ตอนที่ 492 ฉันไม่ใช่แม่หมูนะ / ตอนที่ 493 เคยเจอกันแล้ว

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 492 ฉันไม่ใช่แม่หมูนะ

 

 

           “ใช่ แขกที่มาเป็นมกุฎราชกุมารของประเทศเล็กๆ ในยุโรป เราเตรียมจะเจรจาธุรกิจเหมืองแร่ด้วยกันน่ะ” เขาตอบอย่างลื่นไหล ความจริงเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดที่แพร่งพรายให้คนนอกรู้ไม่ได้เด็ดขาด ชัดเจนว่าเฉียวซือมู่ไม่ใช่คนนอกสำหรับเขา

 

 

           เธอตอบ “อืม” เบาๆ โดยไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาบอกสักนิด พยายามคิดหาวิธีถามให้ได้ว่าเขาพาเจียงจื่อเสียนไปด้วยหรือไม่ แต่พอคิดดูอีกทีก็ได้แต่หัวเราะเยาะตนเอง เขาพาไปด้วยแล้วอย่างไร ไม่พาไปด้วยแล้วอย่างไร? เธอเข้าไปยุ่งได้ด้วยหรือ?

 

 

           นั่นมันงานของเขานะ

 

 

           คิดๆ แล้วก็ได้แต่กลืนคำถามของตนลงคอ

 

 

           จิ้นหยวนไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ยังคงพูดเจื้อยจ้าว “ถ้าคว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้ได้ จิ้นซื่อ กรุ๊ป ของเราก็จะก้าวไกลไปอีกขั้น ถึงตอนนั้น การบุกตลาดยุโรปก็คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป…”

 

 

           เขาพูดอย่างตื่นเต้น เต็มไปด้วยมาดของคนที่ประสบความสำเร็จ ท่าทางของเขาทำให้หัวใจไม่รักดีของเธอเต้นตึกตัก

 

 

           เธอสูดหายใจลึก พยายามสลัดภาพเขาออกจากความคิด พอชายตาขึ้นมองถึงได้รู้ว่าพวกเธอเดินไปถึงโต๊ะอาหารแล้ว และสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากก็คือ เธอคิดว่าฉินเพ่ยหรงต้องนั่งรอพวกเธออยู่ที่โต๊ะอาหารแน่ แต่ตอนนี้กลับไร้เงาของฉินเพ่ยหรงเสียอย่างนั้น

 

 

           ฉินเพ่ยหรงหายไปไหน?

 

 

           เธอชายตาขึ้นมองจิ้นหยวน เขายิ้มบางๆ พลางตอบ “คุณพ่อตามตัวน่ะ คุณแม่ก็เลยกลับไปแล้ว”

 

 

           “เหรอคะ?”

 

 

           เธอแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาบอก ตอนที่ฉินเพ่ยหรงมาที่นี่ก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าจัดการทุกอย่างที่บ้านเรียบร้อยแล้วมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงยอมกลับไปเสียแล้วล่ะ?

 

 

           จิ้นหยวนยิ้มเจ้าเล่ห์ หากแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

 

 

           วิธีที่เขาใช้กับคุณแม่นั้นไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ ไม่พูดออกไปน่าจะเป็นการดีกว่า

 

 

           ความจริง หลังจากเขารับรู้ว่าวันนี้เฉียวซือมู่ต้องเจอกับอะไรบ้าง เขาก็ตัดสินใจเปิดอกคุยกับฉินเพ่ยหรงทันที ฉินเพ่ยหรงสามารถมาช่วยดูแลภรรยาของเขาน่ะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด แต่ห้ามเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขาอีก และห้ามทำของแปลกๆ ให้เธอกินด้วย มิเช่นนั้น บ้านนี้จะไม่ต้อนรับฉินเพ่ยหรงอีก

 

 

           ฉินเพ่ยหรงไม่พอใจมากอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ จิ้นหยวนเป็นคนแข็งกร้าวและใช้อำนาจในบ้านจนเคยชิน ต่อให้เธอไม่พอใจอย่างไรก็คัดค้านเขาไม่ได้

