ตอนที่ 1825 -1827

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1825  ใส่ร้ายหน้าด้านๆ (1)
  ความจริงแล้ว……
  เยว่เย่ถูกจวินอู๋เสียหลอกจริงๆ
  อุตส่าห์สารภาพทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองไปแบบงงๆสุดท้ายสิ่งที่นางได้กลับมาจากจวินอู๋เสียก็แค่ข้อมูลที่ไร้ประโยชน์
  แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่พูดออกมาเยว่เย่ก็เดาได้เองอยู่แล้วว่าเป้าหมายของจวินอู๋เสียคือการต่อต้านวิหารเงาจันทรา
  เยว่เย่ภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอว่าฉลาดกว่าคนอื่นครั้งนี้ถูกทำให้ดูโง่ซะแล้ว ถูกจวินอู๋เสียชักนำตลอดเวลาให้พูดทั้งสิ่งที่ควรพูดและไม่ควรพูด
  ต้องพูดเลยว่า……
  สำหรับเด็กสาวที่โตเร็วกว่าวัยสองคนนี้จวินอู๋เสียยังคงเหนือกว่าเยว่เย่อยู่ดี
  แน่นอนว่าเยว่เย่เป็นเพียงคนเดียวที่พยายามเอาชีวิตของจวินอู๋เสียและโดนจับได้แต่ไม่โดนจวินอู๋เสียเล่นงานจนตาย แต่กลายมาเป็นพันธมิตรของจวินอู๋เสียแทน
  พูดจากมุมมองอื่นแล้วเยว่เย่นับว่าโชคดีมากทีเดียว
  หลังจากจวินอู๋เสียเดินออกจากเรือนของเยว่เย่นางก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง
  สองวันผ่านไปในพริบตาผู้อาวุโสเยว่เข้าออกเรือนเล็กของเยว่เย่บ่อยๆ ขณะเดียวกันก็มอบหมายงานให้เยว่อี้ไปทำหลายงาน ไม่ให้เยว่อี้ได้มีเวลาว่างมาพบเยว่เย่
  เย็นวันหนึ่งแสงตะวันยามโพล้เพล้สาดส่องไปทั่วแผ่นดิน เยว่เย่เดินเข้ามาที่เรือนเล็กของจวินอู๋เสียอย่างช้าๆ
  จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองเด็กหญิงที่ร่างอาบแสงสีทองของตะวันยามเย็นนางวางหนังสือที่กำลังอ่านลง
  “ศิษย์พี่ฉางฮวนข้าขอนั่งด้วยได้ไหม?” เยว่เย่กระพริบตามองจวินอู๋เสีย น้ำเสียงของนางบริสุทธิ์ไร้เดียงสามาก แต่ดวงตากลมโตคู่นั้นชำเลืองมองไปด้านหลังที่ทางเข้าโดยที่แทบสังเกตไม่เห็น
  จวินอู๋เสียสังเกตเห็นสัญญาณสั้นๆแวบเดียวจากเยว่เย่จึงลดสายตาลงและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ได้”
  เยว่เย่ยิ้มอย่างเกรงใจขณะเดินเข้ามาหาจวินอู๋เสียจากนั้นก็นั่งลงข้างๆนาง
  “ศิษย์พี่ฉางฮวนข้าได้ยินว่าตอนที่เจ้าอยู่วิหารจิงหง ได้ดูแลพี่ชายของข้าเป็นอย่างดี ข้าไม่มีโอกาสขอบคุณเจ้าเลย พอดีข้านำขนมมาจากครัว ถ้าศิษย์พี่ฉางฮวนไม่รังเกียจ โปรดรับไว้ด้วย” ขณะที่พูด เยว่เย่ก็วางกล่องขนมที่ถืออยู่ในมือลงบนโต๊ะ นางมองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าประหม่า
  จวินอู๋เสียเปิดกล่องออกและเอื้อมมือหยิบออกมาชิ้นหนึ่งก่อนที่นางจะเอาขนมเข้าปาก เยว่เย่ที่นั่งอยู่ข้างๆก็กรีดร้องออกมา
  “ศิษย์พี่ฉางฮวน! นี่เจ้าจะทำอะไร?”
