ตอนที่ 206 จีเฉวียน.......ตกลงแล้วเขาเป็นอะไรกันแน่?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตู๋กูซิงหลัน “!!! ” ข่าวเล่าลือสองสามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนางและฮ่องเต้ในเมืองหลวง ถูกแพร่กระจายมาไกลถึงเมืองลี่โจวเชียวหรือ? 

 

 

” พวกสาวใช้ในตำหนักของหรานอ๋องเล่ากันอย่างมีสีสันเลยทีเดียว เรื่องที่เจ้าบังคับจูบฮ่องเต้เอย กอดฝ่าบาทจะเข้านอนเอย แต่ละเรื่องราวกับว่าได้เห็นมาด้วยตาของตนเองอย่างไรอย่างนั้น ” ตู๋กูเจวี๋ยไม่ลืมที่จะอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียดละออ 

 

 

ว่ากันตามจริงแล้ว ตอนแรกที่เขาได้ยินเรื่องพวกนี้มาก็ยังไม่ค่อยเชื่อถือสักเท่าไหร่ เนื่องเพราะว่าน้องเล็กนั้นเคยรักจีเย่ว์จะเป็นจะตาย เขาที่เป็นพี่ชายย่อมรู้อย่างชัดเจน 

 

 

แต่พอได้เห็นสายตาของนางในวันนี้ เขาถึงได้เชื่อถือข่าวลือพวกนั้นขึ้นมาบางส่วน 

 

 

ทำไมนอกจากบุรุษแซ่จีแล้ว น้องเล็กถึงได้ไม่ถูกอกถูกใจคนอื่นเสียบ้าง? 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ชาตินี้นางไม่มีบุรุษไปทั้งชาติ เขาและพี่ชายใหญ่ก็สามารถจะเลี้ยงดูนางให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ได้อยู่แล้ว จะต้องหาบุรุษอื่นมาให้ลำบากทำไม? 

 

 

แต่เมื่อเขาคิดดูอีกทางหนึ่ง ขอเพียงน้องเล็กชื่นชอบ ต่อให้เป็นเทพเซียนในสวรรค์ชั้นเก้า พวกเขาก็จะคิดหาหนทางจับลงมาให้นางให้ได้! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันได้แต่กุมหน้าผากเอาไว้ ในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ เขากลับมาพูดเรื่องนี้อยู่ได้มันจะดีหรือ? 

 

 

” พี่รอง ข้ารู้สึกว่าชือหลีจะเมตตาท่านมากไปแล้ว ” ตู๋กูซิงหลันหันไปตอบเขาประโยคหนึ่ง นางมิได้รู้สึกสงสารพี่รองของตนเองเลยสักนิด คนผู้นี้ดื่มแต่น้ำกินแต่หญ้ามาครึ่งเดือน ยังคงมีเรี่ยวแรงดีไม่มีเสื่อม ส่วนนางกลับกลุ้มอกกลุ้มใจแทนเขามาตั้งนาน วิ่งมาถึงลี่โจวด้วยทางไกลกว่าพันลี้ ยังต้องมาถูกเขากระแนะกระแหนอีก 

 

 

ทั้งที่เป็นพี่น้องกันแท้ๆ ทำไมถึงได้ไม่ได้มาทางเดียวกับพี่ใหญ่เลยสักนิด? 

 

 

ในความคิดของตู๋กูซิงหลัน พี่รองไม่นับว่าเป็นยอดยุทธ์ในที่ใด เขาเป็นพวกบุรุษชุดขาวที่บอบบางและพลิ้วไหว ใช้ชีวิตล่องลอย แลดูสูงส่งดั่งเซียนวิเศษ 

 

 

หากจะดูแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก เขาก็นับเป็นยอดบุรุษรูปงามจริงๆ 

 

 

แต่พอเปิดปากขึ้นมา ภาพลักษณ์ของเซียนหนุ่มก็มลายหายไปจนหมด 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ยรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าหัวใจถูกทิ่มแทงไปดาบหนึ่ง น้องเล็กช่างใจร้าย 

 

 

……………………………….. 

 

 

ที่ด้านนอก งูยักษ์ถูกกำหราบจนอยู่หมัดแล้ว จีหรานเองก็ไร้หนทางจะหลบหนี 

 

 

ชือหลีเองก็คอยมองออกมาจากด้านในอาราม เวลาผ่านมาก็นานหลายปีแล้ว พอมองเห็นชายหญิงคู่นี้ถูกลงโทษเข้าจริงๆ ในใจของนางกลับไม่ได้รู้สึกยินดีขึ้นมาเลยสักนิด 

 

 

” พี่สาว ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของข้า ขอท่านได้โปรดเห็นแก่ความผูกพันในตอนนั้น ช่วยชีวิตหรานเถอะ ” ยามนี้ งูยักษ์เอาแต่จดจ้องมาที่นาง ใช้กระแสจิตส่งเสียงมาหานาง 

 

 

