ตอนที่ 471 ต่อต้าน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 471

ต่อต้าน

“……”เฒ่าประทับสวรรค์เดินเหม่อมองอยู่กลางถนนอาณาจักรอู๋ด้วยท่าทีเรื่อยเปื่อยอย่างประหลาด แต่ก่อนมันเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่ง ยามนี้พลังไม่ได้ตกลงแต่กลับเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ในที่สุดมันก็ทะลุประตูที่ทุกคนในยุคสมัยของมันไม่อาจข้ามมาได้สำเร็จ แต่กว่าจะถึงตอนนี้คนรุ่นใหม่กลับตีตื้นขึ้นมาจนประตูที่มันพยายามนักหนาเป็นประตูที่มีคนเปิดได้เป็นจำนวนมากเสียแล้ว หากฟังจากที่ได้ยินมาดูเหมือนแม้แต่เซียนหมัดเองก็อยู่ระดับที่มันอยู่แล้วเช่นกัน ช่วงเวลาที่มันธาตุไฟเข้าแทรกนี้ช่างเสียเปล่าจริงๆ

“นี่มัน อะไร….”เฒ่าประทับสวรรค์พูดพลางเดินเข้าไปในร้านที่เขียนว่าร้านขายหนังสือช้าๆ ที่หน้าร้านมีหนังสือมากมายหลายชนิดต่างจากสมัยเก่ามาก แต่ที่วางเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นหนังสือที่มีชื่อว่า จัดอันดับจอมยุทธ ที่ตั้งอยู่บนแผงขายดีแทบจะตลอดเวลา ด้วยความสามารถของสำนักพิมพ์ที่ไช่จินสร้างขึ้นมาทำให้หนังสือจัดอันดับจอมยุทธแทบจะปรับเปลี่ยนทุกเดือน เรียกได้ว่าเป็นหนังสือรายเดือนที่ผู้คนชอบกันมากทีเดียว

เฒ่าประทับสวรรค์หยิบหนังสือจัดอันดับจอมยุทธขึ้นมาดู ก่อนจะเปิดอ่านช้าๆ ที่หน้าปกเขียนเอาไว้ว่าหนังสือเล่มนี้ใช้ในอาณาจักรอู๋เท่านั้นไม่มีผลการนับรวมกับอาณาจักรอื่นๆแต่อย่างไร นั่นหมายความว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการจัดอันดับจอมยุทธของอาณาจักรอู๋แต่เพียงอาณาจักรเดียว แถมนอกจากตารางของมนุษย์แล้วไช่จินยังเพิ่มตารางของอสูรเข้าไปอีก แน่นอนว่าผู้อยู่อันดับ 1 ของเหล่าอสูรก็คืออสูรเต่ายักษ์ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเลของอาณาจักรอู๋นั่นเอง ส่วนฝั่งมนุษย์นั้นตั้งแต่อันดับ 1 จนถึง 100 แทบจะไม่มีคนที่เฒ่าประทับสวรรค์รู้จักอยู่เลย จะมีก็แต่พวกเซียนหมัดและสหายเก่าๆบางคนเท่านั้นที่ยังอยู่ในตารางนี้ แถมนอกจากเซียนหมัดแล้วทุกคนยังโดนเบียดจนไปอยู่อันดับล่างๆเสียแล้ว

“น้องชาย หนังสือเล่มนี้เชื่อถือได้แค่ไหน”เฒ่าประทับสวรรค์ถามพลางยกหนังสือจัดอันดับจอมยุทธให้เด็กเฝ้าร้านดู

“คุณตา ถ้าหนังสือเล่มนั้นเชื่อถือไม่ได้ก็ไม่มีหนังสือเล่มไหนเชื่อถือได้แล้วขอรับ”เด็กเฝ้าร้านตอบด้วยท่าทีมั่นใจ แน่นอนสิหนังสือจัดอันดับจอมยุทธอยู่มานับร้อยปี ได้รับการยืนยันจากจอมยุทธมากมายว่าหนังสือตีพิมพ์เนื้อหาได้ถูกต้องแล้วมาตลอด