  สีหน้าของเยว่เย่เปลี่ยนไปอย่างมากนางลุกขึ้นจากม้านั่งหิน และฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่สนใจจวินอู๋เสียเลย
  เกิดเสียงดังแควกและแขนเสื้อของเยว่เย่ก็ถูกฉีกออกด้วยตัวนางเอง
  จวินอู๋เสียมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างสงบแววตานิ่งเรียบไร้อารมณ์
  เสียงของเยว่เย่น่าสงสารและตื่นตระหนกมากถ้าไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในลานบ้าน แค่ได้ยินเสียงกรีดร้องนั้น ไม่ว่าใครก็คงคิดทันทีว่านางกำลังเจอกับเหตุร้าย
  พร้อมกับที่เสียงร้องอันน่าเวทนาของเยว่เย่ดังขึ้นชายหลายคนในชุดเครื่องแบบของวิหารเงาจันทราก็วิ่งเข้ามาทันที!
  “ช่วยข้าด้วย!”เยว่เย่วิ่งหนีออกจากข้างกายจวินอู๋เสีย หยดน้ำตาไหลลงมาตามใบหน้าขาวเนียนของนาง ร่างเล็กๆนั้นสั่นเล็กน้อยราวกับได้รับความทุกข์อย่างมากมาย นางร่ำไห้สะอึกสะอื้นราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝนขณะซ่อนตัวอยู่หลังผู้บุกรุก
  “ฉางฮวน!เจ้ากล้าดียังไง! บังอาจทำเรื่องบัดสีกับเยว่เย่!” หัวหน้ากลุ่มศิษย์วิหารเงาจันทราถลึงตาจ้องจวินอู๋เสีย
  จวินอู๋เสียเฝ้ามองทุกอย่างอย่างใจเย็นสายตาของนางมองไปที่เยว่เย่ซึ่งซ่อนอยู่ด้านหลังคนกลุ่มนี้
  ต้องพูดเลยว่าการแสดงของเยว่เย่นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ
  ดูนางซิช่างน่าสงสารเหลือเกิน
ตอนที่ 1826  ใส่ร้ายหน้าด้านๆ (2)
  จวินอู๋เสียเฝ้ามองทุกอย่างอย่างใจเย็นสายตาของนางมองไปที่เยว่เย่ซึ่งซ่อนอยู่ด้านหลังคนกลุ่มนี้
  ต้องพูดเลยว่าการแสดงของเยว่เย่นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ
  ดูนางสิช่างน่าสงสารเหลือเกิน
  เหล่าศิษย์วิหารเงาจันทราไม่รอฟังคำอธิบายพวกเขาเข้าล้อมจวินอู๋เสียอย่างแน่นหนา ตั้งแต่ต้นจนจบ ใบหน้าของจวินอู๋เสียไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ นางแค่มองดูการแสดงงี่เง่าทั้งหมดที่ถูกจัดฉากขึ้นด้วยสายตาเย็นชา
  ไม่มีเทคนิคอะไรให้พูดถึงเลยแค่ใส่ร้ายกันแบบหน้าด้านๆ
  “ฉางฮวน”ทันใดนั้น เสียงที่ฟังดูแก่ก็ดังขึ้น และผู้อาวุโสเยว่ก็เดินผ่านทางเข้าลานบ้านเข้ามาช้าๆ เขาจ้องมองจวินอู๋เสียที่ถูกล้อมอยู่ด้วยสายตาชั่วร้ายอย่างไม่ปิดบัง
  “บอกหน่อยซิว่าทำไมเจ้าถึงเอาแต่ทำตัวไม่ดีอยู่ตลอด?ตอนเจ้าทำร้ายศิษย์ในวิหารก่อนหน้านี้ ท่านประมุขก็อภัยให้เจ้าแล้ว ตอนเจ้าแหกคุกใต้ดิน ท่านประมุขก็อภัยให้เจ้าเช่นกัน แต่ตอนนี้เจ้าทำเรื่องต่ำช้าไร้คุณธรรม ดูเหมือนว่านิสัยที่น่ารังเกียจของเจ้าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ข้าอยากเห็นนักว่าท่านประมุขจะยังอภัยให้เจ้าในเรื่องนี้อีกไหม” ผู้อาวุโสเยว่ยิ้มมุมปาก มองดูจวินอู๋เสียด้วยสายตาชั่วร้าย เขาไม่เชื่อว่ารอบนี้จวินอู๋เสียจะยังรอดไปได้อย่างไร้รอยขีดข่วน
