ตอนที่ 1831  -1833

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1831  ตอบโต้ (2)
  ประมุขวิหารเงาจันทราจะไม่รู้เรื่องงานอดิเรกลับๆของผู้อาวุโสเยว่ได้อย่างไร?
  เรื่องของเยว่อี้เป็นเรื่องจริงและประมุขก็รู้เรื่องนี้ดี ด้วยความจริงเรื่องนี้ จวินอู๋เสียได้ผลักเรื่องของเยว่เย่เข้าใส่ผู้อาวุโสเยว่ และความน่าเชื่อถือในคำกล่าวหาของนางก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!
  นี่ทำให้ผู้อาวุโสเยว่ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้เนื่องจากประมุขรู้เรื่องของเยว่อี้ แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับ มันก็มีแต่จะทำให้ประมุขหวาดระแวงมากขึ้น
  ตอนนี้สถานการณ์ของผู้อาวุโสเยว่น่าอึดอัดมากเขาไม่เข้าใจว่าจวินอู๋เสียสามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างไรในสถานการณ์ที่ทุกคนพูดต่อต้านนาง แล้วยังสามารถหาโอกาสโต้กลับได้อีก
  สีหน้าของประมุขไม่น่าดูอย่างมากคำพูดของจวินอู๋เสียทิ่มแทงใจเขา สายตาที่เขามองผู้อาวุโสเยว่จึงเริ่มเจือปนความสงสัยหวาดระแวง
  ฉางฮวนไม่เคยก่อปัญหามากนักในช่วงที่เขาอยู่ในวิหารเงาจันทรานอกจากเรื่องที่เขาไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำอะไรข้ามเส้นเลย แทนที่จะเชื่อว่าฉางฮวนกล้าหาเรื่องใส่ตัวด้วยการทำบัดสีกับเยว่เย่ ประมุขรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่ผู้อาวุโสเยว่จะเป็นคนทำนั้นสูงกว่า
  เมื่อเชื่อมโยงกับวิธีที่ผู้อาวุโสเยว่ทำกับฉางฮวนในช่วงที่ผ่านมาประมุขวิหารเงาจันทราก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยผู้อาวุโสเยว่อยู่ลึกๆในใจ
  ผู้อาวุโสเยว่สามารถอ่านสายตาของประมุขออกเป็นอย่างดีและเกิดความกลัวขึ้นในใจของเขา สายตาของประมุขที่มองมายังเขาบอกอย่างชัดเจนเลยว่าประมุขเริ่มระแวงเขาแล้ว
  “เย่เอ๋อร์วันนี้เกิดอะไรขึ้น เจ้าบอกท่านประมุขไปสิ!” ผู้อาวุโสเยว่เริ่มกระวนกระวายและวิตกกังวล ในใจเขาเกิดสังหรณ์ร้ายขึ้นมา ถ้าเขาไม่สามารถทำให้ท่านประมุขเชื่อได้ว่าทุกอย่างเป็นการกระทำของจวินอู๋เสีย หมวกบนหัวเขาเห็นทีจะได้หล่นจากหัวเป็นแน่!
  เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อผู้อาวุโสเยว่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากลากเยว่เย่ออกมาด้านหน้า
  เมื่อได้ยินผู้อาวุโสเยว่เรียกชื่อของนางเยว่เย่ก็ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ประมุขรู้สึกปวดใจกับภาพที่น่าสงสารนั้น
  “ท่านประมุข……”เยว่เย่ร้องออกมาอย่างอ่อนแรง ยิ่งทำให้ประมุขใจเหลวเป็นน้ำ ท่าทีและน้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว
  “เย่เอ๋อร์วันนี้เจ้าเจอเรื่องเลวร้ายอะไรมา บอกข้ามาตามตรง ข้าจะตัดสินให้เจ้าอย่างแน่นอน”
  เมื่อเห็นว่าสุขภาพของตนดีขึ้นทุกวันเขาก็แค่รอจนถึงตอนที่จัดการงานในวิหารเสร็จเรียบร้อย แล้วจากนั้นเขาจะสามารถ “ให้ความเอ็นดู” เด็กน้อยคนนี้ได้อย่างดี แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ๆจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
  เยว่เย่เงยหน้าขึ้นมองประมุขวิหารเงาจันทราอาจเป็นเพราะนางรู้สึกเสียใจอย่างมาก น้ำตาเม็ดโตที่คลอดวงตาก็ไหลลงมา ริมฝีปากซีดขาวของนางเม้มแน่น
  “เย่เอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องกลัว ท่านประมุขจะคืนความยุติธรรมให้เจ้าเอง พูดมาเถอะ” ผู้อาวุโสเยว่กระตุ้นอย่างใจร้อน
