ตอนที่ 566 ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน / ตอนที่ 567 น้ำผึ้งอาบยาพิษ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 566 ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน

 

 

เหยียนอวี้ได้คำว่า ‘รบกวน’ ก็รู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในที

 

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นไป๋จิ่งจะสุภาพได้ขนาดนี้เลย ด้วยนิสัยของเหยียนอวี้เขาจึงอดจะแกล้งป่วนไป๋จิ่งไม่ได้ เป็นจังหวะเอาคืนเรื่องที่วันนั้นไป๋จิ่งสะอิดสะเอียนตัวเองพอดี

 

 

ด้วยเหตุนี้เหยียนอวี้จึงยิ้มหัวเราะเบาๆ “ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ผมชอบคุณชอบจนไม่ไหวแล้ว ในเมื่อผมชอบคุณแล้ว คุณยังต้องมีอะไรขอบคุณผมอยู่อีกเหรอครับ”

 

 

ไป๋จิ่งชะงักงันไปครู่หนึ่ง ถลึงตาโตมองเหยียนอวี้ เหยียนอวี้บอกว่าชอบเขาเมื่อไหร่กัน

 

 

“อะไรกัน ลืมกันเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ” เหยียนอวี้เอ่ยอย่างอ้อยอิ่ง “ผมยังจำได้ สองวันก่อนมีคนมาส่งอาหารเช้าให้ผมด้วย ผมยังถามว่าคุณจะลองพิจารณาผมดูไหม”

 

 

ไป๋จิ่งหน้าถอดสีทันที ถ้าเหยียนอวี้ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเองก็ใกล้จะลืมไปหมดแล้ว

 

 

คิดไม่ถึงว่าเหยียนอวี้จะพูดออกมาตอนอยู่กันตรงนี้ได้

 

 

เขารีบหันมองมั่วไป๋ทันที สีหน้ายังคงความตื่นตระหนกนิดหน่อย มั่วไป๋คงจะไม่เข้าใจเขาผิดหรอกใช่ไหม

 

 

เหยียนอวี้เห็นว่าไฟจุดติด เขาก็รีบเติมฟืนใส่เข้าไปทันที “มั่วไป๋ ไป๋จิ่งเอาอาหารเช้ามาให้ฉัน นายคงจะไม่ถือสาหรอกใช่ไหม”

 

 

มั่วไป๋เห็นท่าทางแบบนั้นของเหยียนอวี้แวบแรกก็รู้ได้ในทันใดว่าเขาจงใจแกล้งไป๋จิ่งอยู่

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ มั่วไป๋ก็ชักจะอยากแกล้งไป๋จิ่งสักหน่อยแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำหน้าบึ้งมองใส่ไป๋จิ่ง “นี่มันเรื่องอะไรกัน”

 

 

ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋พูดแบบนี้ เพียงชั่วขณะหนึ่ง เขาก็ลนลานแล้ว รีบเอื้อมมือไปคว้ามือมั่วไป๋อย่างทันควัน “ผมก็ไปแค่ซื้ออาหารเช้า แล้วติดมือมาให้เขาเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นจริงๆ”

 

 

มั่วไป๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แล้วทำไมนายจะต้องซื้ออาหารเช้าให้เขาด้วยล่ะ”

 

 

ไป๋จิ่งงงเป็นไก่ตาแตกแล้ว เอ่อใช่ ทำไมเขาจะต้องซื้ออาหารเช้าให้เหยียนอวี้ด้วย

 

 

เหยียนอวี้เห็นไป๋จิ่งซื่อบื้ออย่างนั้นได้ เขาใกล้จะขำจะตายแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้ทำไมไม่รู้สึกเลยนะว่าไป๋จิ่งหลอกง่ายได้ขนาดนี้

 

 

‘ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกว่าคนคนนี้ซื่อบื้อเป็นพิเศษเลย’

 

 