 

 

           เฉียวซือมู่ได้ยินแล้วรู้สึกดีใจมาก ในที่สุดเธอก็หลุดพ้นเสียที เธอคงต้องขอยืมคำศัพท์สุดฮิตที่ชาวสังคมออนไลน์ใช้กันบ่อยๆ มาอธิบายความรู้สึกของตนในยามนี้ นั่นก็คือสาแก่ใจยิ่งนัก

 

 

           เธอดีใจมากจนกินข้าวมากกว่าเดิมตั้งครึ่งถ้วย จิ้นหยวนเห็นแล้วก็พลอยดีใจมากตามไปด้วย หลังอาหาร ทั้งสองกลับขึ้นห้องเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน แต่จิ้นหยวนยังไม่ยอมเอามือออกจากหน้าท้องเธอเสียที

 

 

           เธอพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “คุณทำอย่างนี้แล้วฉันจะนอนหลับได้ยังไงคะ?”

 

 

           เขาเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจคำพูดเธอสักนิด “คุณก็นอนของคุณ ส่วนผมก็ลูบของผมไง”

 

 

           “คุณ…” เธอชักโมโหนิดๆ จับมือเขาออก “คุณทำแบบนี้ฉันนอนไม่หลับหรอกค่ะ”

 

 

           “ผมแค่อยากสัมผัสลูกชายบ้าง” เขาเอ่ยหน้าตาน่าสงสาร

 

 

           “คำก็ลูกชาย สองคำก็ลูกชาย พวกเห็นลูกชายสำคัญกว่าลูกสาว ฉันล่ะอยากจะได้ลูกสาวจริงๆ” เธอจ้องเขาตาเขียวปั๊ดอย่างไม่สบอารมณ์ พยายามถ่ายทอดความไม่พอใจให้เขาได้รับรู้ แต่เธอที่อยู่ในชุดนอนสีชมพูหวานแหวว ปล่อยผมยาวกระจายเต็มหลัง ใบหน้าแดงระเรื่อ ท่าทางน่ารักมากจนดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด ตรงกันข้าม จิ้นหยวนกลับรู้สึกว่าเธอดูเย้ายวนใจมากอย่างบอกไม่ถูก

 

 

           เขาสูดหายใจลึก กระแอมเบาๆ พยายามสลัดความต้องการที่อยากจะโถมกายทับร่างนุ่มนิ่มของเธอออกจากหัว และพยายามไม่สนใจร่างกายท่อนล่างที่กำลังเรียกร้องอย่างหนักของตน “ลูกชายสิดี จะได้ปกป้องน้องชายน้องสาวของตัวเองไง”

 

 

           “ยังจะน้องชายน้องสาวอีก คุณเห็นฉันเป็นแม่หมูหรือไง?”

 

 

 

 

ตอนที่ 493 เคยเจอกันแล้ว

 

 

           เขาหัวเราะเบาๆ เสียงทุ้มต่ำและแหบพร่าฟังไพเราะเสนาะหูอย่างบอกไม่ถูก “คุณเป็นแม่หมู แต่เป็นแม่หมู่ที่สวยที่สุดเลยนะ”

 

 

           เธอได้ยินแล้วขมวดคิ้วด้วยความโมโห ยกกำปั้นเล็กๆ ขึ้นหมายจะทุบเขา แต่กลับถูกเขารวบมือเธอเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย เธอกำลังจะประท้วงเขา พอชายตาขึ้นพลันเห็นใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้

 

 

           “อื้อ…”

 

 

           ริมฝีปากแดงเรื่อของเธอยังไม่ทันจะได้เปล่งคำประท้วงออกมา กลับถูกเขาฝังจุมพิตลงบนกลีบปากเธออย่างแนบแน่น…

 

 

           ขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ถอนจุมพิตออกอย่างกะทันหัน พลิกตัวไปนั่งสูดหายใจอย่างแรงอยู่ข้างๆ

 

 

