ตอนที่ 750 ยุ่งกับอันหลิงเกอ
เฝิงผิงจือเป็นสตรีที่มีเสน่ห์ดึงดูดและน่าหลงใหลผู้หนึ่งเพราะนางทำให้ซูฉือหวู่คิดถึงได้ตลอดเวลา และยังทำให้ฟางหลิงซู่เปลี่ยนมุมมองต่อนางใหม่ได้
บัดนี้ภายในวังหลัง ทุกคนล้วนหันไปเอาใจเฝิงผิงจือทั้งนั้นและก็เป็นธรรมดาที่ขุนนางผู้ปราดเปรื่องจักไปผูกมิตรกับท่านราชครูเฝิง เนื่องจากผู้ใดก็สามารถรับรู้ได้ถึงความสำคัญของตระกูลนี้
ตอนนี้เฝิงผิงจือเป็นคนสำคัญที่อยู่ข้างกายประมุขเผ่าและเป็นธรรมดาที่จะได้รับการสนับสนุนจากนางสนมคนอื่น ส่วนท่านปู่ของนางก็ได้รับคำชื่นชมจากพวกขุนนางเพราะวาสนาจากหลานสาว ส่งผลให้เฝิงผิงจือมีความสุขยิ่งนัก และนางก็เชื่อว่าตระกูลต้องกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งเพราะตน
แต่ทางฝั่งอันหลิงเกอมิสนใจข่าวพวกนี้แม้แต่น้อย เพราะเดิมทีก็ไม่รู้สึกอันใดกับฟางหลิงซู่อยู่แล้ว นางจะไปสนใจว่าเขาเปลี่ยนเป็นโปรดปรานใครเพื่อเหตุใด
แต่ดูเหมือนเฝิงผิงจือจะมิอยากให้หลู่เยว่เยว่อยู่อย่างสงบ เพราะผ่านไปมินานนางก็มาที่ตำหนักของพระชายาและได้พบกับสตรีที่อยากพิสูจน์ตัวตนมาโดยตลอด
ตัวนางในปัจจุบันย่อมไม่มีผู้ใดในวังหลังกล้าเข้ามาขวางอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงได้มาพบกับหลู่เยว่เยว่หรือชายาประมุขเผ่าผู้ลึกลับนั่นเอง
“หลู่เยว่เยว่จริงหรือนี่ ? ” หลังได้เห็นใบหน้าของอันหลิงเกอเป็นครั้งแรก เฝิงผิงจือก็รู้สึกว่าในสมองมึนงงไปหมดเพราะนางรู้จักหลู่เยว่เยว่และเคยเห็นหน้ามาก่อน สรุปว่าพระชายาที่ถูกฟางหลิงซู่ซ่อนตัวไว้เป็นหลู่เยว่เยว่ตามคำเล่าลือจริงด้วย
เรื่องนี้จะทำให้เฝิงผิงจือพอใจได้เยี่ยงไร ก็หลู่เยว่เยว่ไหนเลยจะฉลาดเทียบเท่าตนได้และมิได้งดงามเท่าด้วย เหตุใดจึงได้อยู่ในตำแหน่งสูงกว่านางเช่นนี้
เมื่อเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายแล้ว เฝิงผิงจือก็มิได้คิดอันใดมาก เมื่อหวนนึกถึงความมั่งคั่งและความมั่นคงของอัครมหาเสนาบดีหลู่แล้วก็เข้าใจทันทีว่าเป็นเพราะหลู่เยว่เยว่ได้อยู่ในตำแหน่งชายาประมุขเผ่านั่นเอง
ฝ่ายอันหลิงเกอมิได้ตอบสนองเพราะไม่รู้จักหลู่เยว่เยว่และมิรู้ด้วยซ้ำว่าหลู่เยว่เยว่คือผู้ใด มองจากท่าทางของเฝิงผิงจือแล้วจึงคิดว่าอีกฝ่ายแค่จำคนผิดเท่านั้น
“กู่เหนียงคงจำคนผิดแล้ว” อันหลิงเกอมิได้สนใจอีกฝ่ายและเดินเลี่ยงออกไปทันที ทว่าตอนนี้เฝิงผิงจือทำเหมือนว่าตัวเองโดนโจมตีไม่มีผิด นางไม่สนใจฐานะและรีบวิ่งตามอันหลิงเกอออกไป
“หลู่เยว่เยว่ เหตุใดต้องเป็นเจ้า ? ” ในน้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยโทสะ อันหลิงเกอจึงหันมามองพร้อมสายตาขบขัน เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางจำคนผิดเองแล้วเหตุใดยังกล้าใช้น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจอีกเล่า