เหยียนอวี้เองก็เลิกคิ้วมองเขาเช่นกัน “นั่นสิ ทำไมคุณถึงต้องซื้ออาหารให้ผมด้วยล่ะ หรือว่าจะไม่ได้ประสงค์ดีกับผม”

 

 

ไป๋จิ่งอยากร้องไห้ ตัวเองกระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็ชำระได้ไม่สะอาด แล้วจริงๆ

 

 

เขาไม่ได้ทำอะไรสักอย่างจริงๆ ก็แค่ส่งอาหารเช้าให้เฉยๆ แค่นั้นเอง

 

 

ไป๋จิ่งกระอักกระอ่วนใจอยู่ตั้งนานสองนาน เขาเอ่ยขึ้ยอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ก็เป็นเพื่อนกัน จะส่งอาหารเช้าให้ก็เป็นเรื่องธรรมดามากไม่ใช่เหรอ”

 

 

เหยียนอวี้ได้ยินคำพูดนี้ เขาก็กวาดสายตามองไป๋จิ่งด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง “ผมเป็นเพื่อนกับคุณตอนไหนไม่ทราบครับ”

 

 

ไป๋จิ่ง “…”

 

 

“ผมเป็นเพื่อนแค่กับมั่วไป๋ โอเคไหมครับ”

 

 

ไป๋จิ่ง “…”

 

 

‘นี่…เป็นเขาคิดไปเองคนเดียวแล้วเหรอ’

 

 

……

 

 

เหยียนอวี้พูดประโยคนี้จบก็เดินออกไป เหลือไป๋จิ่งกับมั่วไป๋ไว้อยู่ด้วยกันสองคน

 

 

ไป๋จิ่งมองมั่วไป๋ด้วยความตื่นตระหนกอยากจะอธิบาย เขากลัวมั่วไป๋เข้าใจผิดจริงๆ ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็เพิ่งจะคืนดีกัน ถ้าเกิดเข้าใจผิดอะไรขึ้นมา มั่วไป๋โกรธแล้วไม่สนใจเขาแล้วจะทำยังไง

 

 

มั่วไป๋วาดรูปด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่สนใจไป๋จิ่ง

 

 

ไป๋จิ่งยืนอยู่ข้างๆ ร้อนใจจนไม่ไหว เกือบจะมืดแปดด้านแล้ว

 

 

มั่วไป๋เก็บทุกปฏิกิริยาตอบสนองของไป๋จิ่งเอาไว้ในสายตา รู้สึกตลกอย่างไรชอบกล

 

 

เดิมทีแค่อยากจะแกล้งเขาเฉยๆ คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาตอบสนองของไป๋จิ่งจะใหญ่ขนาดนี้ ดูท่าว่าจะยังน่าขบขันได้มากทีเดียว  

 

 

คิดได้เช่นนี้ มั่วไป๋ก็ใจร้ายไม่ฟังคำอธิบายของไป๋จิ่ง

 

 

ไป๋จิ่งมองใบหน้ามั่วไป๋ อดไม่ได้ที่จะอ้าปากจะพูด “มั่วไป๋ คุณฟังผม…”

 

 

มั่วไป๋กวาดสายตามองเขาด้วยท่าทีเรียบเฉย เพียงชั่วพริบตาไป๋จิ่งก็พูดไม่ออกแล้ว

 

 

เห็นเขาไม่พูด มั่วไป๋ถึงได้ดึงสายตากลับมา

 

 

ไป๋จิ่งจะอกแตกตายอยู่ข้างๆ เดิมทีคิดไว้แล้วว่าจะพูดอะไร ผลปรากฏว่ามั่วไป๋มองเขาแบบนั้นจนเขาลืมไปหมดแล้ว

 

 

ไป๋จิ่งอยากร้องไห้ แล้วอยากข่วนผนังด้วย

 

 

ผ่านไปอีกหลายนาที ไป๋จิ่งปลุกใจตัวเองเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ผมกับเหยียนอวี้ไม่ได้เป็นอะไรกัน”

