ตอนที่ 1828 ใส่ร้ายหน้าด้านๆ (4)
“เจ้าว่าอะไรนะ!?”ประมุขวิหารเงาจันทราเบิกตาโพลง สายตาของเขาจ้องไปที่เยว่เย่และจวินอู๋เสียด้วยความตกใจ
“ท่านประมุข!ข้าเองก็จนปัญญาแล้ว! ฉางฮวนถือตัวว่ามีความดีความชอบที่มอบยาให้กับท่านประมุข ช่วงนี้การกระทำของเขาเหิมเกริมมากขึ้นทุกที ข้ารู้ว่าท่านประมุขให้ความสำคัญกับเขามาก และเขายังเป็นศิษย์ที่ผู้อาวุโสอิ่งอบรมสั่งสอนมา ทำให้ข้าไม่กล้าควบคุมเขามากนัก แต่วันนี้เย่เอ๋อร์คิดจะไปขอบคุณฉางฮวนแทนพี่ชายของนาง ไม่คิดเลยว่าเมื่อนางไปถึงเรือนของฉางฮวน ฉางฮวนจะทิ้งสามัญสำนึกและพยายามจะทำมิดีมิร้ายกับเย่เอ๋อร์ โชคดีที่ศิษย์ที่พาเย่เอ๋อร์ไปที่นั่นสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาพยายามจะหยุดฉางฮวน แต่ก็โดนฉางฮวนทำร้ายบาดเจ็บ พอได้ข่าวข้าก็รีบไปทันที” ผู้อาวุโสเยว่ประณามความกำเริบเสิบสานของจวินอู๋เสียอย่างรุนแรง เมื่อสิ้นเสียงของเขา เด็กหนุ่มที่ร่างกายฟกช้ำสะบักสะบอมก็เดินเข้ามาคุกเข่าในห้องโถง ยืนยันคำพูดของผู้อาวุโสเยว่ได้อย่างทันท่วงที
จวินอู๋เสียกวาดสายตามองเด็กหนุ่มที่คุกเข่าอยู่พร้อมรอยฟกช้ำดำเขียวแล้วแววตาของนางก็เย็นเยียบขึ้นมา ตั้งแต่เยว่เย่เข้ามาในลานบ้านของนางจนถึงตอนที่นางถูก “เชิญ” ให้มาที่ห้องโถงใหญ่ นางยังไม่เคยเจอศิษย์คนนี้เลย แต่ผู้อาวุโสเยว่ก็โยนความผิดข้อหาทำร้ายคนผู้นี้ใส่หัวนางหน้าด้านๆ
เพื่อที่จะกำจัดนางผู้อาวุโสเยว่ลงทุนทำถึงขนาดนี้เชียว
ข้อกล่าวหาทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี
“รายงานท่านประมุข……ศิษย์ต้องการหยุดฉางฮวนแต่ศิษย์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดังนั้น……” ศิษย์ที่บาดเจ็บคุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นราวกับหวาดกลัวอย่างมากจากการโดนจวินอู๋เสียทำร้าย
ศิษย์คนนั้นพูดเสียงสั่นไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บหนักอย่างเดียว แต่เพราะความหวาดกลัวด้วย
เส้นเลือดบนหน้าผากของประมุขวิหารเงาจันทราเต้นตุบๆอย่างรุนแรงเขาจ้องจวินอู๋เสียที่คุกเข่าอยู่ในห้องโถงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
คำพูดของผู้อาวุโสเยว่คำพูดของศิษย์คนนั้น และสภาพที่น่าเวทนาของเยว่เย่ ทั้งหมดดูเหมือนจะตรึงความผิดลงที่จวินอู๋เสีย ไม่ให้โอกาสนางตอบโต้เลยแม้แต่น้อย
“ฉางฮวนที่พวกเขาพูดเป็นความจริงรึเปล่า?” ประมุขวิหารเงาจันทรากัดฟันมองจวินอู๋เสีย ถ้าเหตุการณ์วันนี้เกิดขึ้นกับศิษย์คนอื่น เขาคงไม่ถามอะไรแม้แต่คำเดียว แต่จะตัดหัวมันทันที
แต่ถึงอย่างนั้นความโกรธของประมุขวิหารเงาจันทราก็ยังปรากฏชัดในน้ำเสียงของเขา
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นช้าๆนางมองประมุขวิหารเงาจันทราที่พยายามข่มความโกรธอย่างเต็มที่ด้วยสายตาที่สงบนิ่ง
“แล้วท่านประมุขคิดอย่างไร?”จวินอู๋เสียย้อนถาม
สีหน้าของประมุขยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น
ฉางฮวนย้อนถามเขางั้นหรือ!?