“แล้วทำไมถึงไม่มีชื่อเซียนกระบี่ในนี้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างมันจะทิ้งการฝึกฝนพลังไป”เฒ่าประทับสวรรค์ท้วง เซียนหมัด เซียนกระบี่ และตัวมัน เป็น 3 คนที่ฝึกฝนกันมาอย่างต่อเนื่องไม่มีทางที่เซียนกระบี่จะโดนพวกตาแก่ด้านล่างแซงขึ้นมาแน่ๆ

“เซียนกระบี่…ตอนนี้ท่านอยู่อันดับ 1 แล้วไม่ใช่หรือไง”เด็กเฝ้าร้านขมวดคิ้วสงสัย ยามนี้อันดับ 1 ของอาณาจักรอู๋จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอู๋หมิง แม้ก่อนหน้านี้จะอยู่อันดับ 2 มาตลอดก็ตาม แต่หลังจากหยงเวยเสียพลังมารไปอันดับของหยงเวยก็หายไปจากตารางทันที เรื่องนั้นทำเอาเหล่าผู้ติดตามเรื่องราวและผลของหนังสือจัดอันดับจอมยุทธพากันตกใจอย่างมาก บ้างถึงกับคิดว่าหยงเวยตายไปแล้วเสียอีก แต่ภายหลังสำนักพิมพ์ก็ออกมาให้ข่าวว่าหยงเวยเพียงต้องการเวลาพักฟื้นเท่านั้น ทำเอาหลายๆคนโล่งใจกันถ้วนหน้า

“อู๋หมิง…เจ้าเด็กนี่ขึ้นมาเป็นเซียนกระบี่แล้วงั้นหรือ”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางไล่สายตามองรายชื่ออีกครั้ง หากอู๋เทียนหมิงมอบตำแหน่งเซียนกระบี่ให้อู๋หมิงไปแล้ว งั้นในตารางนี้ก็ต้องใช้ชื่ออู๋เทียนหมิงสิ

“เจ้าหนู ในตารางนี้ทำไมไม่มีชื่อของอู๋เทียนหมิงกัน”เฒ่าประทับสวรรค์ถามด้วยท่าทีข้องใจ ไม่ว่าจะหาอย่างไรก็ไม่มีชื่อของสหายคนนี้เลย

“ท่านหมายถึงองค์จักรพรรดิหรือ ท่านตาถึงท่านจะอายุมากแล้วแต่อย่าเรียกชื่อองค์จักรพรรดิห้วนๆสิ”เด็กเฝ้าร้านพูดพลางทำสีหน้าไม่พอใจ จักรพรรดิอู๋ทุกรุ่นได้รับความชื่นชมและนับถือจากประชาชนอย่างมาก เพียงการเรียกชื่อพระองค์ห้วนๆก็ถือว่าเสียมารยาทแล้วสำหรับคนอาณาจักรอู๋

“จักรพรรดิตอนนี้ชื่ออู๋เทียนหมิงงั้นหรือ”เฒ่าประทับสวรรค์ถามด้วยท่าทีงุนงง หรือว่าเซียนกระบี่จะกลับไปรับตำแหน่งจักรพรรดิ แบบนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้

“ใช่แล้ว พระนามของท่านตั้งตามท่านอาวุโสเทียนหมิงที่เสียสละชีวิตปกป้องอาณาจักรอู๋เอาไว้เชียวนะ”ได้ยินเช่นนั้นเฒ่าประทับสวรรค์ก็พลันสะท้านวาบ เจ้าหนูนั่นบอกว่าอู๋เทียนหมิงตายไปแล้วงั้นหรือ

“หึ…..”เฒ่าประทับสวรรค์รู้สึกหนาวขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม้แต่อู๋เทียนหมิงผู้นั้นยังตายจากไป ท่าทางโลกนี้จะไม่ใช่โลกที่มันรู้จักอีกต่อไปแล้วจริงๆ