” ข้ากับหรานมีรักแท้ต่อกัน ทำร้ายท่านแล้ว ข้าเองก็เจ็บปวดเช่นกัน ” ดวงตาสีเขียวของงูยักษ์คู่นั้นมีน้ำตารินไหลออกมา ” ท่านไม่ได้รักเขาจริงสักนิด แต่เพราะว่าเขาเคยให้คำสัญญาเอาไว้คำหนึ่งถึงได้ต้องการให้เขาอยู่เคียงข้างไปชั่วชีวิต ท่านมีชีวิตอยู่มายาวนานหลายปี แต่กลับไม่รู้จักความรักที่แท้จริงของบุรุษและสตรี หากว่าท่านเข้าใจละก็ จุดจบของพวกเราทั้งสามก็คงมิต้องเป็นเช่นวันนี้ “ 

 

 

ชือหลีสีหน้าเย็นชา นางกล่าวออกมาเพียงประโยคเดียว ” เขามันน่าไม่อาย แต่เจ้ากลับไม่รักหน้ายิ่งกว่าเขาเสียอีก “ 

 

 

” ข้าถูกท่านสาปแช่ง กลายเป็นงูมาสิบปี ตลอดสิบปีมานี้ข้าอยู่มิสู้ตาย ข้าไม่ขอให้ท่านให้อภัย เพียงหวังให้ท่านช่วยชีวิตหราน ข้ายินยอมแตกดับสิ้นสูญ ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกไปตลอดกาล ” งูยักษ์ยังคงน้ำตาหลั่งริน ” ท่านและข้าเป็นพี่น้องแท้ๆ ตั้งแต่เล็กจนโตข้าไม่เคยขออะไรจากท่าน แค่ครั้งนี้เท่านั้น ขอท่านได้โปรดช่วยเขา “ 

 

 

สายตาของชือหลีเย็นยะเยือก นึกไม่ถึงจริงๆ ว่านางยังจะมีหน้ามาร้องขอตนให้ช่วยบุรุษเสเพลผู้นั้น 

 

 

” หุบปากเสียเถอะ ข้าผู้เป็นเทพไม่มีทางให้อภัยหญิงร้ายชายเลวอย่างพวกเจ้าตลอดกาล ” ชือหลีจดจ้องไปยังนาง นางแย้มยิ้มอย่างเย็นชากว่าเดิม ” ในเมื่อพวกเจ้ารักกันมากนัก ข้าผู้เป็นเทพก็จะสนับสนุนพวกเจ้า พอพวกเจ้าตายแล้ว ข้าก็เอาวิญญาณของพวกเจ้าทั้งสองมาทำเป็นไส้ของตะเกียงนิรันดร์ ให้พวกเจ้าทั้งสองได้เคียงคู่อยู่อย่างรักใคร่ ส่องสว่างอยู่ในอารามแห่งนี้ไปอีกนานนับพันปี จนกว่าไส้เทียนจะเผาไหม้จนหมดสิ้น ดวงจิตของพวกเจ้าแตกสลายดับสูญจึงจะได้หลุดพ้นก็แล้วกัน “ 

 

 

พองูยักษ์ได้ยินแล้ว น้ำตาก็พลันหยุดไหล เปลี่ยนเป็นใช้น้ำเสียงดุร้ายขึ้นมา ” พี่สาว ท่านถึงกับไร้น้ำใจจริงๆ หรือ? “ 

 

 

” ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตอนนั้นที่หญิงร้ายชายชั่วอย่างพวกเจ้าใช้ดาบทำลายเทพแทงเข้ามาในหัวใจของเรา ทั้งยังทำลายควันธูปของเราทิ้งไป ก็เคยมีน้ำใจหลงเหลือบ้างหรือไม่? ” ชือหลีขำแทบตายแล้ว ” คนหนึ่งแย่งชิงว่าที่สามีของพี่สาว อีกคนหนึ่งเป็นชู้กับน้องสาวของว่าที่ภรรยา เจ้ายังจะกล้ามาพูดว่าพวกเจ้ามีรักแท้ ความรักเช่นนี้ ตายไปแล้วก็ยังจะรักกันอยู่รึ “ 

 

 

ชืหลีพูดจบ ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกว่า ” อย่าได้มากล่าววาจาไร้สาระกับเราผู้เป็นเทพอีก เราเป็นเทพที่เลือดเย็นมาแต่กำเนิด ไม่มีทางสงสารหญิงร้ายชายชั่วเช่นพวกเจ้า “ 

 

 

งูยักษ์เห็นว่าปราศจากความหวังใดๆ แล้ว ก็กรีดร้องเสียงดังกึกก้องขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าอาวุธมากมายจะทิ่มแทงเข้าไปในร่างกายมันก็ยังไม่ยอมหยุด 

 

 

ทันใดนั้นระดับน้ำในแม่น้ำก็เพิ่มพูนขึ้นมา แส้ปัดถูกปากของมันง้างจนแทบขาดออก เลือดงูที่เหม็นคาวคละคลุ้งก็ไหลอาบลงมา แต่ว่ามันกลับไม่สนใจเลยสักนิด 

 

 

มันอ้าปากที่ชุ่มเลือดจนกว้างโผเข้าหาฮ่องเต้ที่ประทับยืนอยู่ตรงหน้า 

 

 

ในเมื่อมีแต่ต้องตายเท่านั้น ตายแล้วก็ยังไม่อาจได้รับการปลดปล่อย เช่นนั้นก็ควรลากฮ่องเต้แห่งต้าโจวที่หรานชิงชังลงนรกไปด้วยกัน! 