ผู้อาวุโสเยว่แอบยิ้มเยาะอยู่ในใจถ้าจวินอู๋เสียร้องไห้ขอความเมตตา บางทีอาจจะทำให้ความโกรธของประมุขลดลงบ้างนิดหน่อย แต่คำพูดตรงไปตรงมาของนางก็เท่ากับตั้งคำถามถึงการตัดสินของประมุขวิหาร ซึ่งนั่นไม่เพียงไม่ช่วยอะไรเลย แต่ยังทำให้ไฟในใจประมุขยิ่งโหมแรงมากขึ้น!
“ฉางฮวน!ขนาดอยู่ต่อหน้าท่านประมุข เจ้ายังกล้ากำเริบขนาดนี้ ท่านประมุขถามเจ้า เจ้าก็แค่ตอบไปดีๆ ลืมสถานะของตัวเองไปแล้วหรือยังไง? ถึงได้กล้าย้อนถามท่านประมุข!” ผู้อาวุโสเยว่ตำหนิจวินอู๋เสียด้วยใบหน้าเย็นชาแข็งกระด้าง แต่ในใจของเขาอยากให้จวินอู๋เสียหยาบคายมากขึ้นอีก ประมุขวิหารเงาจันทราจะได้โกรธมากๆ
จวินอู๋เสียไม่สนใจจะมองผู้อาวุโสเยว่ด้วยซ้ำสายตาของนางจับจ้องอยู่แค่ประมุขวิหาร และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ถ่อมตัวและไม่เย่อหยิ่งว่า “ข้าต้องอธิบายอะไร? ท่านประมุขฉลาดปราดเปรื่อง ย่อมมีวิจารณญาณของตัวเอง สิ่งที่ข้าไม่เคยทำ ข้าเชื่อว่าท่านประมุขจะประกาศว่าข้าเป็นผู้บริสุทธิ์”
ตอนที่ 1829 ใส่ร้ายหน้าด้านๆ (5)
จวินอู๋เสียไม่สนใจจะมองผู้อาวุโสเยว่ด้วยซ้ำสายตาของนางจับจ้องอยู่แค่ประมุขวิหาร และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ถ่อมตัวและไม่เย่อหยิ่งว่า “ข้าต้องอธิบายอะไร? ท่านประมุขฉลาดปราดเปรื่อง ย่อมมีวิจารณญาณของตัวเอง สิ่งที่ข้าไม่เคยทำ ข้าเชื่อว่าท่านประมุขจะประกาศว่าข้าเป็นผู้บริสุทธิ์”
“………..”ผู้อาวุโสเยว่เบิกตากว้างจ้องมองจวินอู๋เสียอย่างไม่อยากจะเชื่อ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จวินอู๋เสียยังพูดอย่างใจเย็นได้อีก นี่มันเหนือความคาดหมายของเขาอย่างแท้จริง
ไม่มีการโต้แย้งไม่มีความโกรธ และไม่มีความหงุดหงิดที่ถูกใส่ร้าย จวินอู๋เสียแค่แสดงความเชื่อในตัวประมุขวิหารเงาจันทราด้วยท่าทางที่สงบนิ่งที่สุด
เดิมทีผู้อาวุโสเยว่คิดว่าจวินอู๋เสียจะหาเรื่องตายแต่คำพูดนี้ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ความสงบนิ่งของนางและคำพูดที่นางพูดกับประมุขวิหารเงาจันทรา กำลังบอกกับประมุขว่ามีบางอย่างผิดปกติ
