครึม ในใจขุ่นเคืองและฉงน
นี่ก็คือความรู้สึกหวาดผวา ทำให้เวลานี้ยามพวกเขาเผชิญหน้าหลินสวิน ท่าทางล้วนแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งราวพบกับศัตรูตัวร้าย ไม่กล้ามองเขาเป็นเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่งอีก แต่ยกระดับให้เป็นอันตรายถึงขีดสุด
เพียงแต่พวกเขาก็ยังไม่อาจจินตนาการได้ว่า เหตุใดเด็กหนุ่มคนนี้ถึงได้เย้ยฟ้าเช่นนี้ หรือว่า… เป็นเพราะคันธนูในมือเขาคันนั้น
พวกเขากำลังสำรวจ สังเกตได้อย่างเฉียบแหลมถึงความลี้ลับและเหนือธรรมดาของคันธนูวิญญาณไร้แก่นสาร
จะคิดเช่นนี้ก็ปกติ อย่างไรเสียเสอเจิ้นกับเหยียนชื่อสิงล้วนเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทที่ไม่ธรรมดา พวกเขามีชื่อเสียงมานาน มีผลงานการต่อสู้นองเลือดที่สามารถทระนงได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขากลับถูกลูกธนูดอกเดียวทำให้บาดเจ็บสาหัส นี่ก็ช่างเหลือเชื่อเกินไปแล้ว เรียกได้ว่าสั่นสะท้านไปทั่ว!
อย่างน้อยก็ไม่มีเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาก่อน
ดังนั้นในจิตใต้สำนึกของพวกเขาล้วนคิดว่า กุญแจสำคัญที่ก่อให้เกิดเรื่องทุกอย่างนี้ อยู่ที่คันธนูใหญ่ในมือของเด็กหนุ่มคันนั้น!
อีกทั้งตามที่พวกเขาสังเกต ก็มั่นใจได้อย่างแน่ชัด ด้วยรับรู้ได้ถึงพลังอันตรายคลุมเครือที่พาให้พวกเขาขวัญหนีดีฝ่อแผ่ออกมาจากคันธนูใหญ่นั้น!
____