บทที่ 304 คนที่ไร้ยางอันดับหนึ่ง

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 304 คนที่ไร้ยางอันดับหนึ่ง

ในหมู่ตึกหยูอี่ไม่ต้องพูดถึงว่า เย่ชิงเฉิงไม่ได้พบกับหลิงตู้ฉิง แม้แต่มี่ไล และคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถพบกับหลิงตู้ฉิงได้เช่นกัน

หลังจากคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์มาถึง หลิงตู้ฉิงก็พาทุกคนกลับไปที่สวนด้านหลังและพูดกับมี่ไลและคนอื่น ๆ “เปิดใช้งานและพวกเจ้าผลัดกันเฝ้าค่ายกลกระบี่ ข้าต้องการปิดด่านเก็บตัว!”

หลังจากสั่งจบ หลิงตู้ฉิงก็หายตัวไปในห้องของตนไม่ยอมให้ใครเข้าไปรบกวน

มี่ไล และคนอื่น ๆ มองหน้ากันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลิงตู้ฉิง

อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเยว่เฟิงและซือโถวเหวินหยวนมองไปที่ห้องของหลิงตู้ฉิงด้วยสีหน้าจริงจัง

ในช่วงเวลาเมื่อครู่ ตอนที่หลิงตู้ฉิงกำลังเผชิญกับสำนักอักขระวิญญาณมันมีช่วงเวลาสั้น ๆ อยู่ช่วงหนึ่งที่พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันเข้มข้นของหลิงตู้ฉิงที่น่าพรั่นพรึงมากจนแม้แต่พวกเขายังต้านไม่ไหว

พวกเขาอยากรู้มากว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลิงตู้ฉิงในอดีต และทำไมเขาถึงมีจิตสังหารที่น่ากลัวเช่นนี้

ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิง แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

จริง ๆ แล้วหลิงตู้ฉิงไม่ได้ทำอะไรเลยเขาแค่นั่งเงียบ ๆ ในห้องโดยมียันต์สั่งสวรรค์ลอยอยู่ตรงหน้าเขา

ในยันต์สั่งสวรรค์ หญิงสาวกำลังมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม พวกเขาสองคนมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ในพริบตาหนึ่งวันก็ผ่านไป

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ถอนหายใจเบา ๆ “ข้าสงสัยว่าเจ้ามากลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง เจ้าถึงขนาดแต่งงานแถมยังมีลูกอีกต่างหาก นี่มันดูตรงข้ามกับสิ่งที่เจ้าเป็นในเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิงเลยนะ”

หลิงตู้ฉิงไม่ได้โต้ตอบอะไรนางและนั่งรับฟังนางอย่างเงียบ ๆ

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์คร่ำครวญ “ในตอนนั้นข้าก็เคยพูดไปแล้วว่าชีวิตของเจ้ามันไร้ความหมาย แต่เจ้าก็ไม่เชื่อข้า! แถมเจ้ากลับสังหารทุกคนที่ขวางทางเจ้าเพื่อความสะใจ แล้วเป็นยังไงล่ะตอนนี้? เจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหมล่ะว่าสิ่งที่เจ้าเคยทำลงไปทั้งหมดมันไร้ความหมาย แล้วตอนนี้เพิ่งมาสำนึกแล้วล่ะสิ? หากเจ้าเชื่อข้าตั้งแต่ในตอนนั้น เจ้าก็คงไม่ต้องมาลงเอยอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอก”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวช้า ๆ และพูดว่า “ไม่ใช่หรอก อันที่จริงข้าได้ไปถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!”

“หืม?” หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความประหลาดใจ

“ในตอนที่ข้าไปถึงจุดสิ้นสุดและเห็นเส้นทางที่จะไปต่อ ข้าก็หันหลังกลับ!” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหลิงตู้ฉิง

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ส่ายหัว “โง่เง่าจริง ๆ งั้นไหนบอกข้าสิ ทำไมเจ้าถึงไม่ฟังข้าตั้งแต่แรก? ข้าอุตส่าห์เตือนเจ้า แต่เจ้ากลับสังหารข้า!”

หลิงตู้ฉิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ “มีประโยชน์อะไรที่จะพูดเรื่องทั้งหมดนี้ที่ผ่านไปแล้ว?”

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์รู้สึกเศร้าเล็กน้อย นางถอนหายใจและถาม “เจ้าเกือบจะไปถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางเดิมแล้ว แต่ตอนนี้เจ้ากลับกำลังไปในทิศทางตรงกันข้าม มันยากมากใช่ไหม?”