 

 

 

 

ตอนที่ 567 น้ำผึ้งอาบยาพิษ

 

 

           “อืม” มั่วไป๋ขานรับเสียงเรียบๆ

 

 

           ไป๋จิ่งพูดต่ออีก “ผมกับเขาเป็นแค่เพื่อนธรรมดา”

 

 

           “อืม” มั่วไป๋ขานรับอีกครั้ง

 

 

           ไป๋จิ่งกลืนน้ำลายด้วยความตื่นตระหนก “ผมไม่ชอบเขา ผมชอบคุณ”

 

 

           มือมั่วไป๋ที่ถือดินสอวาดรูปอยู่หยุดชะงักไป นิ้วมือเกร็งแน่นพลางเอ่ยเสียงเรียบๆ “น้ำผึ้งอาบยาพิษ?”

 

 

           ไป๋จิ่งเอ่ยด้วยความตื่นตระหนก “ไม่ใช่น้ำผึ้งอาบยาพิษ แต่เป็นคำพูดจากใจ”

 

 

           มั่วไป๋ยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขันไม่เบา ไม่เจอหน้ากันไม่กี่วัน สำบัดสำนวนของไป๋จิ่งยังดีมากทีเดียว ยังรู้จักคำพูดจากใจด้วย

 

 

           “เหยียนอวี้ทั้งหล่อมาก ทั้งเก่งมาก ทั้งยังเป็นแพทย์ฝีมือดีมาก ไม่ว่าจะมองด้านไหน เขาก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก”

 

 

           มั่วไป๋เอ่ยต่อ “แล้วดูฉันสิ นิสัยไม่ดี ยังเป็นคนป่วยอีก เลือกเหยียนอวี้ยังไงก็ดีกว่าฉันไม่ใช่เหรอ”

 

 

           ไป๋จิ่งได้ยินคำพูดพวกนี้ หัวใจใกล้จะต่อต้านจนแหลก

 

 

           เขาคว้ามือมั่วไป๋ไว้ทันที “ในใจผมใครก็ไม่ดีเท่าคุณ”

 

 

           ต่อให้เหยียนอวี้ดีก็เป็นแค่เหยียนอวี้ ต่อให้มั่วไป๋ไม่ได้เป็นอะไร เขาก็ชอบมั่วไป๋อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นมั่วไป๋ก็ดีมาก ดีมากเป็นพิเศษ

 

 

           ดีกว่าเหยียนอวี้อีกด้วยซ้ำ

 

 

           มั่วไป๋ได้ยินประโยคนี้ รู้สึกว่าในใจโล่งสบายไม่เบา แต่เขาก็กดเก็บความดีใจในใจนี้ไว้ พลางเอ่ยถามอีก “งั้นถ้าวันหนึ่งฉันเจอคนที่ดีกว่านาย แล้วฉันอยากจะคบกับเขา จะทำยังไง”

 

 

           ร่างกายไป๋จิ่งตะลึงค้าง ราวกับไม่เคยคิดทบทวนปัญหานี้มาก่อน

 

 

           เมื่อก่อนเขาไม่คิดว่ามั่วไป๋จะชอบคนอื่นได้

 

 

           ในจิตใต้สำนึกของเขา มั่วไป๋ต้องชอบได้แค่เพียงเขาคนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะชอบคนอื่นได้

 

 

           ดังนั้นตอนที่มั่วไป๋เอ่ยถึงปัญหานี้ขึ้นมา เขาถึงได้ตะลึงค้างไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไร

 

 

           มั่วไป๋มองดูใบหน้าที่เงียบงันของไป๋จิ่ง เสียงต่ำเอ่ยถามอีกครั้ง “ถ้าฉันเจอคนที่ชอบ นายจะทำยังไง…

 

 

           …ปล่อยมือ หรือว่าจะไม่ปล่อยมือ”

 

 