  เพื่อใส่ร้ายจวินอู๋เสียเขาถึงกับให้เยว่เย่เข้ามาพัวพันด้วย เขาลงทุนสูงถึงขนาดนี้ก็เพื่อเด็ดปีกของผู้อาวุโสเยว่ทิ้ง
  เมื่อจัดการจวินอู๋เสียได้แล้วผู้อาวุโสเยว่ก็จะถูกลากเข้าไปเกี่ยวด้วยอย่างแน่นอน จากนั้นสถานะและตำแหน่งของเขาในวิหารเงาจันทราก็จะถูกโค่นลงอย่างสมบูรณ์ ไม่มีโอกาสปีนกลับขึ้นมาได้อีก
  หมากตานี้ผู้อาวุโสเยว่มั่นใจมากเขาไม่เชื่อว่าจวินอู๋เสียจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้
  “ตอนนี้ข้าอยากดูว่าเจ้ายังจะพูดอะไรได้อีก”ผู้อาวุโสเยว่เยาะเย้ย
  จวินอู๋เสียมองผู้อาวุโสเยว่ที่มีท่าทางยินดีกับชัยชนะนางสงบนิ่งจนผิดปกติ
  “เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลย?”จวินอู๋เสียถาม
  “ไม่ใช่ว่าข้ามั่นใจแต่เจ้ามันรนหาที่ตายซ้ำแล้วซ้ำอีก เยว่เย่บริสุทธิ์ไร้เดียงสามาก นางจะโกหกได้ยังไง? ดูสิว่านางน่าสงสารขนาดไหน ใครเห็นก็รู้สึกปวดใจกันทั้งนั้น ยิ่งกว่านั้น พวกเราหลายคนตรงนี้ก็เห็นเจ้าทำ แล้วมันจะเข้าใจผิดได้ยังไง?” ผู้อาวุโสเยว่กล่าวแบบไม่สะทกสะท้าน น้ำเสียงยินดีในชัยชนะอย่างไม่ปิดบัง
  ครั้งนี้เขามาที่นี่ด้วยความมั่นใจอย่างที่สุดว่าจะสามารถผลักจวินอู๋เสียลงสู่ก้นเหวได้ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะพูดยังไง ก็ไม่มีทางโต้แย้งได้
  เยว่เย่ยังเด็กมากและขี้กลัวมาก ประมุขเองก็รู้ดี ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเยว่เย่จะใส่ร้ายใครได้
  “งั้นก็ได้”จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืน
  เหล่าศิษย์ที่ล้อมนางอยู่ถอยหลังไปสองสามก้าวทันทีแม้ว่าเป้าหมายของพวกเขาในวันนี้จะชัดเจน แต่พลังของจวินอู๋เสียยังคงทำให้พวกเขากลัวอยู่ดี
  “ข้าจะไปพบท่านประมุขกับพวกเจ้า”ในเมื่อผู้อาวุโสเยว่อยากเล่นมากนัก งั้นนางก็จะเล่นกับเขาให้สนุกเลย
  หวังว่าเขาจะไม่เสียใจก็แล้วกัน
  ผู้อาวุโสเยว่มองปฏิกิริยาของจวินอู๋เสียอย่างพอใจเขาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
  “งั้นเราไปกันเลยไหม?เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่วงเวลาให้นานไปกว่านี้ ผู้อาวุโสอิ่งถูกท่านประมุขส่งออกไปตรวจงานนอกวิหาร เขาจะไม่กลับมาอีกสักพัก ไม่มีใครช่วยเจ้าได้” ผู้อาวุโสเยว่พูดพลางหัวเราะ