หลิงตู้ฉิงพูดด้วยรอยยิ้มที่เบี้ยว “เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้าเกือบจะสูญเสียการควบคุมจิตสังหารที่ยังคงอยู่ในใจข้าเมื่อครู่!”

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ส่ายหัว “เจ้าต้องค่อย ๆ ชดใช้บาปที่เจ้าได้เคยกระทำลงไปอย่างช้า ๆ ส่วนข้าเองได้ตายไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก แต่ข้าจะให้คำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่เจ้าสักหน่อย เจ้าจำเป็นต้องแต่งงานกับผู้หญิงให้มากขึ้น ยิ่งถ้าเจ้ามีสัมพันธ์มากขึ้น บางทีเส้นทางของเจ้าอาจจะเดินได้ราบรื่นขึ้นอีกหน่อย”

“มันไม่มีประโยชน์!” หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ข้ารู้ว่าข้าต้องการอะไร”

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์หน้ามุ่ย “ในตอนนั้นเจ้าก็ไม่ได้ฟังข้าแบบนี้ และมาตอนนี้เจ้าก็จะยังไม่ฟังอีกใช่ไหม? รอบนี้ถ้าเจ้าไม่ฟังข้าไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องเดินไปผิดทาง! ถึงแม้ว่าภายนอกเจ้าจะดูเหมือนว่าเจ้าเปลี่ยนไป แต่จริง ๆ ลึก ๆ แล้วเจ้าแทบไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ความรู้สึกที่แท้จริง พวกมันไม่ใช่อย่างที่เจ้ากำลังเข้าใจในตอนนี้หรอก”

“เจ้าลองคิดดูดี ๆ ตอนที่เจ้ากำลังจะให้ข้าลงมือเมื่อตอนนั้น เจ้ารู้สึกโกรธที่ถูกล่วงเกินหรือฝืนใจที่จะลงมือ? สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอารมณ์และเกี่ยวข้องกับอารมณ์ทั้งเจ็ดและความปรารถนาหกประการของบุคคล บางทีสิ่งที่เจ้ากำลังหนีและเกลียดมันที่สุด มันอาจจะกลายเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการในตอนนี้ เอาล่ะจงพยายามให้มากขึ้นเพื่อให้การตายของข้ามีประโยชน์ เจ้าเข้าใจไหม?”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและถามว่า “การบ่มเพาะแบบคู่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงคืออะไร? ทำไมบางครั้งข้าถึงรู้สึกชัดเจนในอารมณ์ที่ปะทุขึ้นแต่ในขณะที่บางครั้งข้าก็รู้สึกว่ามันยังมีอารมณ์อื่นที่ซ่อนอยู่ในนั้น”

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ตอบอย่างรวดเร็วว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไม่รู้จริง ๆ หรือว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ สำหรับชายและหญิงที่จะบ่มเพาะแบบคู่ นอกจากมีความต้องการทางอารมณ์แล้วมันยังมีความปรารถนาแฝงอยู่ในนั้นอีกด้วย! ในชาติก่อนเจ้าเป็นคนไร้ความรู้สึก แต่ถ้าเจ้าต้องการลบสิ่งเหล่านั้นของชีวิตก่อนของเจ้าออกไป เจ้าจำเป็นต้องแปดเปื้อนไปด้วยอารมณ์และความปรารถนา”

หลิงตู้ฉิงถามอย่างแปลก ๆ “ถ้าอย่างนั้นถ้าข้าอยากจะบ่มเพาะแบบคู่กับเจ้า นี่คือความรักหรือตัณหา?”

หญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์จ้องมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยแววตาฉุนเฉียวและตะคอกว่า “ไอ้คนไร้ยางอาย! นี่แม้แต่คนตายเจ้าก็ไม่ละเว้นงั้นเหรอ! ถ้าเจ้าอยากมากเจ้าก็ไปหาภรรยาหรือสาวใช้ของเจ้าซะ!”