           พอไป๋จิ่งได้ยินคำว่า ‘ปล่อยมือ’ สองคำนี้ หัวใจก็บีบคั้นกระตุกวูบทันที

 

 

           เขาเอ่ยโดยไม่คิดอะไรก่อนทั้งสิ้น “ไม่ปล่อยมือ ต่อคุณชอบเขา ผมก็จะปล่อยมือ”

 

 

           ‘นั่นคือมั่วไป๋นะ จะปล่อยมือหลีกทางให้คนอื่นได้ยังไง’

 

 

           มั่วไป๋ได้ยินคำตอบของเขา ก็โล่งใจไปโดยอัตโนมัติ ยังดีที่เขาไม่ได้เลือกปล่อยมือ

 

 

           “ฉันไม่ชอบนาย นายกลับบังคับให้ฉันอยู่ต่อ แบบนี้จะไม่เป็นการบอบช้ำกันทั้งสองฝ่ายหรอกเหรอ”

 

 

           “เมื่อก่อนคุณก็ไม่ชอบผม แต่ตอนนี้คุณชอบ ถ้าต่อไปคุณเปลี่ยนใจแล้ว อย่างมากผมก็แค่ทำให้คุณชอบผมใหม่อีกครั้ง”

 

 

           ไป๋จิ่งพูดไปพลางกุมมือมั่วไป๋ไว้แน่น “ถึงยังไงไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็คบกับผมได้เพียงคนเดียวเท่านั้น”

 

 

           ความเผด็จของเขาทำให้มั่วไป๋ตลกแล้ว

 

 

           คำพูดนี้ถ้าเป็นคนอื่นมาพูด มั่วไป๋คงจะรู้สึกว่าคนคนนั้นต้องเพี้ยนไปแล้ว คำพูดที่หน้าไม่อายแบบนี้ก็พูดออกมาได้

 

 

           แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอไป๋จิ่งเป็นคนมาพูด มั่วไป๋ก็รู้สึกว่ามีความน่ารักอย่างบอกไม่ถูก

 

 

           แท้จริงแล้วการชอบคนคนหนึ่ง ในแววตาจะมีฟิลเตอร์มาเองด้วย

 

 

           ชอบไป๋จิ่งแล้ว รู้สึกว่าคำพูดจะดูเด็กน้อยแค่ไหน เขาก็ฟังได้อย่างมีความสุขมาก

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋ยิ้มก็รีบถามต่อทันที “เป็นยังไงบ้าง คุณเชื่อผมแล้วใช่ไหม”

 

 

           มั่วไป๋กวาดสายตามองเขาแวบหนึ่งด้วยท่าทีเรียบเฉย “เชื่ออะไรของนาย”

 

 

           ไป๋จิ่งเอ่ย “เชื่อว่าผมกับเหยียนอวี้ไม่ได้เป็นอะไรกันไง”

 

 

           มั่วไป๋เอามือกดที่หัวของตัวเอง รู้สึกว่าสมองของไป๋จิ่งมีฟองสบู่อยู่ใช่ไหม ตัวเองไม่ได้พูดแล้ว เขายังจะแกล้งโง่ต่อไปอีก

 

 

           ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มั่วไป๋ก็จะทำให้ไป๋จิ่งผิดหวังไม่ได้

 

 

           ด้วยเหตุนี้มั่วไป๋จึงมองเขาแวบเดียวด้วยสายตาเย็นชา ไม่พูดสักคำ

 

 

           ‘ดีเลย’ เดิมทีบรรยากาศก็ปรองดองกันดีแล้ว เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ตกต่ำถึงขั้นสุดจนได้

 

 

           ไป๋จิ่งจะอกแตกตายอยู่ข้างหลัง แต่ก็ไม่กล้าพูดต่อ ทำได้เพียงนั่งเฉยๆ อยู่บนเก้าอี้นั่ง จ้องมองมั่วไป๋ตาปริบๆ