“พระสนมเฝิง นี่คือพระชายาของพวกเรา ท่านไม่ควรมาดูหมิ่นเช่นนี้ ! ” นางกำนัลของอันหลิงเกอทนมองมิได้อีกต่อไปจึงเอ่ยตำหนิทันที
แม้ตอนนี้เฝิงผิงจือจักเป็นที่โปรดปราน แต่เจ้านายเป็นถึงพระชายาของประมุขเผ่า จักทำตัวไร้มารยาทเยี่ยงนี้มิได้ แต่อันหลิงเกอมิสนใจเพราะแค่หันหน้าหนีและเดินออกมา
“ข้ามิรู้จักหลู่เยว่เยว่ที่เจ้าเอ่ยถึง ส่วนนามของข้านั้นเจ้าคงมิคู่ควรที่จะทราบ” เป็นธรรมดาที่อันหลิงเกอจะอารมณ์เสีย นางทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเดินออกมาทันที
เดิมทีอันหลิงเกอมิชอบวางอำนาจหรอก ทว่าตอนนี้โดนคนรังแกแล้วนางจะวางเฉยไม่ต่อว่าได้เยี่ยงไร เนื่องจากตอนนี้นางกำลังสวมหมวกของชายาประมุขเผ่า หากถูกรังแกอีกก็ไม่ต้องเดินบนเส้นทางเดียวกับมารดาหรือ ?
เฝิงผิงจือเห็นว่าหลู่เยว่เยว่เมินเฉยตนถึงเพียงนี้และรู้ว่าเมื่อครู่นางเสียมารยาทก่อน โชคดีที่รอบข้างไม่มีใครอยู่นางจึงรีบเดินจากไปทันที
นางจักพอใจได้อย่างไรเมื่อเห็นหลู่เยว่เยว่ได้ครอบครองตำแหน่งอันสูงศักดิ์เช่นนี้ เนื่องจากหลู่เยว่เยว่มิใช่คนโดดเด่นและเก่งกาจ ไหลเลยจะมาเทียบกับนางได้
แต่นางมิรู้ว่าเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาของหลู่เยว่เยว่แล้วฟางหลิงซู่จึงให้ความสำคัญ
ทุกสิ่งที่วงศ์ตระกูลของหลู่เยว่เยว่ได้ครอบครองก็ล้วนมาจากรูปร่างหน้าตาของนางทั้งสิ้น
หากจะโทษก็ต้องโทษที่เฝิงผิงจือมิได้มีหน้าตาเหมือนอันหลิงเกอ เช่นนั้นก็คงถูกฟางหลิงซู่มองอยู่บ้าง การที่ฟางหลิงซู่โปรดปรานนางในเวลานี้เป็นเพราะยังมีประโยชน์ แต่เขามิได้มีความรู้สึกอันใดต่อนางเลย
สิ่งที่เฝิงผิงจือสามารถทำได้เวลานี้ก็คืออ่านตำราพิชัยสงครามต่อไปและตั้งใจฟังคำสั่งสอนจากท่านปู่เพื่อพยายามช่วยฟางหลิงซู่ให้มากขึ้น ทำให้เขาเห็นว่านางยังมีความสำคัญอยู่นั่นเอง
ตั้งแต่วันที่อันหลิงเกอพบกับเฝิงผิงจือก็หมดอารมณ์อยากออกมาเดินชมดอกไม้อีก เนื่องจากท่าทางดุร้ายของเฝิงผิงจือทำให้นางรู้สึกไม่มีความสุข
“เหนียงเหนียง เหตุใดพวกเรามิเอาเรื่องนี้ไปเรียนท่านประมุขเผ่าเพคะ ? ” นางกำนัลเอ่ยด้วยความหงุดหงิด เนื่องจากเจ้านายคือชายาของประมุขเผ่าแล้วจักให้พระสนมมารังแกได้อย่างไร
“มิต้องหรอก ตอนนี้นางกำลังเป็นที่โปรดปราน” อันหลิงเกอมิได้แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า เพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่นางกำนัลกลับเข้าใจความคิดของอันหลิงเกอผิดไปจึงรีบพูดต่อทันที