           สมองเธอมึนเบลอและว่างเปล่า เห็นท่าทางเขาแล้วรู้สึกแปลกใจมาก จึงมองเขาด้วยดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “อาหยวน…”

 

 

           “อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้…” ได้ยินเสียงอ่อนหวานของเธอแล้วเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีก จนเกือบจะยับยั้งชั่งใจไม่ได้ จึงต้องรีบเอ่ยขัดเธอเสียก่อน

 

 

           แต่เสียงดุๆ ของเขากลับทำให้เธอทำหน้าเหมือนได้รับบาดเจ็บไม่มีผิด

 

 

           เธอเบ้ปากน้อยๆ ค่อยๆ ผยุงตัวลุกขึ้นนั่ง จัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้เข้าที่เรียบร้อย “คุณเป็นอะไรไปคะ?”

 

 

           น้ำเสียงผิดหวังเล็กๆ นั่นทำให้หัวใจเขากระตุกวูบ

 

 

           “ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน” เอ่ยพลางเอามือเธอออก หมุนตัวลุกออกจากเตียงทันที

 

 

           เธอลอบถอนใจในอก รู้สึกตื้นตันใจมาก

 

 

           ในเวลาเช่นนี้ ชายหนุ่มที่สามารถอดทนต่อความต้องการได้นั้นถือว่าเก่งมากแล้ว การปฏิเสธทั้งๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีคนเว้าวอนอย่างแสนเย้ายวนใจเช่นนี้ด้วยแล้ว ย่อมแสดงว่าเขาเป็นคนที่สามารถควบคุมอารมณ์ความต้องการของตนได้อย่างดีเยี่ยม

 

 

           เธอครุ่นคิดไปมาพลางนั่งรอเขาอยู่บนเตียงพลาง แต่รออยู่นานสองนานเขาก็ไม่ยอมออกจากห้องน้ำเสียที จนกระทั่งเธอค่อยๆ ผลอยหลับไป

 

 

           จิ้นหยวนออกมาจากห้องน้ำอีกทีก็เห็นเธอหลับสนิทไปแล้ว เธอหลับตาแน่น ลมหายใจสม่ำเสมอ ใบหน้าแดงระเรื่อเย้ายวนใจ ริมฝีปากเผยอน้อยๆ ราวกลีบดอกไม้ที่รอให้คนไปเชยชม สองแขนขาวนวลเนียนอยู่นอกผ้าห่ม ผมดำเป็นประกายเงางาม ยามนี้เธอดูงดงามราวกับปีศาจแสนสวยในภาพสีน้ำมัน

 

 

           เฉียวซือมู่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง วันถัดมา เธอตื่นขึ้นอย่างสดชื่นแจ่มใส แต่จิ้นหยวนก็ออกไปทำงานแล้ว

 

 

           ที่นอนข้างๆ เย็นเยียบ ไม่รู้ว่าเขาลุกออกจากเตียงไปตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

           เธอคิดๆ แล้วรู้สึกว่าชีวิตในตอนนี้ของเธอนั้นไม่แตกต่างจากแม่หมูสักนิด วันๆ เอาแต่กินกับนอนเท่านั้น…

 

 

           เธอจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เมื่อคิดได้ว่าวันนี้ต้องเจอหน้าฉินเพ่ยหรงอีกแล้ว มันทำให้เธอหมดอารมณ์ทันที

 

 

           แต่สิ่งที่ทำให้เธอต้องประหลาดใจมากก็คือ ฉินเพ่ยหรงไม่ได้มาที่บ้าน

 

 

           เธอรู้สึกประหลาดใจมาก รีบโทรศัพท์ไปถามจิ้นหยวนเพื่อความแน่ใจทันที และได้รับคำตอบจากเขาว่าที่บ้านมีธุระ ช่วงนี้ฉินเพ่ยหรงคงไม่มีเวลามาที่บ้านอีกหลายวัน

 

 

           นั่นทำให้เธอดีใจมาก รู้สึกว่าตนคงจะหลุดพ้นจากฉินเพ่ยหรงแน่แล้ว

 