  พูดจบผู้อาวุโสเยว่ก็หันหลังเดินออกไปนอกลานบ้าน ก่อนออกไปเขายังดึงเยว่เย่ที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นไปกับเขาด้วย
  เยว่เย่ถูกผู้อาวุโสเยว่ลากออกไปนางหันไปมองจวินอู๋เสียพร้อมกับสะอึกสะอื้นต่อ ในดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลอคู่นั้นฉายแววประหลาดขึ้นแวบนึง แต่นางก็ซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็ว
  จวินอู๋เสียเดินออกจากลานบ้านด้วยตัวเองโดยมีกลุ่มศิษย์วิหารเงาจันทราเฝ้าระวังและคุมตัวออกไปพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสเยว่ไปทางห้องโถงใหญ่ของวังประมุข
  จะมีการแสดงแบบไหนรอนางอยู่กันนะ?
  นางจะรอดู
ตอนที่ 1827  ใส่ร้ายหน้าด้านๆ (3)
  ในห้องโถงใหญ่วิหารเงาจันทราประมุขวิหารเงาจันทราเปล่งประกายเจิดจ้าขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ประมุข สุขภาพของเขาค่อยๆดีขึ้น ทำให้ประมุขที่ห่อเหี่ยวหมดกำลังใจมานานเหมือนจะได้ร่างกายเมื่อหลายปีก่อนกลับมา ร่างกายไม่รู้สึกเฉื่อยชาเซื่องซึมอีกต่อไป
  ไม่มีประมุขคนไหนปฏิเสธสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงเช่นนี้เขาไม่ปรารถนาอะไรไปมากกว่ายึดช่วงเวลานี้เอาไว้ และหยิบทุกอย่างที่เขาปล่อยทิ้งไปในช่วงหลายปีนี้ขึ้นมา
  ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาประมุขวิหารเงาจันทราอารมณ์ดีมาก และเขาก็ยิ้มมากขึ้นด้วย
  แต่ก็มีคนมารบกวนอารมณ์ดีๆที่หายากของเขา
  ขณะกำลังอ่านรายงานของวิหารเงาจันทราอยู่นั้นประมุขวิหารเงาจันทราก็ได้ยินเสียงประกาศการมาของใครบางคน เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองบุคคลผู้นั้น
  “คราวนี้อะไรอีกล่ะ?ต้องใจร้อนขนาดนั้นเลย?” ประมุขวิหารเงาจันทราขมวดคิ้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกิจการของวิหารเงาจันทรา งานส่วนใหญ่จะส่งมอบให้ผู้อาวุโสเยว่และผู้อาวุโสอิ่ง ตอนนี้เขากลับมารับช่วงต่ออีกครั้ง แม้ว่าเขาจะรู้สึกดีใจ แต่การพยายามทำความเข้าใจทุกอย่างก็ยังกินแรงอยู่ดี
  “ท่านประมุข……ผู้อาวุโสเยว่นำคนมาที่นี่บอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉางฮวน”
  “ผู้อาวุโสเยว่อีกแล้วหรือ?”ประมุขวิหารเงาจันทราขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้อาวุโสเยว่อยู่กับวิหารเงาจันทรามานานกว่าเขา อาจกล่าวได้ว่าผู้อาวุโสเยว่เฝ้าดูเขาเติบโตขึ้นมา จนกระทั่งกลายเป็นประมุข เขาก็ยังนับถือผู้อาวุโสเยว่มาก แต่เขาไม่ใช่คนโง่ เขามองออกว่าผู้อาวุโสเยว่พยายามหาเรื่องจวินอู๋เสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า