เมื่อตะคอกจบนางก็หันหลังไป

อย่างไรก็ตามแม้ว่านางจะหันหลังหนี นางก็ยังรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของหลิงตู้ฉิงโดยเฉพาะที่แผ่นหลังและเอวของนาง

เมื่อรู้สึกเช่นนี้นางจึงรีบโคจรวิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งด้วยความโกรธ และทันใดนั้นร่างของนางก็หายไปจากยันต์สั่งสวรรค์

หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและพยายามเข้าใจคำพูดของหญิงสาวในยันต์สั่งสวรรค์ และเริ่มผสมผสานอารมณ์ความโกรธและความไม่เต็มใจที่เขารู้สึกก่อนหน้านี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่เขารู้สึกกับผู้หญิงทุกคนของเขาในช่วงการบ่มเพาะแบบคู่ เขานำพวกมันทั้งหมดผสมผสานลงไปในเต๋าตู้ฉิงของเขา และจากนั้นเต๋าตู้ฉิงของเขาก็เริ่มพัฒนาและเปลี่ยนไป

หลังจากนั้นรัศมีประหลาดก็ปรากฏออกมาจากร่างกายของเขา

ในยันต์สั่งสวรรค์ที่ลอยอยู่ตรงของเขา ภาพของผู้หญิงคนนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง นางมองดูหลิงตู้ฉิงอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจ “เจ้านี่มันเป็นคนที่ไร้ยางอายที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก็ต้องยอมรับในพรสวรรค์ของเจ้าจริง ๆ ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้การที่จะหาคนอื่นมาเทียบกับเจ้าได้นั้นมันคงแทบไม่มีเลยจริง ๆ”

นางถอนหายใจสักพักก่อนจะเลิกคิ้วและพึมพำกับตัวเอง “เฮ้อ…จะว่าไปก็มีแต่คนสารเลวอย่างเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้ข้าตกหลุมรักได้ ข้าเองก็อุตส่าห์จริงใจแต่ไอ้บ้านี่กลับคิดว่าข้าขวางทางเขาและสังหารข้า แล้วดูตอนนี้สิ จู่ ๆ ก็ดันมามีความคิดที่ไร้ยางอายกับข้า ข้าไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดกับคนเลวอย่างเจ้าเลยจริง ๆ แต่ไม่ว่าจะยังไง…”

ทันใดนั้นนางก็ตระหนักได้ว่า หลิงตู้ฉิงกำลังมองมาที่นางอีกครั้งแถมในแววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาอีกต่างหาก เมื่อเช่นนี้นางจึงตะคอกขึ้น “ตอนนี้ข้าเหลือแค่เพียงจิตสำนึกเท่านั้น เจ้าจะมาทำอะไรกับข้าได้กัน!”

จากนั้นนางก็หายไปจากยันต์สั่งสวรรค์

สิ่งที่อยู่ในสายตาของหลิงตู้ฉิงตอนนี้คือสิ่งที่นางเคยต้องการมากที่สุดในตอนนั้น แต่ตอนนี้นางไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะจ้องมองไปที่นางแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น หลังจากนั้นไม่นานร่างกายของเขาก็กลับสู่สภาวะปกติราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

เขาโบกมือเรียกยันต์สั่งสวรรค์ให้บินเข้ามาในมือของเขา และม้วนมันเก็บอย่างทะนุถนอม

จากนั้นเขาถือยันต์สั่งสวรรค์และเดินออกจากห้อง

“สามี ท่านเป็นยังไงบ้าง?” มี่ไล และหลิวเฟ่ยเฟ่ยถามอย่างเร่งรีบ

คนอื่น ๆ ก็ถามเช่นกัน หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”

ในขณะที่พูด หลิงตู้ฉิงก็ยื่นยันต์สั่งสวรรค์แก่มี่ไลและถามว่า “ข้ากักตัวมานานแค่ไหนแล้ว?”

“นายท่าน ครึ่งเดือนแล้ว!” เสี่ยวเยว่เฟิงรีบพูดจากด้านข้าง

“โอ้!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าเล็กน้อย “เอาล่ะพวกเจ้าแยกย้ายกันไปทำในสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำต่อเถอะ เดี๋ยวข้าต้องทำการปรับแต่งค่ายกลกระบี่เหินเมฆาให้เสร็จ ยังมีกระบี่อีกมากกว่าสิบเล่มที่ยังต้องสร้างให้ครบ”

ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลิงตู้ฉิงนั่งลงและเริ่มสร้างกระบี่บินอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ย ซึ่งต่างเป็นคนที่เคยนอนร่วมเตียงกับหลิงตู้ฉิง พวกนางสัมผัสได้ว่าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

การเปลี่ยนแปลงนี้มันเหมือนกับว่าเจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าเขาได้เปลี่ยนแปลงไป

ในอดีต หลิงตู้ฉิงมักจะกล่าวคำที่เขาต้องการจะสื่อออกมาสั้น ๆ และตรง ๆ แต่ตอนนี้เขาประโยคที่เขาเอ่ยขึ้นมามันเหมือนจะยาวขึ้นและมีรายละเอียดมากขึ้นอีกเล็กน้อย