มันทำให้ประมุขไม่มีทางเลือกนอกจากทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อสงบสติอารมณ์และประเมินความจริงของสถานการณ์ทั้งหมดใหม่อีกครั้ง ไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกความโกรธชักนำ
เมื่อเผชิญหน้ากับศิษย์ที่มีพรสวรรค์สูงและเคยช่วยเหลือเขาอย่างมากมาก่อนมาพูดคำที่แสดงถึงความเชื่อใจอย่างแรงกล้าของเขา แม้ว่าประมุขวิหารเงาจันทราจะโกรธจนแทบคลั่ง เขาก็ต้องคิดให้หนักก่อน
ศิษย์ที่โดนกล่าวหาอย่างรุนแรงเช่นนั้นยังสามารถสงบนิ่งได้ขนาดนี้ประมุขจึงอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น
ประมุขวิหารเงาจันทราสูดหายใจเข้าลึกๆและเอนหลังพิงเก้าอี้หรี่ตามองจวินอู๋เสียที่เย็นชาไม่แยแส
ถ้าเขาประกาศความผิดของจวินอู๋เสียออกไปอย่างไม่ใส่ใจมันก็จะทำให้เกิดความเสียหายต่อความไว้วางใจและอำนาจของเขา เนื่องจากโอสถหิมะละลายที่จวินอู๋เสียให้มาได้ช่วยเหลือเขาอย่างมาก และนั่นก็ไม่ใช่ความลับในวิหารเงาจันทราด้วย
“ฉางฮวนในเมื่อเจ้าเชื่อในการตัดสินของข้า และเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ งั้นเจ้าก็ควรเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นข้าฟังไม่ใช่หรือ? ข้าเต็มใจเชื่อในตัวของเจ้า แต่มีคนมากมายเป็นพยานเช่นนี้ ถ้าเจ้าไม่อธิบายอะไรเลย อาศัยแค่ความเชื่อใจในตัวเจ้าอย่างเดียว มันไม่สามารถโน้มน้าวผู้คนให้เชื่อได้หรอกนะ” ประมุขวิหารเงาจันทราต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะข่มความโกรธลงได้
ความสัมพันธ์ของเยว่เย่กับเขาในวิหารเงาจันทรามีผู้อาวุโสเยว่คนเดียวที่รู้
แม้ว่าไฟโทสะจะโหมกระหน่ำในใจเขาเขาก็ไม่สามารถแสดงออกชัดเจนเกินไปได้
เปลวไฟที่เริ่มลุกลามในตอนแรกค่อยๆดับลงด้วยคำพูดไม่กี่คำของจวินอู๋เสียผู้อาวุโสเยว่พยายามกระตุ้นความโกรธประมุขไปอย่างสูญเปล่า แผนจัดการจวินอู๋เสียล้มเหลวไม่เป็นท่าในเวลาอันสั้นที่สุด
ทั้งหมดนี้อยู่ในการควบคุมของจวินอู๋เสียมานานแล้ว
ผู้อาวุโสเยว่อยากใช้ความรู้สึกที่ประมุขวิหารเงาจันทรามีเยว่เย่เพื่อใส่ร้ายจวินอู๋เสียแต่ผู้อาวุโสเยว่ลืมไปเรื่องหนึ่ง นั่นคือการร้อนตัวของประมุข!