“ขอบใจเจ้ามาก เอานี่ไปถือว่าเป็นค่าหนังสือ”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางวางเหรียญทองลงบนเค้าเตอร์ด้วยท่าทีนิ่งๆ ข่าวการเสียชีวิตของสหายทำให้เฒ่าประทับสวรรค์ซึมไปเหมือนกัน

“……”เฒ่าประทับสวรรค์เดินเล่นอยู่ในเมืองจนกระทั่งถึงช่วงเย็น เมืองหลวงของอาณาจักรอู๋ที่มันจำได้แทบไม่เหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว ผู้คนเองก็พลุ่งพล่านขึ้น แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เฒ่าประทับสวรรค์สัมผัสได้ โลกในตอนนี้สงบขึ้นมาก ผู้คนเดินกันบนถนนไม่ได้สนใจเรื่องสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นแบบสมัยก่อน พวกมันเดินและพูดคุยกันเรื่องชีวิตประจำวัน เรื่องสนุกสนานที่พวกมันสนใจ ดูแล้วคนแก่ๆอย่างเฒ่าประทับสวรรค์ก็เหมือนจะผ่อนคลายตาม หรือบางทีมันควรจะปล่อยวางเรื่องอันดับฝีมือพวกนี้ไปเสีย…..

เปรี้ยง!!ร่างของเฒ่าประทับสวรรค์ทะยานวาบขึ้นไปบนยอดหลังคาบ้านหลังหนึ่งอย่างรวดเร็ว ไม่มีทาง ตัวมันไม่มีทางปล่อยวางเรื่องนี้ไปได้แน่ๆ วันนี้มันกลับมาแล้ว และสักวันมันจะกลับเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรอู๋ให้ได้

“หึ…..”เฒ่าประทับสวรรค์เปิดหน้าหนังสือจัดอันดับจอมยุทธอีกครั้งก่อนจะหยุดอยู่ที่ตาราง 100 อันดับแรกของจอมยุทธในอาณาจักรอู๋ คอยดูเถอะมันจะไล่เรียงจัดการตั้งแต่ลำดับที่ 100 ถึงลำดับ 1 ให้ดูเอง

.

.

เปรี้ยง!! ฝ่ามือของเฒ่าประทับสวรรค์ยามนี้ไวจนน่ากลัว นอกจากระดับพลังที่เพิ่มขึ้นแล้วยังได้พลังแฝงหลังจากฝึกฝนวิชาของพยัคฆ์อัสนีอีกต่างหาก แม่ตัวเฒ่าประทับสวรรค์จะไม่ได้มีธาตุอัสนีแต่ความเร็วของมันก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าฝ่ามือประกายอัสนีของไป๋จูเหวินเลยแม่แต่น้อย ทำให้พวกระดับล่างๆโดนเฒ่าประทับสวรรค์จัดการอย่างง่ายดาย เพียงเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งเดือนเฒ่าประทับสวรรค์ก็จัดการอันดับที่ 23 ลงจนได้

“ท่านอาวุโส ฝีมือท่านร้ายกาจยิ่งนัก ข้าขอยอมแพ้”ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมยุทธอันดับที่ 23 ของอาณาจักรอู๋พูดพลางก้มหัวให้เฒ่าประทับสวรรค์อย่างจริงใจ ตั้งแต่ออกท้าสู้คนในตาราง 100 อันดับเฒ่าประทับสวรรค์ก็จัดการอีกฝ่ายด้วยฝ่ามือเดียวตลอด ทำเอาชื่อเสียงของมันเริ่มกลับมาโด่งดังในชั่วพริบตา ยามนี้เฒ่าประทับสวรรค์รู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างมาก ราวกับกลับไปตอนสมัยหนุ่มๆในช่วงที่การแข่งขันในยุทธภพกำลังเข้มข้นอย่างมาก ในตอนนั้นมันสู้กับผู้คนมากหน้าหลายตา สร้างทั้งมิตรทั้งศัตรู ช่างเป็นเวลาที่น่าคิดถึงจริงๆ

