เรือเหาะ Vs เบเฮโมทแสงดาว

“เขาทำลายโดเมนของบอสและปราบปรามมันได้ทั้งๆแบบนี้เลยเนี่ยนะ ?”

“เขาทำอะไรกัน ?”

คริมสันวิชนั้นไม่ใช่ผู้เล่นเพียงแค่คนเดียวที่ตกตะลึง เมื่อได้เห็นโดเมนของเบเฮโมทแสงดาวหายไป ทุกคนนั้นก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเช่นกัน พวกเขานั้นไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าซือเฟิงจะมีความสามารถในการทำแบบนี้ได้ด้วย

ผู้เล่นในปัจจุบันนั้นไม่สามารถจะเทียบอะไรกับโดเมนขั้นสี่ได้เลย แม้ว่ามหาอำนาจบางส่วนจะพยายามใช้ม้วนคัมภีร์สกิลโดเมนขั้นสี่ต่อสู้กับโดเมนแบบนี้ของบอส หรือ NPC ที่พวกเขาต้องเผชิญหน้า แต่พวกเขาก็แทบจะทำอะไรกับโดเมนที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิตขั้นสี่ไม่ได้เลย และม้วนคัมภีร์สกิลโดเมนขั้นสี่บางม้วนนั้นก็อ่อนแอกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผู้ใช้บางส่วนก็จบลงที่ถูกปราบปรามลงด้วยโดเมนของศัตรูเช่นเดิม

ในทางตรงกันข้าม ซือเฟิงไม่เพียงแต่จะทำลายโดเมนของเบเฮโมทแสงดาวลงได้ แต่ยังปราบปรามบอสผู้พิทักษ์ได้ด้วย นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!

เมื่อโลกจิ๋วถูกเปิดใช้งาน เบเฮโมทแสงดาวที่อยู่ในระหว่างการบินนั้นก็หยุดชะงักลงชั่วคราว ก่อนที่มันจะคำรามออกมาด้วยความโกรธ และร่างกายของมันนั้นก็เริ่มเปล่งแสงแพรวพราว โดยมันพยายามที่จะทำการใช้โดเมนของตัวเองอีกครั้งเพื่อทำลายโลกจิ๋วลงไป และทำให้ตัวเองเป็นอิสระ แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเบเฮโมทแสงดาวจะดิ้นรนมากขนาดไหน มันก็ไม่สามารถจะหนีไปจากผลของโลกจิ๋วได้

การควบคุมมานาเองก็ยังมีผลอย่างมากต่อไอเทมเวทย์มนต์งั้นหรอ ?! ผลลัพธ์ของโลกจิ๋วนั้นทำให้ซือเฟิงตกตะลึง เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่าแหวนแห่งกอสเปลของเขาจะปราบปรามลอร์ดแห่งดินแดนได้มากขนาดนี้

เครื่องมือทั้งหมดนั้นจะใช้ไม่ได้ผลกับพวกบอสโลกเลย และผู้เล่นจำเป็นจะต้องพึ่งพาพลังของตัวเองทั้งหมด อย่างไรก็ตามเบเฮโมทแสงดาวนั้นไม่ใช่บอสโลก ผู้เล่นจึงสามารถจะใช้เครื่องมือเพื่อต่อร้านและปราบปรามมันได้ ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน เนื่องจากผู้เล่นนั้นไม่สามารถจะใช้สกิลเบอเซิกร์ในหุบเขาดาวได้

เขานั้นเคยใช้โลกจิ๋วเพื่อปราบปรามมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายตัวอื่นๆมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาได้ร่างมานามา เขาก็ยังไม่ได้แหวนแห่งกอสเปลเลย

พอมาตอนนี้เขานั้นกลายเป็นปรมาจารย์นักเวทย์แล้ว เขาจึงมีความเข้าใจมากขึ้เกี่ยวกับระบบการทำงานในวงเวทย์ของแหวนแห่งกอสเปล ดังนั้นเขาจึงสามารถอัดมานาที่เข้มข้นบางส่วนเพิ่มเข้าไปในวงเวทย์ได้

ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้มันจะทรงพลังมากขนาดนี้ !!!

เป้าหมายเดียวของเขาตอนแรกคือการทำลายโดเมนของเบเฮโมทแสงดาวเท่านั้น เขานั้นไม่ได้หวังเลยว่าโลกจิ๋วจะช่วยปราบปรามบอสตัวนี้ได้ด้วย และตอนนี้แหวนแห่งกอสเปลนั้นก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันมีประสิทธิภาพมากกว่าก่อนหน้านี้ที่เขาเคยใช้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้ามากๆ

แน่นอนว่าหลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ซือเฟิงก็พบว่ามันสมเหตุสมผล