  ประมุขวิหารเงาจันทราพอใจจวินอู๋เสียมากผู้เยาว์ที่มีพรสสวรรค์สูงและมีความจงรักภักดีอย่างไม่สั่นคลอน เป็นสิ่งที่วิหารเงาจันทราต้องการมากที่สุด แถมด้วยโอสถหิมะละลายที่จวินอู๋เสียมอบให้ก็ช่วยเขาได้มาก ประมุขวิหารเงาจันทราจึงโปรดปรานศิษย์คนนี้มาก
  การที่ผู้อาวุโสเยว่พยายามหาเรื่องจวินอู๋เสียทำให้ประมุขคิดว่ามันไม่เหมาะสม ไม่มากก็น้อย
  “เอาล่ะให้พวกเขาเข้ามา” ประมุขวิหารเงาจันทราโบกมือ จากนั้นก็วางม้วนหนังสือที่ถืออยู่ลง
  ไม่นานผู้อาวุโสเยว่ก็ก้าวเข้ามาในห้องโถงของวิหาร ข้างๆเขาคือเยว่เย่ที่มีใบหน้าซีดเซียวและเสื้อผ้าฉีกขาดหลุดรุ่ย
  ประมุขวิหารเงาจันทรายิ้มแต่เมื่อเขาเห็นสภาพยับเยินของเยว่เย่ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็หายไปทันทีอย่างไม่เหลือร่องรอย
  “ท่านประมุข!”ผู้อาวุโสเยว่คุกเข่าลง
  เยว่เย่คุกเข่าตามพร้อมกับตัวสั่นเล็กน้อย
  จวินอู๋เสียก้าวตามหลังเข้ามาในห้องโถงโดยมีศิษย์กลุ่มหนึ่งคุมเข้ามาจากนั้นก็คุกเข่าลงกลางห้องโถงอย่างสงบ
  “ผู้อาวุโสเยว่เกิดอะไรขึ้น?” ความร้อนรนกระวนกระวายปกคลุมหัวใจของประมุขวิหารเงาจันทรา สถานการณ์ตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
  “ท่านประมุข!โปรดตัดสินให้เย่เอ๋อร์ด้วย! แม้ว่าเย่เอ๋อร์จะไม่ใช่หลานสาวแท้ๆของข้า แต่ข้าก็เลี้ยงนางมาตั้งแต่เล็ก ข้าปฏิบัติกับนางไม่ต่างจากนางเป็นสายเลือดของข้า ข้ารักเอ็นดูเย่เอ๋อร์มาก คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เอ๋อร์จะต้องทนกับความอัปยศอดสูในวันนี้ ท่านประมุขโปรดตัดสินด้วย!” ผู้อาวุโสเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาตะโกนเสียงดังถึงความอยุติธรรมที่ได้รับต่อหน้าประมุขวิหารเงาจันทรา เสียงแหบแห้งเศร้าโศกฟังสะเทือนอารมณ์อย่างมาก
  “เย่เอ๋อร์เจอกับความอัปยศอดสูแบบไหน?”ตามที่คาดไว้ พอประมุขได้ยินว่าเยว่เย่เจอกับความอัปยศอดสู สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ
  ผู้อาวุโสเยว่ยกมือขึ้นชี้ไปที่จวินอู๋เสียซึ่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างและพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า “ฉางฮวน! ฉางฮวนอาศัยว่าท่านประมุขเมตตาโปรดปราน หยิ่งผยองไม่เห็นใครอยู่ในสายตามากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นพยายามล่วงละเมิดเย่เอ๋อร์ ถ้าข้าไปไม่ทันเวลาล่ะก็ เกรงว่า……”