“ในที่สุดท่านก็มา”เซียนหมัดพูดพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ หลังจากเกิดเรื่องต่างๆมากมายเซียนหมัดก็แยกตัวออกมาอยู่คนเดียวที่บ้านของตน ไม่ค่อยได้ออกไปยุ่งเกี่ยวกับคนในยุทธภพนัก แต่ช่วงหลังมานี้มันก็ได้ข่าวชายชราคนหนึ่งที่ไล่ล้มคนทั้ง 100 อันดับในตารางอันดับจอมยุทธ พอได้ทราบข่าวว่ามันใช้เพียงฝ่ามือเดียวจัดการคู่ต่อสู้ก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาทันที แต่พอนึกขึ้นได้ว่าชายคนนั้นน่าจะเป็นใครเฒ่าประทับสวรรค์ก็มาถึงประตูหน้าบ้านมันเสียแล้ว

“ไม่ได้พบกันนาน เจ้าท่าทางสบายดี”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางเดินเข้ามาในบ้านของเซียนหมัดอย่างคุ้นเคย

“ได้ข่าวว่าท่านธาตุไฟแตกซ่านจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ข้าดีใจจริงๆที่ท่านหายดีแล้ว”เซียนหมัดพูดด้วยท่าทียินดี สหายในยุคสมัยของมันพูดตามตรงก็เหลือเพียงเฒ่าประทับสวรรค์เท่านั้น แม้จะทำตัวไม่ดีไปบ้างแต่มันก็ไม่อยากให้เฒ่าประทับสวรรค์ตายไปในสภาพนั้นแต่อย่างไร

“โลกหลังจากข้าตื่นขึ้นมาราวกับเปลี่ยนไปคนละโลก”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางกางฝ่ามือขึ้นมาตรงหน้าตนเองช้าๆ

“แต่ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจว่ามันไม่เปลี่ยนไปเลย”เฒ่าประทับสวรรค์ยิ้มพลางปล่อยฝ่ามือของตนออกไปใส่เซียนหมัดอย่างรวดเร็ว

“แน่นอน มันไม่เปลี่ยนไปเลย”เซียนหมัดยิ้มเช่นกันก่อนปล่อยพุ่งเข้าไปต่อยใส่เฒ่าประทับสวรรค์อย่างรวดเร็ว นานแล้วที่ไม่ได้สู้กับเฒ่าประทับสวรรค์ แต่ก่อนเซียนหมัด เซียนกระบี่ เซียนดาบ รวมถึงตัวเฒ่าประทับสวรรค์และยอดฝีมือคนอื่นๆเองก็เหมือนไป๋จูเหวินและอู๋หมิงที่เจอหน้ากันก็ประลองกันทุกทีไป ทำให้การต่อสู้ของเซียนหมัดและเฒ่าประทับสวรรค์ยามนี้ไม่เหมือนการต่อสู้เสียเท่าไหร่ มันเหมือนสหายเก่ากำลังลำลึกความหลังกันไม่มีผิด

เปรี้ยง!! การต่อสู้ผ่านไปหลายร้อยกระบวนท่า ต่างฝ่ายต่างพลังมากขึ้นแต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดชี้ขาด วิชาของเฒ่าประทับสวรรค์พัฒนาขึ้นมากกว่าเซียนหมัดเสียอีก น่าจะเพราะวิชาที่ซึมซับกระบวนท่าของพยัคฆ์อัสนีเข้าไป ทำให้ความเร็วและความรุนแรงเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า ยามนี้ฝ่ามือประทับสวรรค์ไม่ได้ยิ่งย่อนไปกว่าชุดฝ่ามืออัสนีของ 18 ฝ่ามือท่องแดนอสูรเลย

เปรี้ยง!! ในที่สุดการต่อสู้ก็รู้ผล เซียนหมัดที่วางมือไปนานแล้วไม่อาจเอาชนะเฒ่าประทับสวรรค์ได้เลย ทำให้เซียนหมัดได้แต่ยิ้มออกมาอย่างชื่นชม บางทีมันก็อิจฉาความทะเยอทะยานของเฒ่าประทับสวรรค์จริงๆ ตัวมันอายุปู่นนี้เจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของคลื่นลูกใหม่ก็ได้แต่ยอมรับเท่านั้น แต่เฒ่าประทับสวรรค์กลับคิดจะต่อต้าน บางทีเจ้าเฒ่าเจ้าเล่ห์นี่ก็มีมุมน่านับถืออยู่บ้าง