“เหนียงเหนียง แต่ท่านเป็นถึงพระชายาประมุขเผ่า แม้นางจะเป็นที่โปรดปรานแต่สุดท้ายก็เทียบท่านมิได้เจ้าค่ะ” นางกำนัลคิดแค่ว่าอันหลิงเกอกลัวเพราะอีกฝ่ายเป็นที่โปรดปรานจึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้กับฟางหลิงซู่
“มิเป็นไรเพราะการที่นางได้รับความโปรดปรานเวลานี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องการ พอเป็นเยี่ยงนี้แล้ว ฟางหลิงซู่ก็จะมิต้องมาหาและกวนใจข้าอีก”
แม้อันหลิงเกอจะเอ่ยถึงขั้นนี้แล้ว ในสายตาของนางกำนัลก็ยังคิดว่าคำพูดของอันหลิงเกอเป็นเพียงคำพูดในยามโกรธเท่านั้น มีสตรีนางใดมิอยากเป็นที่โปรดปรานของประมุขเผ่าบ้างเล่า ดังนั้นอันหลิงเกอจะต้องโกรธมากแน่นอน
อันหลิงเกอมิได้พูดอันใดต่อ นางเพียงเดินกลับห้องและบัดนี้เผ่าปิงชวนยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราววุ่นวาย เมื่อก่อนฟางหลิงซู่จะดูแลนางเป็นอย่างดีและมิปล่อยให้ใครมารบกวนนางเลย
เหมือนตอนนี้ฟางหลิงซู่จะยุ่งอยู่กับการทำสงคราม พวกคนที่มิได้เกี่ยวข้องจึงมาหานางได้ อันหลิงเกอถอนหายใจออกมา ช่างเถิด ถึงอย่างไรก็ทำอันใดมิได้อยู่แล้ว
ตอนนี้อันหลิงเกอหมดอารมณ์ความรู้สึกและได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายไปวัน ๆ นางก็รู้สึกดีมากแล้ว ขอเพียงฟางหลิงซู่ส่งยาถอนพิษให้มู่จวินฮานตามเวลา ใจของนางก็ยังสงบได้
แต่นางมิรู้ว่าในความจริงพิษในกายมู่จวินฮานยังทำลายสุขภาพของเขา สิ่งที่ฟางหลิงซู่ส่งให้ก็เป็นเพียงยาบรรเทาพิษและลดความเจ็บปวดเท่านั้น
เฝิงผิงจือกลับถึงตำหนักแล้วยิ่งคิดเท่าไรก็ยังรู้สึกว่าแปลก เนื่องจากสตรีที่ได้เจอในวันนี้คือชายาประมุขเผ่าที่มีนามว่าหลู่เยว่เยว่ นางจึงเข้าใจแล้วว่าเหตุใดไม่เคยพบหลู่เยว่เยว่ที่ถูกเลือกเข้าวังมาก่อนหน้านี้เลย เพราะอีกฝ่ายเอาแต่อยู่ในตำหนักพระชายานี่เอง
เหตุใดฟางหลิงซู่จึงเลือกหลู่เยว่เยว่เป็นพระชายา แล้วยังต้องซ่อนตัวไว้ในส่วนลึกของวังโดยมิให้ผู้อื่นพบเจอด้วย ?
เดิมทีนางเข้าใจผิดว่าชายาประมุขเผ่าผู้นั้นมาจากต้าโจวและใช้นามของหลู่เยว่เยว่มาสวมทับ ด้วยเหตุนี้จึงถูกฟางหลิงซู่ซ่อนเอาไว้เพื่อหวังจะปกป้องจากพวกขุนนางเก่าแก่ ทว่าจากสถานการณ์ในตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าสตรีนางนี้มีใบหน้าของหลู่เยว่เยว่ อย่างแท้จริง
นางนึกถึงสีหน้าและท่าทางในวันนี้ของหลู่เยว่เยว่ก็พบว่าอีกฝ่ายมิใช่คนระงับอารมณ์เก่งและมิใช่คนเย็นชาด้วย แต่สตรีในวันนี้เหมือนจะแตกต่างจากหลู่เยว่เยว่เสียจริง
แต่ถ้าอีกฝ่ายมิใช่หลู่เยว่เยว่แล้วเป็นผู้ใด หลู่เยว่เยว่ตัวจริงไปอยู่ที่ใด ? เฝิงผิงจือเป็นคนฉลาดและหากสงสัยเรื่องใดแล้วก็อยากหาคำตอบให้ได้