ในฐานะประมุขวิหารเงาจันทราเป็นธรรมดาที่เขาจะมีผู้หญิงที่ชอบ แต่เมื่อเป้าหมายของเขาเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่อายุแค่ 12 ปี เรื่องธรรมดาก็กลายเป็นเรื่องแปลกประหลาด แม้ว่าเขาจะเป็นประมุข แต่เขาก็ไม่กล้าเปิดเผยความปรารถนาที่แท้จริงในใจเขา ไม่อย่างนั้นเขาจะรักษาชื่อเสียงของตัวเองได้อย่างไร?
สิ่งที่ผู้อาวุโสเยว่ต้องการใช้เล่นงานนางถูกจวินอู๋เสียเอามาใช้โต้กลับซะแล้ว
เป็นเพราะความสัมพันธ์เช่นนี้ทำให้ประมุขยังพะว้าพะวังอยู่แม้ว่าจะรู้สึกโกรธมากก็ตามเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพิจารณาให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ
“ข้าไม่เคยทำร้ายเยว่เย่เยว่เย่มาขอบคุณข้าจริง แต่สิ่งที่ผู้อาวุโสเยว่กล่าวหาข้านั้น ข้าไม่ได้ทำ” จวินอู๋เสียมองประมุขวิหารเงาจันทราอย่างเยือกเย็น ตอนนี้ประมุขได้สติจากความโกรธแล้ว
หลังจากนี้……
ถึงคราวนางตอบโต้แล้ว!
ตอนที่ 1830 ตอบโต้ (1)
“ฉางฮวนเจ้ายังคิดจะปฏิเสธอีกหรือ? หรือว่าเย่เอ๋อร์ฉีกเสื้อตัวเองกันล่ะ? อาการบาดเจ็บของเจ้านี่ก็ทำตัวเองด้วยรึไง? เจ้าคิดว่าพวกเราทุกคนตาบอดมองไม่เห็นสิ่งที่เจ้าทำงั้นรึ?” ผู้อาวุโสเยว่รีบไล่ต้อนจวินอู๋เสียเพื่อคงสถานการณ์เอาไว้
จวินอู๋เสียเหลือบมองผู้อาวุโสเยว่และหัวเราะอย่างเย็นชาอยู่ในใจ
ที่เขาพูดก็ความจริงทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือ?
ศิษย์คนนั้นทำร้ายตัวเองรึเปล่านางไม่แน่ใจ แต่เสื้อผ้าของเยว่เย่นั่น นางฉีกเองไม่ใช่หรือไง?
คิดจะใส่ร้ายนางเช่นนี้คอยดูเถอะ!
“ท่านประมุขเยว่เย่ไม่ได้ฉีกเสื้อตัวเอง และศิษย์ก็ไม่ได้ทำ แต่เป็นฝีมือของผู้อาวุโสเยว่ต่างหาก” จวินอู๋เสียกล่าวคำพูดที่คาดไม่ถึงออกมา
“อะไรนะ?”แม้แต่ประมุขวิหารเงาจันทราก็ยังตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
จวินอู๋เสียอ้างว่าผู้อาวุโสเยว่เป็นคนฉีกเสื้อผ้าของเยว่เย่?
เขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?