 

           แต่เธอดีใจได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้นก็เห็นฉินเพ่ยหรงมาปรากฏตัวที่บ้านเหมือนเดิม เธอยังคงมาที่บ้านช่วงเที่ยงอย่างตรงต่อเวลา คอยจับตาดูแม่ครัวเตรียมอาหาร และยังคอยควบคุมให้เธอกินข้าวจนหมด เพียงแต่ตอนนี้ฉินเพ่ยหรงไม่กล้าปรุงยาบำรุงให้เธอดื่มอีกแล้ว ตอนนี้เธอจึงรับประทานแต่อาหารเพื่อสุขภาพที่จิ้นหยวนจ้างนักโภชนาการมาดูแลเรื่องอาหารให้เธอเป็นพิเศษเท่านั้น จึงทำให้ฉินเพ่ยหรงแทรกอะไรไม่ได้อีก

 

 

           เธอรู้สึกโล่งอกมาก เพราะฉินเพ่ยหรงถูกริบอำนาจจนเกือบหมด จนกลายเป็นแค่แขกธรรมดาเท่านั้น

 

 

           กระนั้น เธอกับฉินเพ่ยหรงก็เหมือนขมิ้นกับปูนที่ไม่มีวันเข้ากันได้

 

 

           เธอรู้สึกอึดอัดมาก และดูเหมือนว่าฉินเพ่ยหรงเองก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกัน

 

 

           ดังนั้น วันหนึ่ง ฉินเพ่ยหรงจึงไม่ได้มาที่นี่คนเดียว แต่พาใครบางคนมาด้วย

 

 

           เจียงจื่อเสียนนั่นเอง

 

 

           เธอเห็นหน้าเจียงจื่อเสียนแล้วรู้สึกไม่สบายไปทั้งเนื้อทั้งตัวทันที

 

 

           ตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกเอือมระอาฉินเพ่ยหรงมากขนาดนั้นแล้ว แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าฉินเพ่ยหรงกลับพาคนที่เธอไม่ชอบหน้าที่สุดมาที่นี่ด้วย เธอโมโหจนอยากจะหมุนตัวเดินหนีดื้อๆ ให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ

 

 

           แต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เธอเป็นเจ้าบ้าน ไม่มีเหตุผลไม่ออกมาต้อนรับขับสู้แขกผู้มาเยือนให้เสียมารยาท หากเธอทำเช่นนั้นจริง แล้วเจียงจื่อเสียนจะคิดเช่นไร

 

 

           สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจมาตลอดก็คือ ไม่ว่าจิ้นหยวนจะคิดอย่างไรก็ตาม แต่เจียงจื่อเสียนจะต้องคิดไม่ซื่อต่อสามีของเธอเป็นแน่ ไม่ต้องได้ยินจากปากอีกฝ่ายเองหรอก แค่ดูจากสีหน้าของเธอในรูปถ่ายก็รู้แล้วว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา

 

 

           เจียงจื่อเสียนคนนี้ไม่ธรรมดาแน่!

 

 

           เธอแอบคิดในใจเงียบๆ แต่สีหน้ากลับราบเรียบ เธอลุกขึ้นเดินไปต้อนรับพวกเธอพลางเอ่ย “คุณแม่มาแล้วเหรอคะ แล้วคนนี้…”

 

 

           เธอสังเกตเห็นสายตาไม่เป็นมิตรที่มองมายังตนเองในทันที เพราะกำลังโมโหอยู่แท้ๆ ทั้งๆ ที่รู้จักเจียงจื่อเสียนแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเสียอย่างนั้น

 

 

            วันนี้ฉินเพ่ยหรงเองทำตัวแปลกๆ เห็นท่าทางเธอแล้วยังอุตส่าห์แนะนำสองสาวให้รู้จักกันจริงๆ “มู่มู่ หนูคนนี้ชื่อเจียงจื่อเสียน พวกเธอเคยเธอกันแล้วนี่ เธอลืมไปแล้วเหรอ?”