“ต่อจากอันดับของข้าก็จะมีแต่พวกรุ่นใหม่แล้ว ท่านจะได้เจอเรื่องสนุกแน่นอน”เซียนหมัดยิ้มออกมาพลางนั่งพักลงกับพื้น

“ข้ารู้”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางยิ้มออกมา หลังจากนี้จะเป็นพวกที่เข้าสู้ระดับเจ้าสวรรค์กันแล้วทั้งนั้น คราวนี้เฒ่าประทับสวรรค์ก็จำเป็นต้องใช้วิชาฝีมือของตนเองเอาชนะให้ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแล้ว

.

.

“ว่าแต่…อันดับบนๆนี่มันอะไรกัน คนของสำนักเทพจุติทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือยังไง”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางมองตารางจัดอันดับด้วยท่าทีสนใจ จะว่าไปสมัยก่อนก็เหมือนจะเคยได้ยินชื่อสำนักนี้มาก่อน แต่ดูเหมือนจะล่มสลายไปนานแล้วนี่นา…

“เจ้าหนู ไปส่งข้าที่สำนักเทพจุติที”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางเดินเข้าไปหารถม้าคันหนึ่งที่จอดรอรับผู้โดยสารอยู่

“ท่านตา สำนักเทพจุติอยู่ห่างจากที่นี่จะตาย ท่านนั่งรถไฟไปเถอะ”คนขับรถม้าตอบออกมาตามตรง แม้สมัยก่อนการนั่งรถม้าจะสามารถพาไปได้ทุกที่ แต่ในยุคนี้หากจะเดินทางไกลผู้คนก็จะใช้รถไฟกันมากกว่า แต่ครึ่งเดือนที่ผ่านมาเฒ่าประทับสวรรค์ยังไม่ยอมขึ้นรถไฟเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพราะมันต่อต้านเทคโนโลยี แต่เพราะมันไม่รู้วิธีขึ้นต่างหาก…..

“ท่านตา จะไปสำนักเทพจุตินั่งจากนี้ไปวันเดียวก็ถึงแล้ว เร็วกว่านั่งรถม้าไปตั้งเยอะ แถมราคายังถูกกว่าด้วย”ได้ยินเช่นนั้นเฒ่าประทับสวรรค์ก็เริ่มมีท่าทีสนใจ แต่จะขึ้นรถไปต้องทำอย่างไรมันไม่ทราบจริงๆ

“เจ้าหนูตรงนั้น”เฒ่าประทับสวรรค์ว่าพลางเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เดินอยู่กลางถนน

“ขอรับ”เด็กหนุ่มว่าพลางเดินเข้ามาด้วยท่าทียิ้มแย้มทันที ยามนี้เฒ่าประทับสวรรค์แต่งกายเรียบร้อยดูเป็นคุณตาที่น่านับถือคนหนึ่งไม่เหลือสภาพราวกับสัตว์ป่าก่อนหน้านี้เลยทำให้ผู้คนเข้าหามันได้อย่างสบายใจ

“ข้าไม่รู้วิธีขึ้นรถไฟ เจ้าช่วยสอนข้าหน่อยได้หรือไม่”เฒ่าประทับสวรรค์พูดเสียงเบา การขอร้องคนอื่นช่างเป็นเรื่องน่าอายสำหรับมันจริงๆ

“ได้ขอรับ ข้ากำลังว่างอยู่ดีพอ”ไป๋จูล่งตอบพลางยิ้มรับอย่างอารมณ์ดี มันกำลังออกมาเดินเล่นที่เมืองใกล้ๆเขตอสูรพอดี ดูเหมือนท่านตาคนนี้จะมีปัญหาทำไมมันจะช่วยเหลือไม่ได้เล่า