ใบหน้าของผู้อาวุโสเยว่เป็นสีแดงเข้มด้วยความโกรธจากคำพูดของจวินอู๋เสียเขายกมือขึ้นชี้หน้าจวินอู๋เสียและตะโกนว่า “ไอ้เด็กเวรนี่พ่นคำโกหกชั่วร้ายอะไรออกมา!? เย่เอ๋อร์เป็นหลานสาวของข้า แล้วข้าจะ……ได้ยังไง”
“ได้หรือไม่ได้เจ้าก็ทำไปแล้ว เจ้าจะโยนความผิดใส่หัวข้าเพียงเพราะว่าข้าบังเอิญไปเจอเจ้าทำเรื่องบัดสีไม่ได้ ผู้อาวุโสเยว่ รู้ไหมว่ามีกี่คนที่รู้อยู่แก่ใจถึงเรื่องที่เจ้าแอบทำในวิหารเงาจันทรา? เจ้าปฏิบัติกับเยว่เย่และเยว่อี้อย่างหลานสาวหลานชายของเจ้าจริงๆหรือ?” จวินอู๋เสียมองผู้อาวุโสเยว่อย่างเย็นชา
ครั้งนี้เขารนหาที่ตายเองอย่าโทษคนอื่นก็แล้วกัน
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร!”ผู้อาวุโสเยว่ตกใจ คิดไม่ถึงว่าจวินอู๋เสียจะเอ่ยถึงงานอดิเรกของเขาขึ้นมาในเวลาเช่นนี้
โรคใคร่เด็กของผู้อาวุโสเยว่ไม่ใช่ความลับในวิหารเงาจันทรามานานแล้วไม่เพียงประมุขและพวกผู้อาวุโสที่รู้ กระทั่งศิษย์ที่อยู่ในวิหารมานานก็เคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน
ตอนแรกเหยื่อของผู้อาวุโสเยว่ล้วนอยู่ในนามลูกบุญธรรมแต่เพราะความเก่งกาจของเยว่อี้ ทำให้ผู้อาวุโสเยว่ไม่อยากเสียเบี้ยดีๆเช่นนี้ไป เขาจึงหันไปเล็งศิษย์อายุน้อยในวิหารแทน ศิษย์เหล่านี้ล้วนเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน เพราะไม่สามารถทนกรงเล็บอันชั่วร้ายของผู้อาวุโสเยว่ได้ ในวิหารเงาจันทรา ศิษย์เด็กๆจะหายตัวไปบ่อยๆ และทุกคนก็จะทำไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์เหล่านี้ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดถึงด้วยซ้ำ
แต่ถึงจะไม่ได้พูดออกไปทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร
“ข้าพูดจาเหลวไหล?ผู้อาวุโสเยว่ ข้าอยากถามเจ้าเรื่องหนึ่ง ตอนที่ข้าไปวิหารจิงหงกับศิษย์พี่เยว่อี้ ทำไมบนร่างกายของเขาถึงได้มีแผลเป็นซ่อนอยู่มากมายขนาดนั้น?” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย พูดเรื่องรอยแผลเป็นที่เคยเห็นตอนรักษาเยว่อี้ออกมา
“เจ้าพูดเหลวไหล!”ผู้อาวุโสเยว่ตื่นตระหนกแล้ว
จวินอู๋เสียหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วเงยหน้าขึ้นมองประมุขวิหารเงาจันทรา
“ท่านประมุขเรื่องความชอบของผู้อาวุโสเยว่ ศิษย์ไม่ควรพูดมาก แต่ศิษย์ไม่อาจทนดูผู้อาวุโสเยว่รังแกเด็กผู้หญิงเช่นนี้ได้จริงๆ คิดไม่ถึงว่าการที่ศิษย์ยุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่งแค่ครั้งเดียว จะทำให้ผู้อาวุโสเยว่เจ็บใจจนต้องแก้แค้นกันขนาดนี้ จริงเท็จเรื่องนี้ท่านประมุขสามารถตรวจสอบอย่างละเอียดได้ ศิษย์ไม่มีอะไรให้ต้องละอายใจอยู่แล้ว” จะให้ใครถึงแก่ความตาย ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างให้ชัดเจนเกินไป แค่ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยลงไป แล้วรอให้มันแตกหน่อเติบโตออกมา
ผู้อาวุโสเยว่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจวินอู๋เสียจะคิดได้อย่างเยือกเย็นเช่นนี้ แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างมาก นางก็ยังสามารถกัดเขากลับได้ นางจับข้อผิดพลาดของผู้อาวุโสเยว่เอาไว้อย่างแน่นหนาจนผู้อาวุโสเยว่ไม่สามารถพูดโต้แย้งอะไรได้เลย