 

 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างว่องไว แม้แต่เหล่าองครักษ์ก็ไม่ทันป้องกัน ใครก็นึกไม่ถึงว่างูยักษ์ที่ถูกปราบจนสงบนิ่งไปแล้วอยู่ๆ ก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา! 

 

 

ความเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วว่องไว พุ่งเข้าไปถึงเบื้องพระพักตร์ในเกือบจะทันที เห็นอยู่ว่ามันปากอ้าเตรียมจะเขมือบกลืนฮ่องเต้ลงไปทั้งร่าง 

 

 

จีเฉวียนยังคงไม่ได้ขยับเลยสักก้าวเดียว เขาชักกระบี่อ่อนออกมาจากหว่างเอวอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะที่ฉลองพระองค์พองขึ้น กระบี่ในพระหัตถ์ก็วาดออกมา เห็นเพียงลิ้นของงูถูกเขากรีดออกจากกัน 

 

 

จากปากงูไปจนถึงลำคอถูกสะบั้นขาดออกเป็นสองส่วน! 

 

 

” ตึงงง! ” งูตัวนั้นไม่ทันได้ต่อสู้ขัดขืน ก็ทรุดลงบนพื้น ขยับอยู่สองที ก็ไม่เหลือลมหายใจอีก 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยังคงถือยันต์สีชาดไม่ทันได้เขวี้ยงออกไปอยู่ในมือ ตกตะลึงจนแข็งทื่อไปทั้งตัวอยู่ในห้องใต้ดิน 

 

 

จีเฉวียน…….ตกลงแล้วเขาเป็นอะไรกันแน่? 

 

 

เมื่อครู่ตอนที่เขาวาดกระบี่ออกมา นางก็รู้สึกถึงไอหยินที่พวงพุ่งออกมาจากร่างของเขาได้อย่างชัดเจน 

 

 

ทั้งหมดนั้นผสานอยู่ในกระบี่อ่อนของเขา ปลิดชีพในกระบี่เดียว! 

 

 

คนธรรมดาไม่มีทางมีพละกำลังเช่นนี้อย่างเด็ดขาด! 

 

 

คราวนี้ ทั่วทั้งบริเวณกลายเป็นความสงบเงียบ มีเพียงแต่เสียงสายลมพัดผ่าน 

 

 

ในอากาศคาวคลุ้งไปด้วยกลิ่นของเลือดงูที่ไหลออกมาจากร่าง ร่างกายที่ใหญ่โตของมันกองอยู่บนพื้นราวกับว่าเป็นภูเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง 

 

 

แม้ตายแล้ว หางของมันก็ยังไม่คลายออกจากจีหราน 

 

 

จีหรานตกตะลึงอยู่กับที่ เขาถลึงตามองจีเฉวียนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชักเอากริชเล่มหนึ่งขึ้นมา ชั่วขณะที่จะแทงเข้าไปในลำคอของตนเองนั้น เขาก็พลันเกิดความลังเลขึ้นมา 

 

 

เขา……ยังไม่อยากตาย 

 

 

เขา……ยังมีความทะเยอทะยานอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำให้เป็นจริง ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาทนลำบากมาตั้งมากมาย เขาจะมายอมตายเช่นนี้ได้อย่างไร? 

 

 

หากว่าเขาตายไปแล้ว เช่นนั้นก็จะไม่เหลืออะไรอีกแล้วจริงๆ 

 

 

พอมองเห็นงูยักษ์หลั่งเลือดออกมามากมายเช่นนี้ เขาก็หวาดกลัวขึ้นมา 

 

 

กริชที่อยู่ในมือสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั่วร่างไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ อีก เขามองออกไปรอบๆ ตัว หวังว่าคนในชุดคลุมสีดำนั้นจะมาช่วยพาเขาหนีไป 

 

 

แต่มองอยู่เป็นนานก็ไม่เห็นเงาของคนชุดดำนั่นเลยสักนิด 

 

 

เขาถึงได้เข้าใจขึ้นมา เขาถูกทอดทิ้งแล้ว 

 

 

ก็เหมือนกับที่อดีตฮ่องเต้ทรงทอดทิ้งเขาในตอนนั้น เขาเป็นแค่คนไร้ค่า เป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง 

 

 

แต่ว่าเขาไม่ยินยอม เขาไม่ยอมตายไปง่ายๆ เช่นนี้หรอก 

 

 

เขายังอยาก…… 

 

 

” พลักกก” ขณะที่เขากำลังลังเลไปมาอยู่นั้น ไก่ขนฟูก็บินโฉบลงมาที่ข้างกายของเขา สะบัดกรงเล็บกางออกเพียงเบาๆ ก็ช่วยเขาผลักกริชด้ามนั้นลงไปในลำคอ