เขาได้อัพเกรดแหวนแห่งกอสเปลให้กลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานแล้ว และพลังของโลกนั้นก็แข็งแกร่งกว่าโดเมนอยู่แล้ว ดังนั้นในตอนนี้เมื่อเขาใช้พลังของโลกจิ๋วได้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวก็ตาม โดเมนขั้นสี่จึงเทียบเขาไม่ติด ซึ่งแม้แต่เบเฮโมทแสงดาวก็ไม่สามารถจะต้านทานพลังนี้ได้เช่นกัน และก็จะทำได้แค่เฝ้าดูเท่านั้นในขณะที่พลังนี้ปราบปรามค่าสถานะพื้นฐานของมันลง

หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่ชั่วครู่ ซือเฟิงก็ได้หันกลับมาสนใจการต่อสู้ ก่อนที่เขาจะมองลงไปยังแม๊คอาฟรี่ที่อยู่เบื้องล่างของเรือเหาะ

“รองผู้บัญชาการอาฟรี่ เตรียมตัวต้อนรับพวกมอนสเตอร์ พยายามทำให้กองทัพมอนสเตอร์ฝูงนี้ช้าลงให้มากที่สุด โดยเฉพาะมอนสเตอร์ที่บินได้ ฉันจะจัดการกับบอสเอง” ซือเฟิงตะโกน

“นี่ …” แม๊คอาฟรี่นั้นอดไม่ได้ที่จะลังเล ขณะที่เขาหันหลังกลับไปมองกองทัพมอน
สเตอร์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายธาตุด้านหลังของเขา

โดยไม่ต้องคำนึงถึงพวกลอร์ดบอส กองทัพนี้นั้นประกอบไปด้วยแกรนลอร์ดเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบ มากกว่าหนึ่งร้อยตัว และแม้จะไม่มีโดเมนของเบเฮโมทแสงดาวในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับสิ่งมีชีวิตสายธาตุเหล่านี้ แต่การจะหยุดแกรนลอร์ดเลเวลสูงจำนวนมากขนาดนี้นั้น มันก็ยังเป็นเรื่องยากมากอยู่ดีสำหรับกองกำลังสิงโตเงินแปดพันคน และมันก็มีเพียงแค่ผู้เล่นขั้นสามเท่านั้นที่สามารถจะแท๊งมอนสเตอร์เหล่านั้นได้ ขณะที่กองกำลังมีผู้เล่นขั้นสามอยู่ราวหกสิบคนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่แม๊คอาฟรี่จะทันได้พูดไปมากกว่านี้ ซือเฟิงก็ได้จ่ายคริสตัลเวทย์มนต์ให้แหวนแห่งกอสเปลอีกครั้ง เพื่อเปิดใช้งานสกิล Ring of Brilliance

ทันใดนั้นทุกคนในรัศมีสองพันหลาก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่สบายและน่าพึงพอใจ โดยนี่มันช่วยเพิ่มขีดความสามารถและประสาทสัมผัสของพวกเขาอย่างมาก และมันก็ทำให้ค่าสถานะพื้นฐานเพิ่มขึ้นยี่สิบเปอเซ็นต์ พร้อมกับร่างกายทางกายภาพที่ดีขึ้นอีกยี่สิบเปอเซ็นต์ด้วย ซึ่งนี่มันนับว่าช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาขึ้นค่อนข้างมากเลยทีเดียว

เขามีเครื่องมือเพิ่มความแข็งแกร่งแบบโดเมนด้วยงั้นหรอ ? คริมสันวิชนั้นรู้สึกตกตะลึงมากจริงๆ เมื่อสังเกตเห็นถึงบัฟที่กองกำลังสิงโตเงินได้รับมา

เธอนั้นพบว่ามันไม่น่าเชื่อเลยจริงๆว่าซือเฟิงจะมีทั้งเครื่องมือปราบปราม และเครื่องมือเพิ่มความแข็งแกร่งแบบโดเมน โดยปกตินั้นมหาอำนาจกลุ่มหนึ่งจะนับว่าโชคดีมากแล้วหากมีเครื่องมือแบบนี้สักชิ้น แต่ซือเฟิงกับมีทั้งสอง ….

“นี่พอจะช่วยได้ไหม ?” ซือเฟิงถาม

แม้แต่ซือเฟิงนั้นก็ไม่ได้มีวิธีที่ดีมากนักในการจะเผชิญหน้ากับกองทัพมอนสเตอร์ที่เป็นสิ่งที่มีชีวิตสายธาตุที่มากันเป็นฝูงจำนวนมากแบบนี้ แถมเขาก็ยังมีสัญญากับเผ่าศักสิทธิ์อยู่ด้วยว่าหากกองกำลังสิงโตเงินสูญเสียมากเกินกว่าสามสิบเปอเซ็นต์ พวกเขาก็จะสามารถล่าถอยได้

อย่างไรก็ตาม หากแม๊คอาฟรี่คิดว่าพวกเขาไม่มีความหวังที่จะชนะเลยตั้งแต่แรก เขาจะเลือกยอมแพ้ก่อนเรื่องนั้นจะเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งนั่นไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ซือเฟิงต้องการ