  เยว่เย่ตัวสั่นอีกครั้งดวงตาที่มองประมุขยิ่งฉายแววหวาดกลัวมากขึ้น
  “ท่านประมุข……เย่เอ๋อร์……เย่เอ๋อร์กลัว……”เยว่เย่น้ำตาไหลอาบแก้ม บวกกับเสียงที่สั่นเครือ ทำให้นางดูน่าสงสารมากจนผู้คนอยากจะโอบกอดนางไว้เพื่อปลอบโยน
  “เย่เอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่” ประมุขวิหารเงาจันทราปลอบอย่างอดทน
  “เย่เอ๋อร์ไม่กล้าพูด……”เยว่เย่ก้มหน้าพร้อมกับเม้มปากแน่น
  “ในที่ของข้าไม่มีอะไรที่เจ้าต้องกลัว มาหาข้านี่ ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” หัวใจของประมุขคันยุบยิบกับภาพที่น่าสงสารของเยว่เย่ เขารีบตบที่ว่างข้างกายเป็นสัญญาณบอกให้เยว่เย่เดินเข้ามา
  เยว่เย่มองผู้อาวุโสเยว่อย่างกังวลผู้อาวุโสเยว่จึงใช้สายตากระตุ้นให้นางเดินไป
  เขาพอใจกับการแสดงของเยว่เย่มากยิ่งนางทำให้ประมุขสงสารได้มากเท่าไร นางก็จะสามารถกระตุ้นให้เขาปกป้องนางได้มากเท่านั้น และเมื่อเยว่เย่เปิดปากพูด ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
ตอนที่ 1832  ตอบโต้ (3)
  เยว่เย่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นและเดินตัวสั่นเข้าไปที่ด้านข้างของประมุข และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างอึดอัด
  “เย่เอ๋อร์ตอนนี้เจ้าไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว บอกข้ามาเร็วว่าใครรังแกเจ้า” ประมุขวิหารเงาจันทราพยายามต่อต้านความปรารถนาที่จะโอบกอดเยว่เย่ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
  เยว่เย่กัดริมฝีปากและมองจวินอู๋เสียที่คุกเข่าอยู่ในห้องโถงดวงตาที่มีหยาดน้ำตาของนางมองสลับไปมาระหว่างจวินอู๋เสียและผู้อาวุโสเยว่
  ห้องโถงอันกว้างใหญ่ตกอยู่ในความเงียบทุกคนรอคำตอบของเยว่เย่
  ในที่สุดเยว่เย่ก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วหันหน้าไปกระซิบเบาๆที่หูของประมุข
  สายตาของประมุขวิหารเงาจันทราเปลี่ยนเป็นคมกริบขณะที่เยว่เย่ยังคงกระซิบต่อไป เขาไม่ได้มองตรงไปที่ใครในห้องโถงเลย แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น และจ้องไปที่แผ่นหินอ่อนบนพื้น
  ดวงตาของผู้อาวุโสเยว่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาสั่งเยว่เย่เอาไว้แล้วว่าจะพูดอะไรกับประมุข จึงไม่ได้กังวลเลยสักนิด เขาหันไปมองจวินอู๋เสียที่อยู่ด้านข้างอย่างพออกพอใจ รอคอยให้ไฟโทสะของประมุขเผาไหม้เจ้าเด็กไม่รู้ที่ตายคนนี้ให้กลายเป็นเถ้าถ่าน!
  “เรื่องในวันนี้ข้าเข้าใจแล้ว” หลังจากเยว่เย่พูดจบ ประมุขวิหารเงาจันทราก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาคมกริบเย็นชาของเขามองไปที่จวินอู๋เสีย
  “ฉางฮวน”
  ทันทีที่ประมุขเรียกชื่อ“ฉางฮวน” รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสเยว่ก็แทบจะไม่สามารถปกปิดไว้ได้อีกต่อไป
  “ขอรับ”จวินอู๋เสียขานรับอย่างสงบ
  “วันนี้เจ้าไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นเจ้า……ไปได้แล้ว” ประมุขเอ่ยข้อสรุปที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนปากอ้าตาค้างออกมา
  “……….”รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสเยว่หุบทันที เขาเบิกตาโตจ้องมองจวินอู๋เสียที่ค่อยๆลุกขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลย!
  [ท่านประมุขอนุญาตให้ฉางฮวนกลับไปจริงๆหรือ?]
  [เป็นไปได้อย่างไร!]
  [ตอนนี้ท่านประมุขควรจะโยนฉางฮวนเข้าคุกใต้ดินและประหารชีวิตเขาไม่ใช่หรือ?]
  [ทำไมประมุขถึงปล่อยเขากลับไปแบบนั้น?]
  ผลลัพธ์ที่ออกมาแตกต่างจากที่เขาคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิงผู้อาวุโสเยว่จึงไม่อาจตอบสนองได้อยู่พักนึง
  “ศิษย์น้อมรับคำสั่ง”ใบหน้าของจวินอู๋เสียสงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ นางถอยออกจากห้องโถงของวิหารโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
  “พวกเจ้าที่เหลือก็ไปได้แล้ว”ประมุขไล่ศิษย์คนอื่นๆออกไปอย่างหงุดหงิด
  เหล่าศิษย์ต่างสับสนงุนงงอย่างมากเรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้ ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อประมุขพูดแล้ว ก็ไม่มีใครมีเหตุผลที่จะอยู่ที่นั่นอีกต่อไป ได้แต่ถอยออกไปจากห้องโถงอย่างเชื่อฟัง
  ภายในห้องโถงกว้างเหลือเพียงผู้อาวุโสเยว่ประมุขวิหารเงาจันทรา และเยว่เย่ สามคนเท่านั้น
  ชั่วขณะหนึ่งที่ประมุขวิหารเงาจันทราไม่ได้เปิดปากพูดอะไรเลยแค่หรี่ตามองผู้อาวุโสเยว่ที่มีสีหน้าเลิ่กลั่กสับสน
  “ผู้อาวุโสเยว่นับจากนี้ไป เยว่เย่จะอยู่ในวังข้างห้องนอนของข้า นางจะเป็นศิษย์สายตรงของข้าและไม่ใช่หลานสาวของเจ้าอีกต่อไป เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเยว่เย่หลังจากนี้ ข้าจะจัดการเอง เจ้าไปได้แล้ว” ทันใดนั้น เสียงอันเย็นชาของประมุขวิหารเงาจันทราก็ดังก้องห้องโถงใหญ่ของวิหารราวกับสายฟ้าฟาดเข้าใส่ศีรษะของผู้อาวุโสเยว่
  ผู้อาวุโสเยว่มองประมุขอย่างไม่อยากจะเชื่อคำพูดที่เพิ่งได้ยินราวกับเสียงตีกลองที่ดังไม่หยุด ทำให้ประสาททั่วร่างชาไร้ความรู้สึก
  [คำพูดของท่านประมุขหมายความว่า……]
  สายตาหวาดกลัวของผู้อาวุโสหันไปมองร่างเล็กๆที่ยืนอยู่ข้างประมุขวิหารเงาจันทรา
  [นางบอกอะไรกับท่านประมุขกันแน่!]
ตอนที่ 1833  ตอบโต้ (4)
  “ท่านประมุขนี่ท่าน……” ผู้อาวุโสเยว่ตื่นตกใจ คำตอบของประมุขวิหารเงาจันทราทำให้ความไม่สบายใจในใจเขาพรั่งพรูขึ้นมา
  แผนการของวันนี้ก็เพื่อจัดการจวินอู๋เสียแต่ประมุขไม่เพียงปล่อยให้จวินอู๋เสียกลับไปอย่างปลอดภัยเท่านั้น ยังยึดเอาการปกครองดูแลเยว่เย่ไปจากเขาด้วย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
  ผู้อาวุโสเยว่ไม่ใช่คนโง่เขามั่นใจว่าคำพูดที่เยว่เย่บอกกับประมุขไม่ใช่สิ่งที่เขาสั่งให้นางพูดอย่างแน่นอน
  ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
  เขาผิดพลาดที่ตรงไหนกัน?
  ผู้อาวุโสเยว่อยากถามเยว่เย่ว่านางพูดอะไรกันแน่แต่สายตาของประมุขจ้องเขาเขม็ง ไม่ยอมให้เขามีโอกาสสื่อสารกับเยว่เย่ไม่ว่าจะในรูปแบบใดได้เลย การตัดสินใจของประมุขได้ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างผู้อาวุโสเยว่และเยว่เย่ลงอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าผู้อาวุโสเยว่จะอยากได้คำตอบจากเยว่เย่มากเพียงไร ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
  “ผู้อาวุโสเยว่เจ้าไม่พอใจคำตัดสินของข้างั้นรึ?” เสียงของประมุขเย็นชาขึ้นอีก
  ผู้อาวุโสเยว่ผงะไปทันทีจากที่รู้จักประมุขวิหารเงาจันทราดี ทำให้เขาสามารถได้ยินความหงุดหงิดในคำพูดของอีกฝ่าย
  ผู้อาวุโสเยว่แทบกระอักเลือดเขาไม่เพียงล้มเหลวในการกำจัดจวินอู๋เสียด้วยเหตุการณ์วันนี้เท่านั้น แต่ตัวเองยังถูกลากเข้ามาพัวพันด้วยอีก จากคำพูดและสีหน้าของประมุขที่เขาได้เห็น เยว่เย่ต้องพูดบางอย่างที่ไม่เป็นผลดีกับเขาแน่ ทำให้ประมุขเกิดความรู้สึกไม่พอใจเขา
  “ข้าไม่กล้าเยว่เย่ได้รับการยอมรับจากท่านประมุข ข้าย่อมยินดี” ผู้อาวุโสเยว่ฝืนข่มความต้องการที่จะอาเจียนเป็นเลือดออกมา แล้วก้มหัวลง ใบหน้าซีดเผือด จากนั้นก็ถอยออกไปจากห้องโถง
  ประมุขวิหารเงาจันทรามองผู้อาวุโสเยว่เดินจากไปด้วยสายตาเย็นชาจนกระทั่งภาพด้านหลังของผู้อาวุโสเยว่ลับหายไปเขาจึงหันหน้ากลับมา สีหน้าเย็นชาแข็งกระด้างอ่อนลงจนกลายเป็นความอ่อนโยน เขามองเยว่เย่ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาอย่างยิ้มแย้ม และเอื้อมมือออกไปกุมมือเย็นเฉียบของเยว่เย่เอาไว้
  “ต่อแต่นี้ไปเย่เอ๋อร์ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วนะข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”
  เยว่เย่พยักหน้าอย่างเชื่อฟังดวงตายังมีหยดน้ำตาคลออยู่ ดูน่าสงสารน่าเอ็นดูมาก
  ขนตาของนางที่ยังคงวาววับจากหยดน้ำตาหลุบต่ำลงเพื่อซ่อนแววตาหัวเราะเย็นชาที่แวบเข้ามาและหายไปในทันที
  เยว่เย่ย้ายออกจากที่อยู่เดิมของนางและไปพักอยู่ที่ข้างห้องนอนของประมุขคนที่ผู้อาวุโสเยว่จัดให้ดูแลอาหารและของใช้ประจำวันของนางก็ถูกแทนที่ด้วยคนของประมุขทั้งหมด
  ตอนนั้นเกิดเสียงถกเถียงขึ้นในวิหารเงาจันทราเนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
  พวกเขาเห็นผู้อาวุโสเยว่นำกลุ่มศิษย์ที่หน้าตาดุดันคุมตัวจวินอู๋เสียไปพบประมุขแต่จวินอู๋เสียกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ผู้อาวุโสเยว่กลายเป็นฝ่ายเสียหลานสาวไปอย่างไม่มีเหตุผล
  สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนมากมายเกิดความสงสัยอย่างมากแต่ไม่มีใครกล้าขุดคุ้ยเรื่องนี้
  ตกกลางคืนวิหารเงาจันทราก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงัด
  ร่างเล็กๆร่างหนึ่งเดินผ่านไปภายใต้ความมืดมิดจนกระทั่งมาถึงเรือนที่เพิ่งทำความสะอาดไป
  ภายในสวนแสงจันทร์ส่องสว่าง เยว่เย่กำลังนั่งยองๆอยู่ในแปลงดอกไม้ และขุดดอกไม้ที่สวยงามแต่ไร้ประโยชน์ขึ้นจากดินทีละต้น ข้างๆนางเต็มไปด้วยกระถางดอกไม้จำนวนหนึ่งที่มีต้นไม้ที่นางปลูกและดูแลในเรือนเล็กที่นางเคยอยู่ ตอนนี้นางย้ายที่พักแล้ว นางไม่ได้นำข้าวของอย่างอื่นไปมากนัก แต่จะย้ายต้นไม้ที่นางปลูกมาหลายปีไปทั้งหมด