“ฉันไม่สามารถรับประกันได้ แต่ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุด …” แม๊คอาฟรี่กล่าวพลางพยักหน้า เมื่อเขารู้สึกได้ถึงผลของสกิล Ring of Brilliance เขาจึงจะได้เลือกที่จะกัดฟันสู้

หากกองกำลังสิงโตเงินถอยกลับไปโดยไม่ต่อสู้ หลังจากที่ซือเฟิงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ทั้งกองกำลังสิงโตเงินและเผ่าศักสิทธิ์จะต้องอับอายขายขี้หน้า ดังนั้นตอนนี้ แม้ว่าเขาจะเสี่ยงกับการต้องสูญเสียอย่างรุนแรง แต่เขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหยุดยั้งเหล่ามอนสเตอร์ที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายธาตุทั้งหมดที่เข้ามา

“ดี !!! ฉันขอฝากเรื่องนี้ไว้กับคุณด้วย !!! ส่วนบอสผู้พิทักษ์ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง !!!” ซือเฟิงพอใจอย่างมาก เมื่อเขาเห็นว่าแม๊คอาฟรี่นั้นดูมุ่งมั่นในการต่อสู้ครั้งนี้ ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากจริงๆที่กองกำลังสิงโตเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของเผ่าศักสิทธิ์เต็มใจจะช่วยเหลือเขา

จากนั้นซือเฟิงก็ขับเรือเหาะมุ่งตรงเข้าหาเบเฮโมทแสงดาว

“อะไรกัน ? นี่พวกเขาตั้งใจจะท้าทายเบเฮโมทแสงดาวจริงๆงั้นหรอ ?!”

ทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อพวกเขาเห็นเรือเหาะแล่นเข้าใกล้บอสผู้พิทักษ์

บนอากาศนั้นเรือเหาะจัดว่ามีพลังในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่นั่นมันก็เป็นความจริงแค่เฉพาะเวลาที่เรือเหาะต่อสู้กับวัตถุด้วยกันหรือผู้เล่นเท่านั้น มันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสู้กับมอนสเตอร์

แต่ตอนนี้ทีมของซือเฟิงกับเลือกจะใช้เรือเหาะเข้ารับมือกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายประเภทโดเมน พวกเขาบ้าไปแล้ว !!!

แม้จะถูกทำลายโดเมนไป และถูกปราบปรามค่าสถานะพื้นฐานทำให้ลดลงไปจากเดิมยี่สิบเปอเซ็นต์ แต่เบเฮโมทแสงดาวนั้นก็แข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปมาก ซึ่งตอนนี้มันก็ยังมี HP อยู่ถึง 3.2 พันล้าน ซึ่งมันมากเกินพอจะทำให้ผู้เล่นในปัจจุบันสิ้นหวังเลย

ในขณะที่เหล่าสมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินกำลังพิจารณาถึงโอกาสในการรอดชีวิตของเรือเหาะ อควาโรสก็ยกคทาของเธอขึ้นจากดาดฟ้าของเรือเหาะมังกรสีเลือด และเริ่มร่ายเวทย์

ทันใดนั้นวงเวทย์ที่ซ้อนทับกันสองชั้นก็เริ่มปรากฎขึ้นรอบๆเบเฮโมทแสงดาว
สุดยอดเวทย์ขั้นสาม Sea God’s Grasp!

ภายใต้คำสั่งของอควาโรส มันก็มีโซ่น้ำปรากฎขึ้นรอบๆและพุ่งเข้ามัดตัวเบเฮโมทแสงดาวไว้ไม่ให้ขยับไปไหน

“ดี !! ยิงปืนใหญ่ !!” ซือเฟิงออกคำสั่ง

ทันทีที่ซือเฟิงออกคำสั่ง ปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ก็เริ่มรวบรวมมานาจำนวนมหาศาลโดยรอบเข้ามา จากนั้นมันก็ยิงลำแสงสีขาวที่มีรัศมีปกคลุมพื้นที่สองร้อยหลาเข้าใส่หัวของบอสผู้พิทักษ์

ตู้ม !!

เมื่อลำแสงนี้ปะทะเข้ากับหัวของเบเฮโมทแสงดาว ป่าเบื้องล่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และสมาชิกของกองกำลังสิงโตเงินนั้นก็แทบจะยืนไม่อยู่เลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคลื่นกระแทก แม้จะอยู่ห่างออกมาหลายร้อยหลาก็ตาม ….

เมื่อลำแสงสีขาวจางหายไป มันก็เผยให้เห็นปล่องภูเขาไฟขนาดมหึมาในป่าทึบก่อนหน้านี้ และมันไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่ในบริเวณนี้ ก่อนที่ร่างขนาดมหึมานั้นจะร่วงตกลงมาจากท้องฟ้าลงไปในหลุม และทำให้เกิดเศษฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วในอากาศ

ซึ่งร่างขนาดมหึมานี้ก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเบเฮโมทแสงดาวที่ถูกมัดตัวไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวได้